วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

ทนายร้อง ผบ.ตร. ถอดยศทักษิณไม่ถูกต้อง จี้เอาผิด ‘ประยุทธ์-คสช.’ ตาม ม.112


7 ก.ย.2558 กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ก.ย. ธนเดช พ่วงพูล ทนายความเอกชนแห่งหนึ่ง เข้ายื่นหนังสือเกี่ยวกับกรณีการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในกรณีที่มีการถอดยศนั้นไม่ครบตามกระบวนการที่ถูกต้อง  
โดยมีนายตำรวจเวรประจำวัน เป็นผู้รับหนังสือแทน หลังจากที่ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งที่ 26/2558 ในการดำเนินการเพื่อถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายทักษิณ ชินวัตร โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 เนื่องจากพิจารณาเห็นแล้วว่า เป็นกรณีกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ และความจำเป็นที่ต้องดำเนินการเป็นการด่วน ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบคำสั่งข้อกฎหมายว่าด้วยการถอดยศตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2547 แล้วเห็นว่ามีมูล สมควรใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งให้ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากยศตำรวจ ที่ได้ลงไว้ ณ วันที่ 5 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา
ธนเดช กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ (6 ก.ย.) เพื่อเรียกร้องให้พล.ต.อ.สมยศ ดำเนินการเรื่องการถอดยศตามกระบวนการให้ครบตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ 2547 มาตรา 28 เนื่องจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไม่อาจจะยกเว้นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ จึงอยากให้ดำเนินการตามกฎหมายกับ พล.อ.ประยุทธ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยยืนยันว่าการมาเรียกร้องในวันนี้ ไม่ได้รับการว่าจ้างอดีตนายกรัฐมนตรี และไม่เคยติดต่อกันมาก่อน ซึ่งตนก็มาเพียงในฐานะของนักกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณแต่อย่างใด หลังจากนี้จะไม่ไปยื่นเสนอเรื่องนี้กับทาง คสช. แต่ต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ
นอกจาก ธนเดช  เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว มติชนออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า ธนเดช  เห็นว่า คสช.และคณะกระทำการไม่บังควรและเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 จึงอยากให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พร้อมรายงานด้วยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ ของ ธนเดช เขาระบุว่า มาในนามส่วนตัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น