วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

‘จอม’ แจงเป็น "แพะรับบาปทางการเมือง" หลังถูกกล่าวหาเป็นเหตุ ‘ข่าวลือ’ จนหุ้นตก

จอม เพชรประดับ เผยคำชี้แจงกรณีถูกกล่าวหา เป็นเหตุก่อข่าวลือจนทำให้หุ้นไทยร่วงรุนแรง หลังเปิดเผยบทสัมภาษณ์อ้างแหล่งข่าวระดับสูงในราชสำนัก และ สัมภาษณ์จักรภพ ระบุทำหน้าที่สื่อมวลชน และตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ด้วยความรัก ความศรัทธา
หลังจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปิดตลาดลบ 36.46 จุด ดัชนี 1,478 จุด มูลค่าซื้อขาย 1 แสนล้าน โดยลงอย่างหนักในช่วงบ่ายกว่า 130 จุด จนกระทั่งวันต่อมา พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการเทขายหุ้นดังกล่าว โดยอ้างว่ามีสาเหตุมาจาก รายการ Thaivoicemedia โดย จอม เพชรประดับ ที่เปิดเผยบทสัมภาษณ์อ้างแหล่งข่าวระดับสูงในราชสำนัก และ สัมภาษณ์จักรภพ เพ็ญแข ทำให้เกิดข่าวลือไม่เหมาะสม ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดปัญหา
ล่าสุด จอม เพชรประดับ ได้เผยแพร่คำชี้แจงของตนเองถึงกรณีที่ถูก พล.ต.สรรเสริญ กล่าวหาดังกล่าว ในเว็บไซต์ Thaivoicemedia.com และ เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Jom Petchpradab’ โดยระบุว่า “เป็นอีกครั้งครับ ที่ผมต้องกลายเป็น "แพะรับบาปทางการเมือง" ในสงครามการแย่งอำนาจของการเมืองไทย ขอโปรดให้ความเป็นธรรม และกรุณารับฟังคำชี้แจงนี้ของผมบ้างครับ”
คำชี้แจง
จอม เพชรประดับ
กรณีถูกกล่าวหา เป็นเหตุทำให้หุ้นไทยร่วงรุนแรง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557

กรณี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศไทยว่า ผม (นายจอม เพชรประดับ) เป็นสาเหตุของการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จนสร้างความตื่นตระหนก ทำให้หุ้นไทยร่วงลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี เรื่องนี้ สร้างความไม่สบายใจและเป็นกังวลให้กับผมอย่างยิ่ง เพื่อความเป็นธรรมในการประกอบวิชาชีพของผมเอง และบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงในการสัมภาษณ์ของผม จึงขอใช้โอกาสนี้ ชี้แจงทำความเข้าใจดังนี้
  •  ประเด็นแรก – เรื่องข่าว “เบื้องหลัง สมเด็จพระบรม ทรงหย่า กับหม่อมศรีรัศมิ์” ที่อยู่ในเวปไซด์ “Thaivoicemedia.com” นั้น เป็นการอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในราชวงศ์ ซึ่งข่าวนี้ ผมได้พูดคุยกับบุคคลที่เป็นแหล่งข่าวระดับสูงในราชวงศ์จริง และเหตุที่ได้นำเสนอข่าวนี้ออกไป เพราะเห็นว่า เป็นข้อมูลที่จะทำให้ประชาชนได้เข้าใจกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในราชวงศ์ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจและต้องการที่จะรับรู้อย่างยิ่ง อีกทั้งเห็นว่า เป็นข้อมูลที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจ สมเด็จพระบรมฯ มากยิ่งขึ้น เพราะข่าวที่ออกมาโดยส่วนใหญ่อาจจะทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ว่า “หม่อมศรีรัศม์” เป็นฝ่ายถูกกระทำ

           รวมทั้งการพูดถึงพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่ทรงมีพระอาการดีขึ้นเป็นลำดับแล้วนั้น ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนไทย
           ผมตระหนักดีว่า จำเป็นที่จะต้องระบุชื่อแหล่งข่าวอย่างชัดเจน ในทุกข่าวที่นำเสนอ แต่กรณีนี้ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า หากระบุชื่อจริงลงไป ก็จะสร้างความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อบุคคลที่เป็นแหล่งข่าวอย่างมาก แม้จะเป็นการพูดด้วยความปรารถนาดีและด้วยความรัก ห่วงใยต่อองค์รัชทายาทก็ตาม ซึ่งนี่ก็คือความรับผิดชอบที่สำคัญของสื่อมวลชนด้วยเช่นเดียวกัน
  • ประการที่สอง – เกี่ยวกับ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ผมได้แสดงทรรศนะ ความคิด ความเชื่อของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วหลายครั้ง ผมยืนยันอีกครั้งว่า ผมเป็นคนไทย คนหนึ่ง ที่มีสำนึกรักและศรัทธา สถาบันพระมหากษัตริย์ มาโดยตลอด แต่ในความเป็นสื่อมวลชน ก็ต้องอยู่กับข้อเท็จจริง ความเปลี่ยนแปลงผลิกผันของสังคมโลกยุคใหม่ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยยุคปัจจุบัน ที่ต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบ ในทุกเรื่อง ทุกประเด็นที่ส่งผลและเป็นปัจจัยในการดำเนินชีวิตของพวกเขา

         “สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย” ซึ่งถูกสร้างให้กลายเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาสูงสุดของคนไทยทั้งชาติ เป็นใจกลางของความเป็นประเทศไทย จึงถูกท้าทายด้วยปรากฎการณ์ใหม่นี้ วัฒนธรรมของสังคมใหม่ ที่เน้นการตั้งคำถาม การตรวจสอบ การวิพากษ์วิจารณ์ เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และได้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ ในฐานะของสื่อมวลชน ซึ่งต้องทำงานบนพื้นฐานความสนใจและความเปลี่ยนแปลงใน สังคมโลกยุคปัจจุบัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนำเสนอ หรือพูดถึงปรากฎการณ์ดังกล่าว
         แม้เป็น “สื่อมวลชน” แต่ด้วยความเป็น “คนไทย” การตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เป็นไปด้วยความรัก ความศรัทธา และด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ “สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย” ดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงในผืนแผ่นดินไทย การที่คนไทยจำนวนมากให้ความสนใจใคร่รู้ในสถาบันอันเป็นสิ่งศรัทธาสูงสุดเวลานี้ จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ การตรวจสอบ การตั้งคำถาม ล้วนแล้วอยู่บนความปรารถนาดีที่ต้องการช่วย พยุงให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปให้ได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง นี่คือความเชื่อมั่นและความรู้สึกนึกคิดของผมต่อ “สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย”
  •  ประการที่สาม – การสัมภาษณ์ คุณจักรภพ เพ็ญแข อดีตนักการเมือง ที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ในประเด็น “ความเปราะบางของสถาบันกษัตริย์ไทย” เป็นเหตุผลที่ต่อเนื่องจากคำอธิบายดังกล่าวข้างต้น และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ คุณจักรภพ ให้สัมภาษณ์ในเชิงการตั้งคำถาม การวิพากษ์วิจารณ์ต่อสถาบันกษัตริย์ไทย แต่ได้ทำมาแล้วหลายครั้ง ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยดิ่งร่วงลงอย่างที่สุดแต่อย่างใด

  • ประการที่สี่ – คุณสรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหารไทย พยายามยัดเยียดให้ผมเป็น “ทาสรับใช้ระบอบทักษิณ” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชิงชังอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ผมพยายามอธิบาย ชี้แจง และได้พิสูจน์ตัวเองในเรื่องนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

           การทำหน้าที่สื่อมวลชนของผม ต้องใช้ความอดทน และพยายามอย่างยิ่ง ที่ต้องมั่นคงอยู่กับข้อเท็จจริง สร้างความเป็นธรรม และพยายามรักษาปกป้อง สิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามวิถีทางประชาธิปไตย แต่ก็ไม่วายต้องถูกต้องผลักไสให้ไปอยู่กับฝ่ายฝั่งตรงกันข้ามเสียทุกครั้ง
          คงจำกันได้ ในยามที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้อำนาจของ “ระบอบทักษิณ” ผมเองก็ถูกกระทำและถูกขัดขวางการทำหน้าที่สื่อมวลชน จนไม่อาจปฎิบัติหน้าที่ต่อไปได้จากอำนาจของฝ่าย “ระบอบทักษิณ” ด้วยเหมือนกัน
         เป็นความไม่เป็นธรรมสำหรับผม อย่างยิ่ง ที่กลุ่มอำนาจทั้งหลายที่ขัดแย้ง และพยายามแย่งอำนาจกันเอง แต่กลับทำให้ผมกลายเป็น “แพะทางการเมือง” เสียทุกครั้ง แม้ในยามนี้ที่ชีวิตของผมต้องประสบกับความยากลำบากอย่างที่สุด ในเวลานี้ ผมไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ จาก คุณทักษิณ ชินวัตร หรือแม้แต่กลุ่มการเมืองใด ๆ เลย มีเพียงเพื่อนพี่น้องคนไทยที่ห่วงใย และรักในบ้านเมืองไทยเท่านั้นเองที่คอยให้ความเมตตาช่วยเหลือผมอยู่ในขณะนี้
           ผมขอวิงวอนว่า อย่าทำให้การปฎิบัติหน้าที่สื่อมวลชนของผมไปให้เครดิตกับ ระบอบทักษิณ หรือกลุ่มการเมืองใดอีกเลย
  •  ประการสุดท้าย – ความผิดพลาด และล้มเหลวในการบริหารประเทศ ของ รัฐบาลเผด็จการทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหลายเรื่อง หลายประเด็น ล้วนแล้วสร้างความเสียหายต่อคนไทยอย่างรุนแรงอยู่ในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ และบุคคลที่อยู่ในคณะรัฐบาลควรจะหันกลับมาพิจารณาตัวเองมากว่า แทนที่จะโยนความผิดพลาดนี้ให้กับ ผม หรือ บุคคลอื่น

         พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อำนาจสูงสุดมาด้วยการทำรัฐประหาร ซึ่งไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว แต่หากต้องพิสูจน์ความเสียสละและความจริงใจที่ต้องการทำเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ และด้วยจิตใจที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องมีความรับผิดชอบในความผิดที่เกิดขึ้น กรณีหุ้นดิ่งลงเหวอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ในเบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องโยนความรับผิดชอบนี้ไปที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ในฐานะผู้รับผิดชอบเบื้องต้นมากกว่า แทนที่จะเอา ผม ไปเป็นแพะ เหมือนกับความล้มเหลวอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ท่านมีอำนาจสูงสุดในประเทศ
           ขอย้ำและขอยืนยันอีกครั้งว่า แม้ผมไม่สามารถอยู่ในประเทศอันเป็นที่รักของผมได้ แต่ก็ยังคงยืนยันที่จะทำหน้าที่สื่อมวลชนไทย เพื่อเรียกร้อง ปกป้อง สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์ให้กับคนไทยทั้งแผ่นดินต่อไป เพื่อวันหนึ่งคนไทยทั้งประเทศจะได้ภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของประเทศไทยที่แท้จริง แม้สุดท้ายผมเองอาจจะไม่มีวันกลับมาตายในแผ่นดินอันเป็นที่รักของตัวเองก็ตาม
ด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อทุกคน
จอม เพชรประดับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น