วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กทม. แจงเหตุกล้องวงจรปิดไม่ชัดเพราะเน้นจับภาพกว้าง


25 ส.ค. 2558 จากกรณีเหตุระเบิดที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์เมื่อสัปดาห์ก่อน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งเหตุระเบิดที่ท่าน้ำสาทรนั้น ประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์คือความคมชัดของภาพผู้ต้องสงสัยที่ได้จากกล้องวงจรปิดหรือกล้องซีซีทีวี บริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ
วานนี้(24 ส.ค.58) โพสต์ทูเดย์ และมติชนออนไลน์ รายงาน คำชี้แจงในประเด็นดังกล่าวของ ไตรภพ ขันตยาภรณ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบจราจร สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร กำกับดูแลงานกล้องซีซีทีวี โดย ไตรภพ ระบุว่า สาเหตุที่กล้องซีซีทีวีของกรุงเทพมหานครจับภาพไม่ชัดเจน เมื่อเทียบกล้องซีซีทีวีของตำรวจที่จับภาพเลขทะเบียนรถที่กระทำผิดอย่างชัดเจน เนื่องจากลักษณะการทำงานของกล้องซีซีทีวีต่างกัน โดยกล้องของตำรวจเป็นระบบบันทึกภาพเจาะจงเป็นช็อตๆ เพื่อระบุผู้กระทำผิดอย่างชัดเจน กล้องมีความละเอียดสูง ราคาตัวละประมาณ 100,000 กว่าบาท
“อย่างกล้องของตำรวจที่ว่านั้นเป็นกล้องที่มีความละเอียดสูงมาก ตกราคาประมาณตัวละแสนกว่าบาท ขณะที่กล้องซีซีทีวีของกรุงเทพมหานครที่ใช้อยู่ตัวละไม่ถึงสี่หมื่นบาทเท่านั้น เพราะลักษณะงานคนละแบบกัน  แต่หากต้องการใช้แบบเฉพาะเจาะจงจริงๆ อย่างวันนี้ต้องการจับภาพให้ชัดเจนตรงจุดไหน  ก็สามารถทำได้โดยเปลี่ยนระบบที่เป็นมุมกว้างทั่วไปมาเป็นระบบโฟกัสเฉพาะจุดได้” ไตรภพ กล่าว
โดยข้อมูลการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีล่สุดของ กทม. เกิดขึ้นในช่วงปี 2557-2558 จำนวนกว่า 10,000 ตัว ความละเอียดสูง 5 ล้านพิกเซล ติดตั้งตามแยกใหญ่ๆ ราคาอยู่ที่ 30,000 บาทต่อตัว ยังไม่รวมกับกล้อง IR Bullet กล้องอินฟาเรดที่สามารถมองเห็นได้ในเวลากลางคืน
ผบ.ตร. ระบุสภาพการทำงาน วงจรปิดเสียครึ่งๆ
ขณะที่ มติชนออนไลน์และผู้จัดการออนไลน์ รายงาน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงปัญหาการติดตามผู้ต้องสงสัยกับความขัดข้องทางเทคนิคโดยเฉพาะกล้องวงจรปิด ว่าทุกวันนี้ติดตามคนร้ายจากกล้องซีซีทีวี ระหว่างทางมี 20 ตัว แต่เสียไป 15 ตัว ใช้ได้ 5 ตัว ก็กระโดดไปกระโดดมา มีส่วนที่หายไป ตำรวจมานั่งจินตนาการว่าตรงนั้นคืออะไร ทำให้ต้องเสียเวลาสร้างจินตนาการ ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ใช่
“เคยดูหนังซีเอสไอไหม คล้ายอย่างนั้น แค่เราไม่มีเครื่องมือเลย ทุกวันนี้ตำรวจไทยทำงานด้วยความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญ ประสบการณ์ จินตนาการ ครีเอตสถานการณ์สร้างเรื่องสร้างสตอรีขึ้นมา มันน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ยกตัวอย่างทุกวันนี้เราติดตามคนร้ายจากกล้องซีซีทีมี ระหว่างทางมี 20 ตัว แต่เสียไป 15 ตัว ใช้ได้ 5 ตัว ก็กระโดดไปกระโดดมา มีส่วนที่หายไป ตำรวจมานั่งจินตนาการว่าตรงนั้นคืออะไร ต้องเสียเวลาสร้างจินตนาการ ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ใช่ แต่ถ้ามีเครื่องมือที่ว่าจะสามารถบอกได้เลยว่าคนร้ายไปโผล่จุดไหนบ้าง เช่น เห็นที่ราชประสงค์ ไปโผล่สีลม แต่กล้องเสียทั้งหมด บังเอิญกล้องดุสิตธานีใช่ได้ ไปโผล่หัวลำโพง โดยเราต้องใช้ทั้งซีซีทีวี พยานและหลายอย่างประกอบเพื่อให้น้ำหนักของพยานหลักฐาน ซีซีทีวีไม่ใช่คำตอบสุดท้าย” พล.ต.อ.สมยศกล่าว
แจงปฏิบัติการปิดเมืองค้นรังโจร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว
สำหรับความคืบหน้า พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ว่า ที่ผ่านมาตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งปฏิบัติการเชิงรุกในการป้องกันปราบปรามเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและการสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย ส่งทีมงานติดตามสืบสวนคนต้องสงสัยทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ตามแนวทางการสืบสวนตามคำบอกเล่า และข้อมูลที่ประชาชนผู้หวังดีให้ข่าวสารถึงบุคคลต้องสงสัยว่าหลบไปพำนัก ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเพื่อให้สิ้นสงสัย
สำหรับการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการปิดเมืองค้นรังโจร พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวในการดูแลความปลอดภัย แสดงว่ารัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เอาใจใส่ มุ่งหวังให้เกิดความเชื่อมั่น เชื่อใจรัฐบาล มั่นใจเจ้าหน้าที่รัฐว่าดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวได้ อย่างไรก็ตาม การสืบสวนคลี่คลายคดีทุกอย่างมีจุดหมาย มีเหตุผล ไม่เปิดเผย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงความช่วยเหลือจากต่างชาติและการนำเครื่องมือที่ทันสมัยมาช่วยในการสืบสวนว่า ขณะนี้มีมิตรประเทศหลายประเทศให้ความร่วมมือในการสนับสนุน ขณะมีบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจด้านเครื่องมือเหล่านี้นำเครื่องมือมานำเสนอให้ทดสอบ โดยช่วงวันที่ 22-23 ส.ค.ที่ผ่านมาหลายบริษัทนำเครื่องมือมาให้ดู เราดูว่าทำประโยชน์อะไรได้บ้าง ต่อเชื่อมกับสิ่งที่เรามีหรือไม่ ขณะนี้มีหลายสิ่งที่เรารออยู่ มีหลายสิ่งที่เราส่งไปตรวจสอบที่ต่างประเทศ อยู่ระหว่างรอตอบกลับมา ยอมรับว่าตอนนี้เรายังไม่มีอุปกรณ์ ที่มีศักยภาพในการตรวจสอบ ปัจจุบันการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ตรวจสอบ เพียง ชื่อ วันเดือนปีเกิด พาสปอร์ต เราตรวจสอบได้เท่านั้น แต่ปัจจุบันบางประเทศใช้ไบโอแมทริกส์ที่ตรวจสอบรูปหน้า ลายพิมพ์นิ้วมือ และแววตา ขณะนี้ตนทำเรื่องขออนุมัติจัดซื้อจัดหาไว้ใช้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทั่วประเทศ และตำรวจทุกหน่วยสามารถใช้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น