วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไทย-เขมรปะทะอีก ทหารดับ 3พันอพยพหนี ข่าวสด

http://www.internetfreedom.us/thread-12186.html
วันที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7374 ข่าวสดรายวัน

ไทย-เขมรปะทะอีก ทหารดับ 3พันอพยพหนี

มทภ.2โร่ถก-หยุดยิงแล้ว มาร์คโวย-กัมพูชายิงก่อน ฉันทามติพธม.-แค่ไล่นายก

พลีชีพ- ศพส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี ซึ่งคลุมด้วยธงชาติ ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดศิริวราวาส อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ช่วงเย็นวันที่ 5 ก.พ. หลังเสียชีวิตจากการปะทะกับกัมพูชาระลอก 2 ตอนเช้าวันเดียวกัน

มทภ.2 นำทีมถกกัมพูชายุติหยุดยิงตั้งแต่เที่ยง พร้อม 4 เงื่อน ไข หยุดยิง-ไม�เพิ่มกำลัง-หยุดทำป?นลั่น-ถอนคนจากพื้นที่ หลังเกิดเหตุปะทะอีกระลอกช่วงเช้าตรู่ที่ช่องโดนอาว จ.ศรีสะเกษ ทหารไทยเจ็บ 2 เสียชีวิต 1 นาย ส่วนสถานการณ์ชายแดนรอบข้างกลับสู่ภาวะปกติหลังหยุดยิง มาร์คเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง พร้อมแถลงหนุนการทำงานของ กองทัพ บัวแก้ว 2 ประเทศต่างอ้างอีกฝ่ายยิงก่อน พธม.ระดมพลขอประชามติเคลื่อนไหวต่อ

ปะทะเดือดอีกรอบ-ตาย 1 เจ็บ 2

เมื่อเวลา 06.25 น. วันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหาร ไทยกับทหารกัมพูชาที่ช่องโดนอาว อยู่ใกล้กับ ภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ซึ่งทหารทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงปะทะกันนานประมาณ 30 นาที เสียงปืนจึงได้สงบลง ผลจากการปะทะกันในครั้งนี้ปรากฏว่า ส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี สังกัด พัน ร.162 จ.ยโสธร โดนสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะเสียชีวิตคาที่ พลฯ ธวัชชัย ศรีวิเศษ ได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวา และทหารพรานสงคราม ธุรชัย โดนสะเก็ดระเบิดที่หน้าอก รวมแล้วมีทหารไทยเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บอีก 2 ราย ซึ่งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมดถูกส่งไปที่ ร.พ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะ เกษ เพื่อให้แพทย์รักษาพยาบาลและชันสูตรศพต่อไป

รายงานข่าวจากแหล่งข่าวทางทหารว่า จากการปะทะกันมีทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 64 นาย และรถถังถูกกระสุนปืนใหญ่ของไทยพังเสียหาย 12 คัน ซึ่งรถถังทั้งหมดของกัมพูชาที่ถูกทำลายนี้จะประจำอยู่ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ขณะเดียวกัน วัดแก้วสิกขาคีรีศวรซึ่งสร้างอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน ปรากฏว่าได้ถูกกระสุนปืนใหญ่ของไทย หลังคาวัดได้รับความเสียหาย ขณะที่ชุมชนรอบวัดแก้วสิกขาคีรีศวรก็ได้ถูกกระสุนปืนใหญ่ได้รับความเสียหาย หลายสิบหลังด้วยกัน

3 พันกว่าชีวิตอพยพหนีสงคราม

ต่อมาเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะ เกษ นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย ได้สั่งให้รถดับเพลิงมาทำการฉีดน้ำดับไฟที่ไหม้บ้านเรือนของชาวบ้าน ซึ่งถูกไหม้ทั้งหลัง เนื่อง จากถูกกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา เมื่อวานนี้ และขณะนี้ไฟกำลังลุกกรุ่นอยู่ ส่วนชาวบ้านภูมิซ

รอลทั้งหมดได้พากัน อพยพไปอยู่ที่ศูนย์อพยพบริเวณหอประชุมที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ ทั้งหอประชุมใหม่และเก่าจนล้นหอประชุมทั้งสองแห่ง และต้องขยายพื้นที่ในการรองรับผู้อพยพไปอยู่ที่หอประชุมวิทยาลัยการอาชีพ กันทรลักษ์ หอประชุมที่ว่าการ อ.ศรีรัตนะ หอประชุม ร.ร.บ้านท่าสว่าง และศีรษะอโศก ซึ่งขณะนี้มีผู้อพยพหนีภัยสงครามประมาณกว่า 3,000 คน

กองทัพเคลื่อนกำลังตรึงพื้นที่

ต่อมาเวลา 08.15 น. พล.ท.ธวัชชัย สมุทร สาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ทหารสังกัดกองกำลังสุรนารี พร้อมอาวุธหนัก เคลื่อนกำลังไปเสริมกำลังเพิ่มเติมที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร และที่บริเวณช่องโดนอาว ซึ่งเป็นที่ที่มีการปะทะกันระหว่างทหาร ไทยกับทหารกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันหลายส่วนราชการของ จ.ศรีสะเกษ ได้นำรถยนต์ไปรับชาวบ้านที่ยังตกค้างอยู่ หลังจากที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เพื่ออพยพชาวบ้านให้มารวมกันอยู่ที่ศูนย์อพยพที่ทางราชการจัดไว้เพื่อความ ปลอดภัย

สั่งปิดด่านช่องสะงำ

เวลา 08.30 น. ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ทางราชการได้มีการสั่งปิดช่องสะงำเป็นการชั่วคราว ห้ามไม่ให้ประชา ชนชาวไทยและชาวกัมพูชาผ่านเข้าออก เนื่องจากสถานการณ์ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณ เขาพระวิหาร ซึ่งจากการปิดด่านช่องสะงำในครั้งนี้ปรากฏว่า ได้ทำให้คณะทัวร์ของคนไทยจาก จ.อุบลราชธานี ประมาณ 30 คน ติดค้างอยู่ในเขตกัมพูชา ที่จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งยังไม่ทราบว่ากลุ่มทัวร์คนไทยดังกล่าวจะสามารถเข้ามาในเขตแดนไทยได้ใน ช่วงวัน เวลาใด

ส่วนที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย แม้จะยังไม่ได้มีการสั่งปิดเป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดกล้าที่จะขึ้นไปเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเขาพระ วิหาร เนื่องจากเกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายจากการปะทะกันระหว่าง ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ขณะที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร มีทหารไทยพร้อมอาวุธปืนครบมือเต็มอัตรา ตั้งด่านตรวจเข้ม เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ มีเพียงรถทหารที่บรรทุกกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งเสบียงอาหารเท่านั้นที่ผ่านขึ้นลงตลอดเวลา

ส่งจนท.สำรวจ-ดูแลบ้านราษฎร

เวลา 08.45 น. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องทำการสำรวจความเสียหายอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหาร กัมพูชา ขณะที่พ.ต.ท.ทิพย์พงษ์ ทิพย์เกสร สารวัตรใหญ่ สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ และร.ต.อ.ไพรวัลย์ อายุวงค์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว. ศรีสะเกษ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงมะลู และสภ.โดนอาว ออกตรวจสอบดูแล รักษาความสงบเรียบร้อยในเขต ต.เสาธงชัย และทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอ.กันทรลักษ์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินของชาวบ้านที่ทิ้งบ้านเรือน ทรัพย์สินเอาไว้ และอพยพหนีภัยสงครามไปอยู่ที่ศูนย์อพยพของทางราชการ

นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย กล่าวว่า จากการสำรวจบ้านเรือนของชาวบ้าน พบว่า มีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย เนื่องจากถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา ปรากฏว่า มีบ้านเรือนถูกไฟไหม้ทั้งหลัง 7 หลัง และบ้านเรือนเสียหายเป็นบางส่วน หลังคาและฝาบ้านพังเสียหายเล็กน้อย และได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เมื่อช่วงเวลา 20.00 น. ของคืนที่ผ่านมา มีทหารกัมพูชาประมาณ 200 นาย บุกเข้ามาที่บริเวณเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ แต่ว่าถูกทหารไทยยิงปะทะสกัดเอาไว้ได้

มทภ.2 บุกถกกัมพูชาหยุดยิง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย- กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยพล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.กองกำลังสุรนารี และคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางเข้าไปในเขตกัมพูชาที่ร้านอาหารใกล้กับจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา โดยได้ไปเจรจากับพล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา รวมทั้งคณะนายทหารระดับสูงของฝ่ายกัมพูชา เพื่อเจรจาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบที่บริเวณเขาพระวิหาร ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยประชุมหารือกันอย่างเคร่งเครียดนานประมาณ 2 ช.ม. ซึ่งได้ข้อสรุปการประชุมว่า จะหยุดยิงพร้อมกันตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันนี้เป็นต้นไป และจะไม่มีการเพิ่มกำลังทหารหรือเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนอีก

จากนั้นทางฝ่ายกัมพูชาได้ส่งมอบทหาร ไทย 4 นาย ซึ่งเป็นทหารชุดประสานงานอยู่ที่บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีศวรกลับคืนให้กับ ฝ่ายไทย ซึ่งทหารไทยทั้ง 4 นายไม่ได้ถูกจับเป็นตัวประกันแต่อย่างใด แต่ว่าเขมรได้ขอให้อยู่ในพื้นที่จำกัดระหว่างการสู้รบและอนุญาตให้โทรศัพท์ พูดคุยกับลูกเมียได้ แต่ไม่ให้รายงานสถานการณ์การสู้รบบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีศวร เพื่อเป็น การชี้เป้าหมายพิกัดให้กับทางฝ่ายทหารไทยได้ทราบ และนับตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันนี้เป็นต้นไป ไม่ได้ยินเสียงปืนระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาปะทะกันอีกแต่อย่างใด ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 11.00 น. ทหารฝ่ายกัมพูชาได้ยิงปืนใหญ่เข้ามาในเขตแดนไทย 2 นัด แต่กระสุนปืนใหญ่ตกไปทางด้านทิศตะวันของบ้านภูมิซรอล ห่างจากชุมชนประมาณ 4 ก.ม.

ไก่อูเผยเงื่อนไขหยุดยิง

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 12.10 น. พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ข้อสรุปจากการเจรจากับทหารฝ่ายกัมพูชาซึ่งตกลงกันใน 4 ประเด็น คือ 1.ต่างฝ่ายตกลงกันว่าหยุดยิง 2.จะไม่มีการเพิ่มกำลังทั้งสองฝ่าย 3.ผู้บังคับบัญชาของแต่ละฝ่ายจะต้องกำกับดูแลกำลังพลของตัวเองไม่ให้มี อุบัติเหตุเล่นปืนลั่นกันขึ้นมาแล้วนำไปสู่การปะทะอีกและ4.ให้นำทหารชุด ประสานงานซึ่งเป็นทหารของทั้งสองฝ่ายออกจากพื้นที่ใกล้เขาพระวิหาร เพราะที่ผ่านมาจุดประสานงานซึ่งมีกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายร่วมกัน แต่ฝ่ายกัมพูชามักไปออกข่าวว่ามีทหารไทยถูกจับกุมตัวอยู่ จึงยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีการจับเชลยศึกซึ่งเป็นทหารไทยไป มีแต่เพียงกำลังชุดประสานงานร่วมที่อยู่บริเวณดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งจากการปะทะที่เกิดขึ้น ทำให้จุดประสานงานได้รับความเสียหาย ต่างฝ่ายจึงตกลงถอนกำลังกลับมา รอให้มีการสร้างจุดประสานงานขึ้นใหม่และมีความพร้อมก่อน จึงจะส่งกำลังกลับขึ้นไปใหม่

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เบื้องต้นจะดำเนินการตามข้อตกลงใน 4 ประเด็นก่อน ยังไม่มีการระบุแผนการดำเนินการอื่นต่อไป และหลังการเจรจาของแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ความชัดเจน จึงสั่งเปิดจุดผ่านแดนได้ตามปกติ หลังสั่งปิดไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ได้แก่ บริเวณ ด่านที่ช่องจอม ช่องอานม้า และช่องสะงำ

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ส่วนความเสียหายจากการปะทะ ที่รับรายงานล่าสุดมีดังนี้ ฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ซึ่งเริ่มปะทะ มีทหารไทยบาดเจ็บ 8 นาย วันที่ 5 ก.พ.ปะทะวันที่ 2 บาดเจ็บอีก 4 นาย เสียชีวิต 1 นาย รวมทหารไทยบาดเจ็บ 12 นาย เสียชีวิต 1 นาย แต่มีพลเรือนไทยเสียชีวิตด้วย 1 ราย ส่วนฝ่ายกัมพูชา ทราบว่าได้รับความเสียหายเยอะ ทหารเสียชีวิตจากการปะทะ 60-64 นาย สูญเสียรถถังและยานเกราะ 12-13 คัน แต่ไม่มีพลเรือนกัมพูชาเสียชีวิต ดังนั้นขอให้ประชาชนที่รักชาติทั้งหลายใช้สติคิดให้ดี เพราะการปะทะกันไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เพราะเหตุที่เกิดขึ้นแม้มีการปะทะกันแล้ว ก็ต้องกลับมาสู่โต๊ะเจรจาอยู่ดี ดังนั้นขอว่าใครจะทำอะไรก็ต้องใช้สติ

ช่วงเย็นเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ

เวลา 14.45 น. ที่วัดศิริวราวาส รถร.พ. กันทรลักษ์ ได้นำศพของ ส.อ.วุธชรินทร์ ที่เสียชีวิต คลุมด้วยธงชาติโดยมีเพื่อนทหารช่วยกันยกศพมาวางบนแท่นบนศาลาวัด โดยมีพล.อ. พิเชษฐ์ วิสัยจร ผช.ผบ.ทบ. เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ มีผู้บังคับบัญชา และเพื่อนทหารของ ส.อ.วุธชรินทร์ มาร่วมรดน้ำศพกันเป็นจำนวนมากท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด จากนั้นพระสงฆ์ได้ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ซึ่งกำหนดการที่จะประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพนั้นต้องรอให้ญาติพี่น้องของ ส.อ.วุธชรินทร์ ประชุมปรึกษาหารือกันเสียก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จนถึงช่วงเย็นบรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยกับผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่อพยพหนีภัยสงครามก็ยังไม่กล้าที่จะกลับเข้าไปพัก อาศัยในบ้านเรือนของตนเองที่บ้านภูมิซรอล เนื่องจากว่า บริเวณหมู่บ้านภูมิซรอลเป็นบริเวณที่กระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามา ตกเป็นแนวในเขตแดนไทย หากกลับเข้าไปเกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายจากการสู้รบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอด เวลานั่นเอง

สุรินทร์ปิดช่องจอมถึงบ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.สุรินทร์ว่า เมื่อเวลา 07.00 น. บริเวนตลาดช่องจอม บ้านบ้านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เงียบเหงาพ่อค้ากัมพูชาปิดประตูร้าน แต่ยังคงมีเพียงพ่อค้าคนไทย เปิดค้าขายเล็กน้อย ส่วนจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน ฝั่งตรงข้าม บ่อนกาสิโน อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ตลอดเส้นทาง ทหารพราน ตั้งด่านตรวจเข้ม เนื่องจากประตูด่านถูกสั่งปิด และห้ามยานพาหนะเข้า

พ.ต.ต.อนันต์ ทองสุข สว.ตม.ช่องจอม กล่าวว่า ช่วงคืนที่ผ่านมามีหนังสือสั่งการด่วนให้ ปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ตึงเครียด เพราะมีกองกำลังทหารกัมพูชาเคลื่อนไหวมาก หวั่นเกรงนักท่องเที่ยวไม่ปลอดภัย จึงมีคำสั่งให้ปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนกระทั่งเวลา 13.00 น. จึงมีคำสั่งให้เปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเปิดประตูด่านมีชาวกัมพูชาลำเลียงสิ่งของ เครื่องจักสานหวาย และปลาแห้ง ปลาร้า ขึ้นฝั่งไทยไปจำหน่ายตลาดช่องจอม แต่ช่องตรวจหนังสือเดินทางเงียบเหงา ไม่มีคนเข้าไปใช้บริการ ส่วนฝั่งไทยก็มีขบวนรถบรรทุกพ่วง 3 คัน ลำเลียงวัสดุก่อสร้าง หิน ปูน ทราย ไปส่งในหมู่บ้านโอเสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย

นายศิริชัย ตันติรัตนานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ด่าน อ.กาบเชิง กล่าวว่า อบต.เตรียมแผนรองรับสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา โดยได้ซักซ้อมเมื่อเสียงปืนกัมพูชาถล่มในพื้นที่ คือ จุดนัดพบประชาชน โรงเรียนบ้านนาเรือง จากนั้นได้ใช้รถยนต์รับประชาชนอพยพไปในที่ปลอดภัย คือ โรงเรียนปราสาทเบง

บ่อนปอยเปตแจ้งจุดพลุตรุษจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.สระแก้วว่า บรรยา กาศที่ด่านชายแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในเช้าวันนี้ พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือข่าวการสู้รบของทั้ง สองประเทศ กลับมาเก็บข้าวของ พร้อมปิดร้านกลับบ้าน และรอฟังข่าวอยู่ทางฝั่งกัมพูชา โดยมีพ.ต.อ.มานัด ศรีวงษา ผกก.ตม. อรัญประเทศ อรัญประเทศมาคอยอำนวยความสะดวกให้ เพื่อให้ความปลอดภัย กับนักท่องเที่ยวและประชาชนชาวกัมพูชา ที่ต่างเร่งรีบเดินทางเข้ามาที่ร้านเพื่อเตรียมเก็บข้าวของกัน ทำให้ตลาดโรงเกลือเงียบ เหงา ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ก็มีชาวกัมพูชามารอข้ามฝั่งเข้ามาในเขตไทยไม่ถึง 400 คน จากที่ปกติจะเข้าออกกันนับหมื่นคนต่อวัน

หยุดยิง - พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 นั่งเจรจากับพล.ท.เจีย มอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ได้ข้อยุติว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะหยุดยิงและไม่เพิ่มกำลังทหารอีก



ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยพล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.กกล.บูรพา และเจ้าหน้าที่กว่า 10 คนได้เดินทางเข้าไปพบปะกับเจ้าหน้าที่ประสานงานกัมพูชา-ไทย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองปอยเปต อ.โอดจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่บริเวณสะพานมิตรภาพชายแดนไทย-กัมพูชา และที่ตลาดโรงเกลือ ขณะที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาได้พูดคุยกันที่บริเวณสะพานมิตรภาพชายแดน ไทย-กัมพูชา ฝ่ายประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ได้เข้ามาแจ้งว่า ในคืนนี้วันที่ 5 ก.พ.นี้ ทางบ่อนกาสิโน สตาร์เวกัส ในปอยเปต จะจัดงานฉลองวันตรุษจีน และจะจุดพลุขึ้นฟ้า หลายร้อยนัด จึงได้ขอประสานกับฝ่ายไทยเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวไทยและกัมพูชารับทราบ โดยทั่วกัน เพื่อป้อง กันการเข้าใจผิด อาจเกิดความตระหนกตกใจได้

ส่วนความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนด้าน อ.โคกสูง อ.ตาพระยา และ อ.อรัญประเทศ จนท.ทหารไทยและ จนท.ตชด.เตรียมพร้อมรบอยู่ในที่ตั้ง เช่นเดียวกันกับ จนท.ทหารฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวกำลังรบตามจุดสำคัญต่างๆ ตลอดทั้งคืนเช่นกัน แต่ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรด้านจังหวัดสระแก้วเหตุการณ์ทั่วไปยังปกติอยู่

ที่ตราดไม่วิตกเหตุปะทะ

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตราด ว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายอดิศร สิทธิชอบธรรม ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรคลองใหญ่ นายวิชัย กันสาด นักวิชาการศุลกากร พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางตรวจที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เพื่อตรวจดูสถาน การณ์ พบว่ายังมีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าในตลาดชายแดนบ้าน หาดเล็กกว่า 300 คน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามปกติ ขณะที่พ่อค้า-แม่ค้าชาวไทยสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านักท่องเที่ยวชาวไทย และผู้เล่นพนันเดินทางเข้ายังบ้านหาดเล็กและเดินทางเข้าไปยังฝั่งกัมพูชา น้อยลง จากเดิมที่มีอยู่จำนวน 200-300 คน แต่ขณะนี้มีเพียงไม่ถึง 100 คน ขณะที่จุดผ่อนปรนการค้าชั่วคราว บ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมือง ที่ตั้งของตลาดถาวรค้าชายแดน ปรากฏว่า บริเวณฐานทหารพรานนาวิกโยธินที่ 535 บ้านท่าเส้น มีชาวบ้านทมอดา ต.ทมอดา อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต นำสินค้าและของป่ามาขายในตลาดบ้านท่าเส้นโดยก่อนลงมาจากชายแดนได้ลงทะเบียน เข้า-ออก ที่ฐานบ้านท่าเส้นจำนวน 220 คน และไม่ได้วิตกกังวลกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ

ร.อ.ซก อุล ผบ.กองลาดตระเวนที่ 2 กอง พัน 501 (คลองม่วง) อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต ที่เดินทางมาประสานงานกับ ร.อ.ณัฐพงษ์ ปรีดารัตน ผบ.ร้อย ทพ.นย.ที่ 535 (บ้านท่าเส้น) พร้อมนายอดิสร สิทธิชอบธรรม ได้ร่วมกันสนทนาถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน จ.ศรีสะเกษ และยืนยันว่าสถานการณ์ในพื้นที่ไม่มีความขัดแย้งใดๆ โดยในขณะนี้พล.ท.บุญ เซ็ง ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 5 ได้ย้ำเตือนทหารกัมพูชาในชายแดนให้เตรียมพร้อมก็ตาม แต่ทหารทั้ง 2 ฝ่าย มีความสัมพันธ์ที่ดีและยังติดต่อไปมากันตลอดแนวด้านจ.ตราด ซึ่งระหว่างสนทนาทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมดื่มกาแฟและร่วมกันจับมือแสดงความสามัคคีและร่วมมือกัน

นาวิกฯ-กล.บูรพาคุมเข้ม

พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผบ.กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และผบ.นาวิกโยธิน เดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ชายแดนและหน่วยทหารนาวิกโยธินที่ อ.บ่อไร่ อ.เมือง และ อ.คลองใหญ่ เพื่อมอบนโยบายและมอบขวัญและกำลังใจ และให้ทหารนาวิกโยธินในพื้นที่เตรียมความพร้อม 100% โดยหากมีคำสั่งใดๆ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที

พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์กล่าวด้วยว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 3 และผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 5 ของกัมพูชาแล้ว ซึ่งทั้ง 2 คน เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่าง 2 ฝ่าย และยังต้องการร่วมมือในการทำงานในพื้นที่ด้วย

พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ. ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี กล่าวถึงสถานการณ์การปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่จ.ศรีสะเกษ ว่า กรณีดังกล่าวนั้นไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ แต่ในด้านกองกำลังบูรพาได้สั่งการให้มีการติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังชายแดน ฝั่งภาคตะวันออกติดต่อกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ยังไม่ได้เพิ่มกำลังพล หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารแต่อย่างใด

พท.เร่งรัฐบาลระงับขัดแย้ง

เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ จนมีชาวบ้านภูมิซรอลที่เคยออกมาเรียกร้องสันติสุขด้วยการต่อต้านกลุ่ม พันธมิตรฯ บาดเจ็บและเสียชีวิต ว่า พรรคเข้าใจถึงความจำเป็นในการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของทหาร และจะไม่ก้าวล่วงกับการทำงานรักษาความมั่นคงของกองทัพ แต่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบความปลอดภัยของราษฎรมากกว่านี้ ต้องมีมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดความสูญเสียเช่นนี้ขึ้นอีก นอกจากนี้ รัฐบาลควรเร่งเจรจากับกัมพูชา เพื่อหาข้อยุติจากปัญหาข้อพิพาทที่เริ่มบานปลายและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ มากขึ้น

"หากยังปล่อยปละละเลยและตั้งใจเล่นการเมืองมากเกินไป คิดแต่จะใช้สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแสวงประโยชน์ให้กับตนเองและพวก พ้องโดยขาดความจริงใจในการแก้ปัญหาเพื่อประเทศชาติ และประชาชน ความหวังที่จะพบกับความสำเร็จในการยุติข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยการเจรจา จะลดลงไปเรื่อยๆ หากรัฐบาลยังคงยืนยันจะยึดแนวทางแก้ไขปัญหาแบบที่ผ่านมา โดยไม่ฟังคำเตือนและคำแนะนำจากทุกฝ่าย เช่น ฝ่ายค้าน นักวิชาการ สื่อมวลชนที่ต้องการให้แก้ไขปัญหาด้วยการเจรจามากกว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

อัดข้อมูลมั่ว-กษิตเหลว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการ ทหาร สภาผู้แทนราษฎรที่มีพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ได้ร่วมประชุมหารือต่อกรณีการปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นว่ากองทัพต้องจัดลำดับความเข้าใจ ในการสื่อสารกันเองในการข่าวก่อนออกมาบอกประชาชน เพราะหากข้อมูลผิดเพี้ยน หรือยังไม่ชัดเจน ไม่ควรรีบออกมาแถลงข่าว ไม่เช่นนั้นจะเติมเชื้อไฟให้ปะทุ โดยเฉพาะเรื่องที่พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ว่าฝ่ายตรงข้ามเปิดฉากยิงก่อนและมีทหารไทยถูกจับไป 5 นาย ขณะที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่าไม่มีทหารไทยถูกจับไป ส่วนใครยิงก่อนนั้นอยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่งการออกมาให้ข่าวคนละทิศละทางอาจเป็นการให้ข้อมูลที่สับสนและเกรงว่ากอง ทัพอาจตกเป็นประเด็นในการจุดชนวนอื่นๆ

นายจิรายุ กล่าวว่า ปัจจุบันมีประเทศซึ่งมีเรื่องพื้นที่ทับซ้อนกว่า 200 ประเทศ แต่ที่มีปัญหาข้อพิพาทมีกว่า 70 ประเทศ ได้ใช้วิธีเจรจาตกลงกันได้ แต่เมื่อรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาบริหารประเทศก็มีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านมาตลอด เมื่อถึงเวลานี้ รัฐบาลไม่ต้องกลัวเสียฟอร์ม นายกฯ หรือรองนายกฯ ควรเป็นผู้เดินไปเจรจากับผู้นำกัมพูชาเอง แทนที่จะให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเคยพิพาททางวาจากับผู้นำกัมพูชาไปแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นได้จากการเจรจากับกัมพูชาในตอนกลางวัน แต่ตกบ่ายก็เกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้น รัฐบาลควรสนใจเรื่องนี้ให้เหมือนสมัยที่เคยเป็นฝ่ายค้าน

มาร์คเรียกถกด่วน

เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วน หน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงสถานการณ์ชาย แดนไทย-กัมพูชา อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.การต่างประเทศ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โดยใช้เวลาหารือนาน 1 ชั่วโมง

นายอภิสิทธิ์แถลงภายหลังการประชุมว่า เหตุการณ์ปะทะกันที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. บริเวณชายแดนระหว่างเวลา 15.00-18.00 น. รัฐบาลได้รับทราบมาตั้งแต่เกิดเหตุขึ้น และกองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและตอบโต้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนเวลา 18.00 น. เหตุการณ์จึงยุติลง รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทางผบ.ทบ.และโฆษกทบ.ได้แถลงไปเรียบร้อยแล้ว ขอยืนยันข้อเท็จจริงตามนั้น

แถลงหนุนกองทัพ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอเรียนให้ประชาชนมีความมั่นใจว่ารัฐบาลไทยและกองทัพไทยถือหลักปฏิบัติ ชัดเจนคือเราไม่ไปรุกรานใคร แต่เราจะปกป้องอธิปไตยของเราให้ถึงที่สุด ฉะนั้นปฏิบัติการที่ดำเนินการเมื่อวันที่ 4 ก.พ. รัฐบาลให้การสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ และจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการกระทำสิ่งที่มีความจำเป็นพอควรแก่เหตุใน การปกป้องอธิปไตยของเรา ส่วนกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ยืนยันจุดยืนนี้ให้ชาวโลก ประชาคมโลก ให้รับทราบ และจะชี้แจงต่อเอกอัครราชทูตของประเทศที่มีบทบาทสำคัญทั้งในส่วนของมนตรี ความมั่นคง สหประชาชาติ มรดกโลก และประเทศอื่นๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากปัญหาที่มีการโจมตีและล่วงล้ำอธิปไตยของไทยก่อนจึงได้มีการตอบโต้ไป

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนมรดกโลก ทางประเทศไทยจะชี้ให้เห็นอีกครั้งว่าพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารนั้น เป็นพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง จึงไม่สมควรดำเนินการอะไรที่จะเพิ่มเติมความตึงเครียดและนำไปสู่ความเสี่ยง ต่อการสูญเสียในบริเวณดังกล่าว นั่นหมายถึงสมควรระงับในเรื่องการดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไว้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการยืนยันสิ่งที่ทางฝ่ายไทยได้เคยเตือนคณะกรรมการมรดกโลกมาตลอด

ยันอยู่ในวิสัยแก้ไขได้

นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกับกัมพูชา ยืนยันว่าปัญหาทั้งหมดนั้นอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้ตามข้อตกลงและตามกลไกของ กรรมาธิการร่วม คือเอ็มโอยู และเจบีซี และเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีการมาล่วงละเมิดในเรื่องของ เอ็มโอยูและเจบีซี เพราะทางกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าประเทศไทยต้องการแก้ไขปัญหาโดยสันติ วิธีและใช้กระบวนการ กลไกตามหลักสากล

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้กำชับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้กำชับไปยังพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ว่าฯของจังหวัดที่เกี่ยวข้องในการดูแลความเป็นอยู่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัยและขอเรียน ว่าในหลักปฏิบัติที่ทำอยู่ขณะนี้ คือ กองทัพมีแผนรองรับสถาน การณ์ต่างๆ อยู่แล้ว และสามารถประสานได้กับฝ่ายปกครองในการที่จะดูแลความปลอดภัยของประชาชน

ยึดหลัก'รักสงบ-รบไม่ขลาด'

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น รัฐบาลมีความเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชนไทย เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องตอบโต้ เพราะเห็นได้ชัดว่าโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ซึ่งฝ่ายไทยไม่ได้ทำเลย ฝ่ายไทยทำคือตอบโต้ไปยังจุดหมายที่เป็นจุดหมายทางทหารเท่านั้น แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในฝั่งกัมพูชาที่ขณะนี้มีรายงานว่าหลายสิบคนนั้น เป็นข้อเท็จจริง แต่ฝ่ายไทยไม่ได้มีการโจมตีไปยังเป้าหมายที่เป็นพลเรือนเลย มีแต่การตอบโต้ไปยังเป้าหมายทางทหารเท่านั้น นี่คือข้อเท็จจริงที่อยากเรียนทั้งหมด และการดำเนินการในส่วนของรัฐบาล และกองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

"ผมอยากเรียนว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ผมอยากเห็นประชาชนคนไทยมีความสมัครสมาน สามัคคี รวมใจเป็นหนึ่ง ในการสนับสนุนกองทัพ และเจ้าหน้าที่ของเราในการปกป้องอธิปไตย และขอให้ยึดตามหลักหรือนโยบายที่ผมคิดว่าอยู่ในใจของคนไทยทุกคนอยู่แล้ว เพราะอยู่ในเพลงชาติของเรา รักสามัคคี ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด 3 วรรคเท่านี้ที่ผมคิดว่าถ้าตอนนี้คนไทยได้ยึดถือตรงนี้จะทำให้เราสามารถเดิน หน้าในการดูแลสถานการณ์ ปกป้องอธิปไตยได้อย่างมีประ สิทธิภาพ เรียบร้อย ราบรื่น" นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลเอาใจใส่เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และพร้อมสนับสนุนบุคลากร กองทัพ ฝ่ายปกครอง ทุกวิถีทางที่จะดูแลประชาชนคนไทย ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าหน่วยงานของรัฐนั้นมีความเป็นเอกภาพทั้งในทาง ความคิด แนวปฏิบัติ และทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะดูแลประโยชน์ของประเทศและประชาชน และขอบคุณประชาชนจำนวนมากที่เป็นกำลังใจและห่วงใยกองทัพ ประชาชนของเราตลอดบริเวณแนวชายแดน

โฆษกรบ.ยันไม่กระทบสัมพันธ์

เวลา 14.00 น. นายปณิธาน กล่าวภายหลังการประชุมฝ่ายความมั่นคงว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะเร่งรัดแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็ว ขณะนี้ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในประเทศสามัคคีกันเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ และแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นทั้งไทยและกัมพูชา เรื่องนี้จะมีการชี้แจงกับนานาชาติและทูตของประเทศต่างๆ คณะมนตรีความมั่นคง สหประชาชาติ และสมาชิกของประเทศของยูเนสโก เพื่อยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเข้าไปในพื้นที่โดยไม่ตกลงกัน หรือมีข้อยุติเรื่องของเขตแดน

1.เขมรตรึง - เว็บไซต์ข่าวของกัมพูชาโชว์ภาพทหารเขมรพร้อมอาวุธครบมือ ประจำการอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร หลังเกิดเหตุปะทะกับทหารไทยจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย

2.เขมรตรึง - เว็บไซต์ข่าวของกัมพูชาโชว์ภาพทหารเขมรพร้อมอาวุธหนักกำลังตรึงแนวชายแดน หลังสถานการณ์ตึงเครียดจนเกิดการปะทะกันรุนแรงถึง 2 รอบ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.

3.-5.พิษสงคราม - ชาวบ้านภูมิซรอลกว่า 3 พันชีวิตอพยพมาอาศัยอยู่ที่บริเวณที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ ชั่วคราว สภาพความเสียหายของโรงเรียนฝั่งไทยที่ถูกอาวุธหนักของกัมพูชายิงถล่มใส่ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. และบังเกอ
ไทย-เขมรปะทะอีก ทหารดับ 3พันอพยพหนี ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น