วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กป.อพช.ใต้ จี้ยกเลิกอัยการศึก หยุดปิดกั้น-คุกคามการแสดงออก ปชช.



17 พ.ย. 2557 คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคใต้ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ยกเลิกกฎอัยการศึก หยุดปิดกั้น คุกคาม การแสดงออกของประชาชน ชี้หลังยึดอำนาจโดย คสช. และมีกระบวนการต่างๆ เพื่อนำสู่การปฏิรูปประเทศนั้น ยังพบการออกประกาศ ออกคำสั่ง และการดำเนินนโยบายในนามของคณะรัฐบาลชั่วคราว ที่สร้างความเดือดร้อน และผลกระทบให้กับประชาชนระดับทั่วไปทั้งประเทศ
รายละเอียดมีดังนี้
แถลงการณ์
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคใต้
เรื่อง ยกเลิกกฎอัยการศึก หยุดปิดกั้น คุกคาม การแสดงออกของประชาชน


หลังการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งต่อมาได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ได้มีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดตั้งรัฐบาล จัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และมีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวรให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยเหตุผล เพื่อลดความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากฝ่ายต่างๆ และเพื่อต้องการให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไป มีวาระแห่งชาติเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย นำไปสู่ความผาสุกของประชาชนร่วมกัน
        
แต่...ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา การออกประกาศ ออกคำสั่ง และการดำเนินนโยบายในนามของคณะรัฐบาลชั่วคราว กลับสร้างความเดือดร้อน และผลกระทบให้กับประชาชนระดับทั่วไปทั้งประเทศ มีการ
ใช้กำลังทหาร คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แผนแม่บทการจัดการป่าไม้แห่งชาติ และกฎอัยการศึก เข้ารุกไล่ ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และตัดโค่นผลอาสิน ของประชาชนคนเล็กคนน้อย
ใช้กำลังทหาร และอำนาจในการออกคำสั่ง ลดกระบวนการ และขั้นตอนสำคัญในการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพที่จะเกิดขึ้นจากการจัดทำโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ทั้งที่กระบวนการต่างๆ เป็นผลดีกับประชาชน
ใช้กำลังทหาร และอำนาจกฎอัยการศึก ข่มขู่ จับกุมประชาชน นักวิชาการ ที่แสดงความเห็นคัดค้าน การเดินหน้าสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ที่เสนอให้มีการพัฒนาโครงสร้างการจัดการผลประโยชน์พลังงานใหม่
ใช้อำนาจในนามของรัฐบาลประกาศเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ภายใต้แผนพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ เช่น การพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ การสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ท่าเรือบ้านสวนกงเชื่อมสองฝั่งทะเลอ่าวไทยอันดามัน ที่จังหวัดสงขลา-สตูล และใช้อำนาจทหารตามกฎอัยการศึก ละเมิดสิทธิประชาชนที่จะมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น
ใช้กำลังทหารและอำนาจกฎอัยการศึก ข่มขู่ คุกคาม ขัดขวาง ประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมในการคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้
ใช้อำนาจในนามของรัฐบาลออกแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการประมง โดยไม่สนใจฟังเสียงของชาวประมงขนาดเล็ก แอบสอดไส้นิรโทษกรรมเรือประมงเถื่อน ตอบสนองความต้องการของนายทุนประมงเรือใหญ่ ไม่สนใจการรักษาฐานทรัพยากรทางทะเลให้ยั่งยืนในระยะยาว
ใช้กำลังทหาร และกฎอัยการศึก ปิดกั้น คุกคาม การแสดงความคิดเห็นประชาชน การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เพื่อที่จะจำกัดการรับรู้ข่าวสารสาธารณะของประชาชน เช่นกรณีของ นางสาวณาตยา แวววีระคุปต์  ผู้ดำเนินรายการเวทีสาธารณะ และเสียงประชาชนเปลี่ยนประเทศไทย

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) มีความเห็นว่าการใช้กฎอัยการศึกในปัจจุบัน ได้ปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน และผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารราชการแผ่นดินในมิติต่างๆ ใช้อำนาจนี้เพื่อผลักดันเดินหน้าโครงการ กิจกรรมต่างๆ ของรัฐบาล ที่อาจสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ โดยไม่ยอมรับฟังเสียงสะท้อนใดๆ ทั้งสิ้นไม่ใช่วิสัยของประเทศที่พัฒนาแล้ว และถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
เราเห็นว่าการประกาศกฎอัยการศึกในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง จนถึงขณะนี้ ได้มีการจัดตั้งรัฐบาล และมีกลไกต่างๆ ในการดำเนินการตามวาระต่างๆ เพียงพอแล้ว ในโอกาสที่รัฐบาลจะสร้างบรรยากาศ การปฏิรูปประเทศ จึงควรสร้างพื้นที่ และเปิดกว้างให้มีการรับฟังแนวคิด ข้อเสนอแนะ การสะท้อนถึงความเดือดร้อนที่แท้จริงของชาวบ้านและประชาชนทั่วไปในทุกรูปแบบ
เราจึงขอเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาล ยกเลิกกฎอัยการศึกในทุกพื้นที่ เพื่อแสดงถึงความจริงใจในการบริหารประเทศนี้ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป


๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น