วัฒนา' พบปอท. ยันแสดงความเห็นตามกฎหมาย ระบุยังไม่มีการแจ้งข้อหา พร้อมขอยุติตามหาหมุดคณะราษฎร ขณะที่ ทหารคุม 'ชมรมธรรมาธิปไตย' ปรับทัศนคติค่ายทหาร หลังแจ้งความหมุดหาย 'สมานฉันท์แรงงาน' ร่อน จม.ร้องจนท.นำหมุดกลับไปไว้ที่เดิม สืบหาผู้ลงมือ วิษณุ ระบุแจ้งความได้ในฐานะ 'พลเมืองดี'
20 เม.ย. 2560 จากกรณีหมุดคณะราษฎร หรือ 'หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ' ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ที่ระบุถึงเหตุการณ์สำคัญและหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475 หายไป แต่ถูกแทนด้วยหมุดใหม่ที่มีข้อความและความหมายใหม่แทนในจุดเดิม ซึ่งขณะนี้ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ปฏิบัติการดังกล่าวนั้น
'วัฒนา' พบปอท. ยันแสดงความเห็นตามกฎหมาย
ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.60) Voice TV รายงานว่า วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. จากกรณีกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ระดับบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมให้ ปอท.ดำเนินคดี วัฒนา จากกรณีโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นในทางกฎหมาย ระบุว่าหมุดคณะราษฎรที่ถูกมือมืดถอดออกไปนั้นเป็นโบราณวัตถุ ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นการนำเข้าข้อมูลที่เป็นความเท็จและกระทบต่อความมั่นคง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ยังไม่มีการแจ้งข้อหา
วัฒนา ระบุว่า แม้จะยังไม่มีการแจ้งข้อหาเกิดขึ้น แต่ตนก็มาแสดงตนเพื่อยืนยันในเจตนาบริสุทธิ์ของสิ่งที่ตนพูด โดยยืนยันว่าเป็นการแสดงความเห็นในทางกฎหมาย ซึ่งสามารถทำได้ตามมาตรา 34 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 อีกทั้งการแสดงความคิดเห็นในทางกฎหมายและทางวิชาการไม่สามารถเป็นเท็จได้ตามกฎหมาย
วัฒนายังระบุว่าแต่เดิม ตนมีเจตนาที่จะแจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ บก.ปอท.ด้วย แต่เนื่องจากเมื่อมาแสดงตนแล้ว เห็นว่าเจ้าหน้าที่ บก.ปอท.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบากจากการถูกบีบบังคับ ตนจึงเกิดความสงสาร และตัดสินใจที่จะไม่เอาความต่อเจ้าหน้าที่ระดับล่างเหล่านั้น
ขอยุติตามหาหมุดคณะราษฎร
นอกจากนี้ Now 26 รายงานความเห็นของ วัฒนา เพิ่มเติม ด้วย โดยระบุว่า วัฒนา กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นเป็นความผิด วันหนึ่งสื่อก็จะติดคุกด้วย เพราะว่าไม่สามารถจะแสดงความคิดเห็นอะไรได้ พร้อมยืนยันว่า ตนเองคือคนจริงไม่กลัวใคร แต่จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวหรือตามหาหมุดคณะราษฎรอีกแล้ว โดยเรื่องทั้งหมดจะจบภายในเท่านี้ ส่วนใครจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างไรก็เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้
ทหารคุม 'ชมรมธรรมาธิปไตย' ปรับทัศนคติค่ายทหาร หลังแจ้งความหมุดหาย
วันเดียวกัน มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ สน.ดุสิต บุญสิน หยกทิพย์ ฝ่ายประสานงานชมรมธรรมาธิปไตยแห่งชาติ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ชัยชน เรืองเพชร รองสว.(สอบสวน) สน.ดุสิต เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและให้ช่วยติดตามหมุดคณะราษฎร สัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 บริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้าที่หายไป
บุญสิน เปิดเผยว่า ต้องการเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อให้ติดตามหาหมุดดังกล่าวซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บอกว่าประเทศไทยก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามกลับคืนมาให้ได้ และเมื่อได้คืนมาแล้วขอให้นำไปเก็บรักษาไม่ใช่นำไปวางไว้กับพื้น เดิมทีตนตั้งใจจะไปขุดออกมาเก็บไว้อยู่แต่มีคนขุดเสียก่อน ทั้งนี้มั่นใจว่าจะต้องโดนอุ้มอย่างแน่นอนเนื่องจากตั้งใจว่าหลังจากเข้าแจ้งความเสร็จจะเดินเท้าไปยังบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยใช้เครื่องขยายเสียงตลอดเส้นทาง ต้องการให้ทหารหรือตำรวจมาอุ้มเพราะต้องการเข้าไปปรับทัศนคติให้กับบุคคลเหล่านั้นได้เข้าใจเสียใหม่ในเรื่องของระบบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ
ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ ผบก.สส.บช.น. พร้อม พ.ต.อ.นพศิลป์ พลูสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. ร่วมสอบปากคำนายบุญสิน เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
มติชนออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารได้เชิญตัว บุญสิน และสันติพงษ์ วินุราช อายุ 35 ปี เพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วย ไปปรับทัศนคติที่ มทบ.11 ออกทางประตูด้านหลังของสน. โดยนายบุญสิน มีสีหน้าเรียบเฉยและทักทายผู้สื่อข่าวพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “ทางเจ้าหน้าที่ใจดี ช่วยพาขึ้นรถไปไม่ต้องเดินไปเพราะมันร้อน”
'สมานฉันท์แรงงาน' ร่อน จม.ร้องจนท.นำหมุดกลับไปไว้ที่เดิม สืบหาผู้ลงมือ
ขณะที่ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ได้ออกจดหมายเปิดผนึกถึงกรณีนี้ ภายใต้ชื่อ 'รอยจารึกหมุดอภิวัฒน์สยาม 2475 ประวัติศาสตร์ที่ต้องทวงคืน' โดยเรียกร้อง ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ คือ สืบหาผู้กระทำการอย่างอุกอาจในครั้งนี้ภายใต้เทคโนโลยีในยุค 4.0 และนำหมุดอภิวัฒน์สยาม 2475 อันเดิมกลับไปติดตั้งไว้ที่เดิม
คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ระบุด้วยว่า เป็นองค์กรของผู้ใช้แรงงานรวมทั้งองค์กรของผู้ใช้แรงงานต่างได้ซึมซับเรียนรู้เจตนารมณ์และการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งหมุดดังกล่าวมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจประเมินค่าได้ จริงอยู่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตย่อมมีทั้งคนที่ชื่นชมยกย่อง และมีทั้งคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ มีคุณค่ายิ่งต่อการศึกษาเรียนรู้ของอนุชนคนรุ่นต่อๆไป การกระทำดังกล่าวของบุคคลหรือกลุ่มคนที่ได้ทำการรื้อถอนหมุดที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ แล้วนำหมุดใหม่ที่เกิดขึ้นจากความคิดของผู้ไม่หวังดีถือเป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทายอำนาจรัฐ ทำลายมรดกทางประวัติศาสตร์ของชาติ
วิษณุ ระบุแจ้งความได้ในฐานะ 'พลเมืองดี'
วานนี้ (19 เม.ย.60) มติชนออนไลน์รายงานด้วยว่า วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กรณีมีประชาชนเดินทางเข้าแจ้งความที่สน.ดุสิตให้ติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี หลังหมุดคณะราษฎรสูญหายสามารถทำได้หรือไม่ว่า ได้หรือไม่ได้ก็เห็นไปแจ้งความแล้ว ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ซึ่งตำรวจเขาก็รับแจ้งความแล้ว โดยเรื่องแบบนี้ตั้งเป็นเรื่องได้หลายเรื่อง แต่เมื่อคุณเลือกเอาทางนั้นแล้วก็เป็นทางหนึ่ง
"มันถึงมีคำ 2 คำในกฎหมาย คือคำว่า 'ร้องทุกข์' กับคำว่า 'กล่าวโทษ' ถ้าร้องทุกข์ก็เป็นผู้เสียหาย ถ้ากล่าวโทษก็แปลว่า ไม่รู้ใคร นี่ฉันเห็นเขาฆ่ากันตรงนั้น อย่างงี้ก็ทำได้ พลเมืองดี" วิษณุ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น