วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กกต. เอาจริงเพจปล่อยเพลงหยาบจูงใจโหวตทางใดทางหนึ่ง ปัดตอบเพลงตัวเอง


8 มิ.ย. 2559 กรณี บทเพลง “7 สิงหาประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง” ที่ถูกจัดทำโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถูกวิจารณ์ถึงเนื้อหาที่มีการดูถูกภาคเหนือ-อีสาน นั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) วานนี้ (7 มิ.ย.59) ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า ศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องมุมมองของแต่ละคนที่จะมีความเห็น กกต.คงไม่ไปตอบโต้อะไรทั้งสิ้น อีกทั้งทราบว่าทางศิลปินก็ได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้วด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้กระบวนการทำประชามติทุกขั้นตอนมีความพร้อมมาก ซึ่งหลังจากนี้ กกต. ก็จะเน้นไปที่แผนการประชาสัมพันธ์การทำประชามติให้มากยิ่งขึ้น
วันนี้ (8 มิ.ย.59) สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ยังเลี่ยงที่จะตอบกรณี เพลง ดังกล่าว ของ กกต. ที่ถูกมองว่า มีเนื้อหาบางท่อนดูหมิ่นคนภาคอีสาน และภาคเหนือ โดยระบุว่า ขอไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ และ กกต.ก็ไม่ได้หารือถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุม กกต. ส่วนตัวยังเห็นว่า เนื้อหาไม่ได้เป็นการดูหมิ่นคนภาคใด และผู้แต่งเพลงก็ยืนยันแล้วไม่ได้เจตนาที่จะดูหมิ่นแต่อย่างใด
 
ต่อคำถามที่ว่า จำเป็นหรือไม่ที่ กกต.จะต้องระงับเพลง 7 สิงหาฯ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย สมชัย กล่าวว่า คิดว่าบางทีสังคมก็อ่อนไหวเกินไป และบางเรื่องก็ไม่เป็นสาระสำคัญมากนัก
 

เอาจริงเพจปล่อยคลิปเพลงหยาบจูงใจคนโหวตทางใดทางหนึ่ง

สมชัย กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กกต. ได้รับทราบกรณีที่มีเพจในเฟซบุ๊กได้เผยแพร่เพลงที่มีข้อความหยาบคาย และโน้มน้าวจูงใจให้คนไปออกเสียงประชามติในทางใดทางหนึ่ง และได้มอบหมายให้คณะทำงานของสำนักงาน กกต.ไปศึกษา ว่าเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่ ตามที่ได้ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ คาดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์น่าจะได้ข้อมูล อยากฝากถึงบุคคลที่ปรากฏในคลิปเพลงดังกล่าว หากไม่รู้เห็น หรือกระทำการก่อน พ.ร.บ.ประชามติมีผลบังคับ ก็ควรไปแจ้งลงบันทึกประจำวัน ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น หรือสนับสนุนให้มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวหลัง พ.ร.บ.ประชามติมีผลใช้บังคับ เพราะไม่ฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดไปด้วย รวมทั้งประชาชนทั่วไปขอให้ระมัดระวังในการส่งต่อคลิปดังกล่าว
 
สมชัย กล่าวว่า การออกมาเตือนเรื่องดังกล่าวไม่ใช่แค่ขู่เพื่อให้เลิกกระทำ แต่กกต.เอาจริงทุกเรื่อง แต่การจะทำอะไรต้องเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม ขณะนี้เรื่องจึงอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล หากพบว่าเข้าข่ายมีความผิด ก็จะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ หรืออย่างกรณี การขายเสื้อโหวตโนของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ก็อยู่ในขั้นการดำเนินการ และยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าว กกต. ไม่สามารถรอคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะตราบที่ศาลยังไม่วินิจฉัยต้องถือว่า พ.ร.บ.ประชามติยังมีผลบังคับใช้อยู่  กกต. ในฐานะผู้รักษาการกฎหมายก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง หากหยุดดำเนินการก็มีโอกาสที่จะถูกฟ้องฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
 

ศูนย์ปราบโกงประชามติ ต้องระวังไม่ผิด กม.

ส่วนกรณีการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น  สมชัย กล่าวว่า ตนเคยยืนยันแล้วเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนจะช่วยกันสอดส่องการออกเสียงประชามติ แต่ระเบียบของ กกต.ไม่ได้ส่งเสริมให้องค์กรเอกชนเข้ามาร่วมตรวจสอบประชามติ เหมือนกับการเลือกตั้ง ที่ กกต. สามารถเข้าไปสนับสนุนได้เต็มที่ ดังนั้น กกต. จึงไม่สามารถไปส่งเสริมให้องค์กรเอกชนเข้ามาสังเกตการณ์การออกเสียงในหน่วยออกเสียงได้
 
สมชัย กล่าวว่า การรวมตัวกันของประชาชนที่จะสังเกตการณ์การออกเสียงแม้จะทำได้ แต่ต้อง 1.ไม่เข้าไปในหน่วยออกเสียง 2.ไม่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วย 3. ไม่ก่อความวุ่นวาย หรือแสดงท่าทีการโน้มน้าว จูงใจ ปลุกระดม ข่มขู่ ให้ผู้มาออกเสียงออกเสียงไปทางใดทางหนึ่ง ถ้ายึดในหลักการนี้ได้การรวมตัวสอดส่องก็สามารถทำได้ รวมทั้ง กกต. มีแอพพลิเคชั่นตาสับปะรด เพื่อรับแจ้งเหตุ ประชาชนก็สามารถแจ้งเข้ามาได้ ซึ่งขณะนี้ยังมีน้อยอยู่ รวมถึงถ้า นปช. อยากให้ กกต. ส่งคนไปอบรมการใช้แอพพลิฯดังกล่าวก็พร้อม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น