วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

ยังไม่จบ 'พล.อ.ไพบูลย์' ยันยังตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ อย่างต่อเนื่อง ไม่มีเสียงอ่อน


พล.อ.ไพบูลย์ ประธาน ศอตช. ยันยังตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ อย่างต่อเนื่อง ไม่มีเสียงอ่อน พบเอกชนและบุคคลที่หายตัวไปติดตามไม่ได้  อาจจะเป็นประเด็นขึ้นมา ส่วนคดีรถหรู วัดปากน้ำฯ เตรียมเรียกดีเอสไอสอบถาม
18 ม.ค. 2559 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้ได้รับข้อมูลตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้วมีรายละเอียดยอดเงิน และการเคลื่อนไหวทางบัญชีต่างๆ ซึ่งพบว่ารายละเอียดไปเชื่อมโยงกับเอกชนและบุคคลที่หายตัวไปติดตามไม่ได้ ข้อมูลขณะนี้ชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกับผู้ที่หายไป อาจจะเป็นประเด็นขึ้นมาว่า แล้ว จะชี้ไปในแนวทางใด  ซึ่งต้องมีการประชุมร่วมกัน  แล้วสรุปผลอย่างไร จะนัดแถลงอย่างละเอียดโดยเปิดให้ทุกฝ่ายที่อยากฟังผลการตรวจสอบร่วมฟังได้หมด ผู้สงสัย ก็จะเปิดให้ถามในการแถลง เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ในทางอื่น โดยตนขอยืนยันว่า การตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด ไม่มีเสียงอ่อน
เตรียมเรียกดีเอสไอสอบถามคดีรถหรู วัดปากน้ำฯ
ต่อกรณี ที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฎิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนามายื่นหนังสือให้ดีเอสไอเร่งรัดการตรวจสอบการครอบครองรถหรูของสมเด็จพระมหามังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า คดีรถหรูเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้วตั้งแต่ปี 2556 คงไม่ต้องเร่งรัด และเชื่อว่าพนักงานสอบสวนทำคดีตามหน้าที่ ไม่เช่นนั้น หากคดีใดมีผู้ร้องเข้ามาก็ต้องเร่งทำหรือคดีใดไม่มีผู้ร้องก็ไม่ต้องทำใช่หรือไม่ ถ้าทำเช่นนี้ก็ไม่ธรรม อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ก็ข้องใจว่าเหตุใดคดีนี้จึงต้องแยกประเภทเอาผิดกับรถหรูที่ราคาต่ำว่า 4 ล้านบาทและราคาสูงกว่า 4 ล้านบาทขึ้นไปโดยตรวจกลุ่ม 4 ล้านบาทขึ้นไปก่อนทั้งที่เป็นความผิดมูลฐานเดียวกันตามหลักการแล้วควรทำเหมือนกันทั้งระบบไม่ว่ารถราคาเท่าใดก็มีความผิดเหมือนกัน หากเร่งรัดเฉพาะกรณีก็จะทำให้เกิดปัญหา แต่คดีนี้ยาวนานมาถึง 3 ปี ซึ่งจะเรียกอธิบดีดีเอสไอมา สอบถาม
 
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสังคมเพราะมีความเชื่อมโยงกับเรื่องอื่น ถ้าพิสูจน์แล้วพบว่ามีความผิดก็ต้องผิด ถูกก็ต้องถูกไม่ว่าจะมีชื่อใครครอบครอง ส่วนถ้าผลการตรวจสอบออกมาแล้วผู้เกี่ยวข้องจะนำไปประกอบเรื่องอะไรก็เป็นหน้าที่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับไปดำเนินการต่อและถ้าผลคดีจะออกในช่วงนี้ก็ต้องออก ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะคดีดำเนินการไปตามปกติ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น