วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กษัตริย์กัมพูชาลงนาม กม.คุมเอ็นจีโอแล้ว อีกสิบวันบังคับใช้


กฎหมายที่ทำให้เกิดข้อโต้แย้งในสังคมกัมพูชาอย่าง 'กฎหมายว่าด้วยการชุมนุมและองค์กรที่ไม่ใช่ของรัฐ' ได้รับการรับรองจากกษัตริย์กัมพูชาให้มีผลบังคับใช้แล้วท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรภาคประชาสังคมทั้งในและนอกประเทศที่บอกว่าเป็นกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและขัดต่อหลักการสากล
14 ส.ค. 2558 เมื่อช่วงคืนวันพุธที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ทรงลงพระปรมาภิไธยรับรองร่าง 'กฎหมายว่าด้วยการชุมนุมและองค์กรที่ไม่ใช่ของรัฐ' (Law on Associations and Non-governmental Organisations หรือ LANGO) ในวันเดียวกับที่สภารัฐธรรมนูญของกัมพูชาประกาศว่าร่างกฎหมายดังกล่าว "เป็นไปตามหลักการรัฐธรรมนูญ"
กฎหมายควบคุมการชุมนุมและองค์กรเอ็นจีโอของกัมพูชามีการให้อำนาจรัฐในการควบคุมกิจกรรมของกลุ่มภาคประชาสังคมสูงมากโดยอ้างเรื่องความมั่นคงของชาติ เช่นกำหนดให้การให้องค์กรเอ็นจีโอทั้งในกัมพูชาและจากภายนอกต้องจดทะเบียนกับรัฐ ให้องค์กรเอ็นจีโอทั้งหมดมีความเป็นกลางทางการเมือง และให้อำนาจรัฐในการปิดกั้นหรือสั่งยุบกลุ่มโดยเป็นอำนาจที่ไม่มีการตรวจสอบ
กฎหมายดังกล่าวหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "กฎหมายควบคุมเอ็นจีโอ" เป็นกฎหมายที่ถูกต่อต้านจากภาคประชาสังคมในกัมพูชาอย่างมาก โดยในช่วงก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา องค์กรสิทธิมนุษยชน 2 กลุ่มในกัมพูชาต่างเรียกร้องให้สภารัฐธรรมนูญของกัมพูชาปฏิเสธร่างกฎหมายนี้ เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวมีหลายส่วนที่ละเมิดเสรีภาพและสิทธิของประชาชนที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ โดยมีอย่างน้อย 11 มาตราที่ขัดต่อหลักการรัฐธรรมนูญกัมพูชาและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR)
นอกจากนี้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (OHCHR) ในสาขากัมพูชายังวิเคราะห์กฎหมาย LANGO โดยแสดงความเป็นห่วงอย่างมากว่า กฎหมายดังกล่าวขัดต่อหลักการรัฐธรรมนูญของประเทศและหลักการสากล
บริตติส เอ็ดแมน ผู้อำนวยการโครงการตะวันออกเฉียงใต้ขององค์กรคุ้มครองสิทธิพลเมือง 'ซีวิลไรท์ดีเฟนเดอร์' กล่าวว่า "กฎหมายที่โหดร้ายนี้ถือเป็นภัยที่แท้จริงต่อภาคประชาสังคมของกัมพูชา ประชาคมนานาชาติควรพยายามต่อต้านกฎหมายนี้ต่อไปและคอยสอดส่องดูแลความเป็นไปได้ที่จะมีการนำกฎหมายนี้มาใช้ในทางที่ผิด"
เว็บไซต์ขององค์กรซีวิลไรท์ดีเฟนเดอร์ระบุว่า ที่ผ่านมากลุ่มที่ชุมนุมอย่างสงบเพื่อต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ถูกคุกคาม ถูกทำร้าย ถูกตั้งข้อหา และถูกจับเข้าคุก แต่แม้ว่าจะต้องทำงานอยู่ภายใต้ความเสี่ยงสูงแต่พวกเขาก็ยังคงช่วยเหลือเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและมีข้อเสนอในเชิงสร้างสรรค์ให้กับรัฐบาลในการพัฒนาสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน
โดยเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาชาวกัมพูชาจากทุกภาคส่วนในสังคมหลายร้อยคนรวมตัวกันประท้วงกฎหมายนี้ในกรุงพนมเปญ มีองค์กรภาคประชาสังคมวิจารณ์กฎหมายนี้ว่าเป็นกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็นและเป็นกฎหมายที่มีแรงจูงใจทางการเมืองเพื่อลิดรอนสิทธิของประชาชน กลุ่มประชาสังคม 31 กลุ่มยังร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึกต่อสภาแห่งชาติกัมพูชาเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการร่างกฎหมายโดยไม่เปิดเผยต่อสื่อและมีข้อผิดพลาด อีกทั้งยังไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือให้โอกาสประชาชนได้เสนอแนะต่อร่างกฎหมายดังกล่าว
ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลกัมพูชาจะจัดให้มีขั้นตอน "ปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น" เป็นเวลาเพียงครึ่งวันเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ซีวิลไรท์ดีเฟนเดอร์ก็ระบุว่าขั้นตอนดังกล่าวเป็นแค่การทำแบบขอไปทีและเป็นขั้นตอนที่มาช้าเกินไปจนกระบวนการไม่โปร่งใสและไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางพรรครัฐบาลกัมพูชาต่างโหวตผ่านร่างกฎหมายนี้อย่างเป็นเอกฉันท์ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านประกาศบอยคอตต์การโหวตร่างกฎหมายนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น