วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

ผิดม.112 ศาลทหารสั่งจำคุก 5 ปี 6 เดือน ผช.หัวหน้า สนง.ฝ่ายเสนาธิการในพระองค์


ศาลทหารฯ ตัดสิน จำคุก 'พล.อ.ต.ชิดพงศ์ ทองกุม' 5 ปี 6 เดือน ผิด “ม.112 -ลักทรัพย์ –พ.ร.บ.ยา-พ.ร.บ.เครื่องสำอาง
ชิดพงศ์ ทองกุม
        3 มี.ค. 2560 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ที่ศาลทหารกรุงเทพ ทางพนักงานอัยการศาลทหารมีความเห็นควรสั่งฟ้อง และสั่งให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามส่งตัวผู้ต้องหา เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลทหารกรุงเทพ โดยมีพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4  พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. และพล.ต.ต.ณัฐแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สนง. ผบ.ตร. ได้ร่วมกันเบิกตัวผู้ต้องหาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมามอบให้พนักงานอัยการศาลทหาร เพื่อยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลทหารกรุงเทพโดยศาลทหารกรุงเทพได้พิพากษา พล.อ.ต.ชิดพงศ์ ทองกุม อดีตผู้ช่วยหัวหน้าสํานักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์  ในข้อหา 
  • 1. ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มาตรา112 จำคุก 5 ปี แต่รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือ 2 ปี 6 เดือน  
  • 2. ข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ (ม.335 (1) (8)) จำคุก 5 ปี แต่รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือ 2 ปี 6 เดือน
  • 3. ความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำคุก 1 ปี รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 6 เดือน 
  • 4. ความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสาอางค์ พ.ศ.2535 ปรับ 20,000 บาท รับสารภาพ ลดโทษ กึ่งหนึ่ง เหลือปรับ 10,000 บาท 
  • 5. ความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสาอางค์ พ.ศ.2535 ปรับ 30,000 บาท รับสารภาพ ลดโทษ กึ่งหนึ่ง เหลือปรับ 15,000 บาท รวมโทษจำคุก 4 ปี 18 เดือน ปรับ 25,000 บาท ส่วน บริษัท ริชก้าเฮริบ์เวิล์ด จำกัด และ ณพรรษร คาชุนสิงห์สิริ ผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำ ความผิดให้การปฏิเสธ ศาลจำหน่ายคดี ให้โจทก์ฟ้องใหม่ภายใน 10 วัน
        รายงานข่าวระบุด้วยว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมาได้มีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อให้ ดำเนินคดีกับ ชิดพงศ์ ทองกุม ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ใน สถานที่ราชการในเวลากลางคืน และ ในวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วน ปฏิบัติการคณะทางานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงาน สอบสวน กองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาดังกล่าว กับพวก ในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่น ประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สาเร็จ ราชการแทนพระองค์ และกองบังคับการปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ดำเนินคดีในความผิดตาม พรบ.ยา และ เครื่องสำอางค์ ไว้แล้วนั้น 
 
        ต่อมาทางพนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นที่เรียบร้อย และได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัด และเชื่อได้ว่าผู้ต้องหากับพวกได้กระทำความผิดจริง จึงได้ขออนุมัติศาลทหาร เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหา กระทั่งได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ก่อนส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการศาล ทหารดำเนินคดี
 
       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ ให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พล.อ.ต.ชิดพงศ์ ทองกุม ด้วย




           วันที่ 19 ก.พ. เว็บไชต์ราชกิจนุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ ให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปลด พลอากาศตรี ชิดพงศ์ ทองกุม ผู้ช่วยหัวหน้าสํานักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการ ให้ถอดยศทหาร และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560



        เนื่องจากใช้อํานาจหน้าที่ในการแอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ขาดจรรยาแพทย์และราชสวัสดิ์ นําข้อมูลทางการแพทย์ในพระองค์ไปเปิดเผย ลักพระราชทรัพย์ ซึ่งเป็นพระราชมรดกตกทอดอันศักดิ์สิทธิ์ ขาดเวรยาม ขัดคําสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับตําแหน่งหน้าที่ รวมทั้งหย่อนยานเพิกเฉยและละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ ประพฤติตนไม่ให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ทําให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่งในราชการในพระองค์


           ทั้งนี้ ตามข้อ 4 (2) ของข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตําแหน่ง ข้าราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2502 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พ.ศ. 2497 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยศทหาร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2501 ประกอบกับ ข้อ 2 ของระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ. 2507 และตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ประกาศ ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น