สุชน ชาลีเครือ ยื่นใบลาออก เพื่อไทย เพราะได้เก้าอี้สภาขับเคลื่อนฯ แต่ไม่ตัดขาดจากกัน สมพงษ์ สระกวี แกนนำแดง ออกด้วย แจงนั่ง สปท. เผยเดินหน้าดัน 'นิรโทษกรรม'
6 ต.ค.2558 ที่พรรคเพื่อไทย อาคารโอไอเอทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อเวลา 13.30 น. นายสุชน ชาลีเครือ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อ พล.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค หลังจากได้รับการประกาศแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
โดย นายสุชน กล่าวว่า ตนได้ไปยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อไปทำหน้าที่ สปท. ดังนั้น เพื่อให้การทำงานในฐานะ สปท. เป็นไปด้วยความอิสระ เป็นกลางทางการเมือง ไม่ผูกมัดสถานะสมาชิกพรรค จึงยื่นหนังสือลาออก และขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่เปิดโอกาสให้ทำงานเพื่อประเทศในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.ท.วิโรจน์ ไม่ได้คัดค้านอะไร การมาทำงานเป็น สปท. ครั้งนี้ มาในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ตนยอมรับในเงื่อนไขของพรรคว่า หากใครจะไปเป็น สปท. ต้องลาออก แต่ไม่อยากให้ใครตีความการลาออกไปในทางเสียหาย แต่ตนมีเจตนารมณ์ต้องการมาช่วยสร้างความปรองดอง ยุติความขัดแย้ง
เมื่อถามว่า การลาออกครั้งนี้ พร้อมตัดขาดจากพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายสุชน กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้มีความเป็นอิสระ พร้อมจะมาทำงานเพื่อสร้างความปรองดอง แม้จะไปทำงานคนละหน้าที่กับพรรคเพื่อไทย แต่ความเป็นพี่น้อง เพื่อนยังคงอยู่เหมือนเดิม ทั้งนี้จะเดินทางมารายงานตัวเป็น สปท. ที่รัฐสภา ในวันที่ 7 ต.ค. เวลา 09.00 น.
รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า ขณะที่ นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ว.สงขลา และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น สปท. และเข้ารับการรายงานตัวแล้วในวันนี้ ก็เตรียมเข้ายื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเช่นกัน
แกนนำแดง แจงนั่ง สปท. เผยเดินหน้าดัน 'นิรโทษกรรม'
นายสมพงษ์ ว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่ายังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่หรือไม่ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเคยยื่นใบลาออกจากพรรคช่วงไปลงสมัคร ส.ว.สงขลา แล้วหรือยัง แต่ไม่ซีเรียสอะไร เพราะไม่ได้มีตำแหน่งในพรรค และการเป็น สปท.ไม่มีข้อห้ามสมาชิกพรรคการเมืองมาดำรงตำแหน่ง การได้เป็น สปท.ครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมาช่วยงานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีต สปช. เป็นประธาน ต่อมาเมื่อคณะกรรมการชุดดังกล่าวถูกยุบไป ทางคณะกรรมการฯ ได้เสนอชื่อตนและคนอื่นๆ มาเป็น สปท.เพื่อสานงานต่อเรื่องความปรองดอง จึงมาเป็น สปท.ในโควตาของคณะกรรมการปรองดองฯ ไม่ใช่ในนามพรรคเพื่อไทยหรือ นปช.
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า จะมาเดินหน้าผลักดันเรื่องการนิรโทษกรรมให้สำเร็จ เพราะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เกิดความปรองดอง จะให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนไม่เกี่ยวกับแกนนำและคดีทุจริต คดีตามมาตรา 112 อย่างไรก็ตาม ในส่วนประชาชนที่ต้องโทษคดีเผาบ้านเผาเมือง เห็นว่าควรอยู่ในข่ายได้รับการนิรโทษกรรมด้วย เพราะที่ผ่านมาเคยมีการนิรโทษกรรมให้นักศึกษาที่เผาทำลายสถานที่ราชการ ในเหตุการณ์ วันที่ 14 ต.ค. 2516 และ 6 ต.ค.2519 และเหตุการณ์เดือนพฤษภาฯ ทมิฬมาแล้ว 3 ครั้ง ส่วนที่กลุ่ม นปช.และพรรคเพื่อไทย จะตัดขาดสมาชิกพรรคที่ไปเป็น สปท.นั้น ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เคยทักท้วงตนไม่อยากให้ไปเป็น สปท. แต่ตนพิจารณาแล้วอยากมาผลักดันเรื่องการนิรโทษกรรม เพราะขณะนี้มีคดีที่เกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรฯ และคนเสื้อแดงค้างคาอยู่ถึง 6,000 คดี บางส่วนก็ติดคุกอยู่ จึงต้องมาผลักดันเรื่องนี้ ส่วนความสัมพันธ์กับกลุ่ม นปช. หลังจากนี้คิดว่าในส่วนของแกนนำ นปช.ยังสามารถอธิบายเหตุผลการมาเป็น สปท.ให้เข้าใจได้ แต่ยอมรับว่า คนเสื้อแดงผิดหวังมาก รู้สึกว่าเหมือนถูกหักหลัง ซึ่งไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อย่างไรก็ตามตนยังมีความเป็นเสื้อแดงในหัวใจอยู่ และยังรักคนเสื้อแดงอยู่เหมือนเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น