วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554


หลุมพราง “ผังล้มเจ้า”
น้ำตาจรเข้-ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีDSIน้ำตาคลอ หลังจัดฉากให้ลูกน้องในDSIมอบดอกไม้ให้กำลังใจ โต้กระแสข่าวโดนลูกน้องล่าชื่อขับไล่ฐานทำตัวรับใบสั่งทำงานรับใช้นักการเมือง ทำลายฝ่ายปฏิปักษ์ นี่ถ้าวันไหนโดนจับขังคุกตีตรวนโทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ท่าทางต้องหาปี๊บหลายใบมาใส่น้ำตา

โดย หรี่ฟุน
31 พฤษภาคม 2554

สื่ออินเตอร์เน็ต / เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ / องค์กรเสื้อแดงระหว่างประเทศ หรือ Red Shirt International Organization / สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ Thai Red News, Voice of Thaksin รวมถึงวิทยุชุมชน

ทุกท่านให้จำรายชื่อที่ผมเกริ่นไว้น่ะครับ แล้วตามผมมา ผมจะเปิดปากท่อ ที่ ศูนย์อับเฉา กับกรมสอบสวนคดีปั้นน้ำเป็นตัว วางแผนขุด “หลุมพราง” วางล่อไว้ เพื่อให้บรรดาบุคคลที่มีรายชื่อตาม “ผังล้มเจ้า” หลวมตัวเดินเข้ามาตกหลุม

ประเด็นแรก ถามว่า ทำไม โฆษกไก่อู ที่อยู่ดีๆต้องดันทะลึ่งออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีล้มเจ้า ในห้วงระยะเวลาใกล้การเลือกตั้ง และเรื่องที่ออกมาพูดมันก็ดันทะลึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ที่โฆษกไก่อูเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อตอนกำลังบ้าอยู่ในศูนย์อับเฉา กับการแถลงต่อศาลเพื่อไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท หลังจากวางแผนร่วมกับจำเลยที่ 1 (มาร์ค) กับจำเลยที่ 2 (เทพเทือก) กันอย่างดีในการโยนขี้ให้กับธาริต DSI ตามคำให้สัมภาษณ์ของทั้งสองตัว ดังนี้ครับ


เริ่มต้นจากการให้สัมภาษณ์ขณะมีอำนาจของ โฆษกไก่อู

วันที่ 26 เมษายน 2553 เวลา 18.30 น. ณ แหล่งสมาคมนายทหาร กองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก ศอฉ.ได้แถลงข่าวประจำวัน ดังต่อไปนี้

เป็นความพยายามที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อส่งผลกดดันต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงเองก็บอกว่าพยายามจะยกระดับการชุมนุม ซึ่งโดยปกติผิดกฎหมายอยู่แล้วไปสู่การก่อการร้าย อย่างที่เห็นเป็นการซ่องสุมอาวุธกันเป็นจำนวนมาก แล้วก็พยายามที่จะผูกโยงเรื่องราวต่าง ๆ โดยใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จมุ่งโจมตีสถาบันเบื้องสูง อันเป็นที่รักเคารพของคนไทยทุกคน

มีการดำเนินการกันแบบเป็นระบบ ผ่านทางกลุ่มบุคคลทั้งที่เป็นแกนนำหลัก แกนนำรอง ซึ่งผู้ที่คุ้นชื่อมีคดีติดตัว บางคนก็อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะมีคดีหรือไม่ ก็หนีไปก่อน เช่น ดา ตอร์ปิโด สุชาติ นาคบางไทร จักรภพ เพ็ญแข ชูพงษ์ ถี่ถ้วน ที่เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ามีพฤติกรรมอย่างไร ไม่ว่าจะผ่านทาง สื่ออินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ องค์กรเสื้อแดงระหว่างประเทศ หรือ Red Shirt International Organization สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ Thai Red News, Voice of Thaksin รวมถึงวิทยุชุมชนต่างๆ คนรักแท็กซี่ของนายชินวัฒน์ หาบุญพาด เหล่านี้คือสื่อสีแดงที่ให้ข้อมูลข่าวสารในลักษณะที่หมิ่นเหม่ และจาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่รักเคารพของคนไทยอยู่ตลอดเวลา

การโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายเชื่อมโยง มีลำดับขั้นทั้งระดับบงการ ปฏิบัติการ และแนวร่วม จะปรากฏทั้งในลักษณะการเผยแพร่โดยตรง เช่น การให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ การปราศรัย การเผยแพร่บทความและใบปลิว และการเผยแพร่ทางอินเทอร์เนต เช่นการทำเว็บไซต์ คลิปวิดีโอ อีเมล์ และสื่อออนไลน์อื่นๆ โดยขณะนี้ได้ตรวจสอบผู้ต้องสงสัยว่าจะกระทำผิดในช่วงปี 2549 – 2553 ทั้งในเชิงการข่าว ด้านเทคโนโลยี และการเงินผ่านทางชุดปฏิบัติการ โดยถ้ามีพฤติกรรมเป็นกระบวนการ ทางคณะกรรมการก็จะรับมาดำเนินการเป็นคดีพิเศษ

โดยในการแถลงข่าว พ.อ.สรรเสริญ ได้แจกแผนผังให้กับผู้สื่อข่าวด้วย โดยแผนผังที่ พ.อ.สรรเสริญแจก มีลักษณะเป็นแผนที่ความคิด (Mind Map) แบบที่ครูในโรงเรียนประถม และมัธยมใช้สอนนักเรียนเพื่อลำดับความสัมพันธ์เชื่อมโยงของเรื่องต่างๆ ในการเรียน

โดยในแผนผังของ พ.อ.สรรเสริญ นอกจากมีการเขียนรายชื่อนักการเมือง แกนนำคนเสื้อแดง เชื่อมโยงกับ นปช. ว่าจาบจ้วงสถาบันฯ แล้ว ยังมีการกล่าวหาว่านายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ถือเป็นผู้นำทางความคิดของขบวนการผ่านการแสดงความเห็นในเว็บไซต์สนทนาอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งด้วย

ข้อมูลอันเป็นเท็จล่าสุดคือเรื่องของท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีฆะระ รองราชเลขาธิการ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถท่านผู้หญิงฯ เป็นผู้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด มีหน้าที่ที่จะนำพระมหาเมตตา พระมหากรุณาธิคุณมาสู่พี่น้องปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ไม่แบ่งสีไม่แบ่งฝ่าย ซึ่งการทำงานของ ศอฉ. ที่ผ่านมาก็เป็นการประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้น ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องชี้นำจากกลุ่มบุคคลใด หรือจากบุคคลใด การใส่ร้ายโจมตีท่านผู้หญิงจรุงจิตต์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จทั้งสิ้น และเป็นสิ่งที่ไม่บังควร ซึ่งทางแกนนำ นปช. ก็พยายามที่จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาสร้างความสับสนให้กับสังคม บิดเบือนข้อเท็จจริง มุ่งที่จะโจมตีไปยังท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ หรือหลายคนอาจจะมีความคิดว่า มีวัตถุประสงค์อื่นใดที่สูงไปกว่านี้

การให้สัมภาษณ์เมื่อหมดอำนาจ

วันที่ 22 มี.ค. 2554 ศาลอาญา นัดพร้อมเพื่อประนอมข้อพิพาท หรือนัดไต่สวนมูลฟ้อง ศาลดำเนินการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทแล้ว จำเลยที่ 3 (ไก่อู) แถลงว่า

“ ประการที่หนึ่ง ศอฉ. ในขณะนั้นเชื่อมั่นว่ามีขบวนการจ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง

“ ประการที่สอง ในช่วงเวลานั้น มีข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเตอร์เน็ตกล่าวหาในลักษณะทำนองว่า ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ โทรศัพท์มาสั่งการ ศอฉ. อยู่ตลอดเวลา ให้ดำเนินการนานับประการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมิได้เป็นความจริง ศอฉ. มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจงข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับทราบความจริงเป็นเช่นไร นอกจากนั้นแล้ว ศอฉ. ได้ขยายความลงไปเพราะว่าทางราชการมีหน่วยงานทางด้านความมั่นคง ที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งขึ้น โดยมีหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของขบวนการที่จ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดจึงนำข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้มาประกอบ เพื่อใช้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคม

“ ประการที่สาม ในช่วงเวลา เช้าของวันเกิดเหตุข้าฯได้แถลงข่าวให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าไม่เป็นความจริงตามข้อมูลที่พยายามกล่าวหาใส่ร้ายท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ โดยแถลงกำกับตอบไปด้วยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้านั้น ในขณะนั้นมีคุณดาตอร์ปิโดกับคุณจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งทั้ง 2 คนนี้มีหมายจับแล้ว ในช่วงเวลาเย็นเกิดจากการประชุมในช่วงบ่ายของศอฉ. ได้มีมติของศอฉ. ที่ต้องการจะให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่สังคมเป็นลายลักษณ์อักษรอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สังคมพิจารณา

“ ข้าฯ ได้รับมอบหมายให้นำเอกสารเหล่านั้นไปแจกแก่สื่อมวลชน ซึ่งเอกสารที่ไปแจกนั้น ศอฉ. มิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยวข้องในฐานะอยู่ในขบวนการ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเอกสารว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น

“ แต่หลังจากนั้นมีสื่อมวลชนนำเรื่อง ราวต่างๆ เหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในแผนผังดังกล่าว ทำให้ได้รับความเสียหายจากมุมมองของสังคม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องตัดสิน ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยายความใน ทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของศอฉ. ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา”

การให้สัมภาษณ์ของนาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ และ กรรมการ ศอฉ. ในขณะนั้น,10 ก.ค.2553

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และ คณะกรรมการ ศอฉ.เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นภัยของรัฐ โดยมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือ คดีล้มเจ้า ว่าหลังจากที่ปฏิบัติการออกเป็น 9 ชุด ร่วมทำงาน 18 หน่วยงาน ตนเองได้ตั้งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าชุดทั้ง 9 เพื่อสะดวกในการประสานงานสั่งการ ซึ่งชุดปฏิบัติการทั้ง 9 ได้เริ่มสืบสวนสอบสวน โดยอาศัยแนวจากแผนผังรายชื่อของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ทั้งนี้ เตรียมประสาน ศอฉ. เพื่อให้ข้อมูลในกรอบรายชื่อดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้โดยแต่ละชุดปฏิบัติงานจะมีการประชุมร่วมกัน เพื่อสอบถามความคืบหน้าทุกๆ สัปดาห์ เพื่อรายงานต่อที่ประชุมใหญ่คดีล้มเจ้า ที่จะมีการประชุมร่วมกันเดือนละครั้ง

การให้สัมภาษณ์ในฐานะ อธิบดี ดีเอสไอ

วันที่ 26 พ.ค.54 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงการดำเนินคดีล้มเจ้า หลัง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้การต่อศาลในคดีที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาท โดยระบุแผนผังล้มเจ้าเป็นแค่ข้อมูลการเชื่อมโยง ไม่ได้บอกว่าใครล้มเจ้า ว่า ดีเอสไอดำเนินคดีล้มเจ้า เนื่องจากทาง ศอฉ.เสนอให้เป็นคดีพิเศษ จากนั้น คณะกรรมการ กคพ.พิจารณาแล้ว และมีมติรับไว้เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอจึงเรียกให้ ศอฉ.ส่งคนมาชี้แจงเรื่องแผนผังล้มเจ้าที่ ศอฉ.ได้จัดทำขึ้น โดยทาง ศอฉ.ก็ได้ชี้แจง และได้อธิบายถึงความเชื่อมโยงตามแผนผัง มีการยืนยันตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง จากนั้นดีเอสไอได้ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี

"ขอยืนยันว่าข้อมูลนี้จัดทำโดยฝ่ายความมั่นคง และดีเอสไอได้ดำเนินการไปแล้วหลายคดี ล่าสุดก็เป็นคดีล้มเจ้า ที่เรานัดผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มิ.ย.นี้" นายธาริตกล่าว

อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า การที่ พ.อ.สรรเสริญถูกฟ้องหมิ่นประมาท หลังจากนำข้อมูลมาเปิดเผย น่าจะเข้าใจว่า พ.อ.สรรเสริญไม่ใช่พนักงานสอบสวน เมื่อนำแผนผังดังกล่าวไปเผยแพร่ ก็ส่งผลอาจทำให้ถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้

"สำหรับดีเอสไอที่นำแผน ผังดังกล่าวมาแถลงนั้น สามารถกระทำได้ เนื่องจากเป็นพนักงานสอบสวนคดีนี้โดยตรง เป็นการพูดทางคดี จึงไม่ผิดแต่อย่างใด ส่วนผู้ที่มีรายชื่อในแผนผังล้มเจ้าจะมีความเกี่ยวข้อง เข้าข่ายมากน้อยแค่ไหน หรือเกี่ยวพันกันทั้งหมดหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการสอบสวนต่อไป"

ส่วนกรณีพ.อ.สรรเสริญ ระบุว่า รายชื่อตามผังของศอฉ.ไม่ได้ระบุถึงพฤติกรรม แต่ระบุถึงความเกี่ยวข้องระหว่างกลุ่มคนต่างๆ นั้น นายธาริตกล่าวว่าพ.อ.สรรสริญมีสถานะเป็นเพียงโฆษก ศอฉ. ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการให้ข้อมูลชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินคดี แต่ดีเอสไอหรือเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงที่มีหน้าที่โดยตรงสามารถให้ข้อมูลได้ และสื่อมวลชนที่นำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อก็ไม่มีความผิดเช่นกัน

ประเด็นที่สอง ที่ผมบอกว่าให้ทุกท่านจำรายชื่อที่เกริ่นไว้ คือ สื่ออินเตอร์เน็ต / เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ / องค์กรเสื้อแดงระหว่างประเทศ หรือ Red Shirt International Organization / สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ Thai Red News, Voice of Thaksin รวมถึงวิทยุชุมชน ก็เพราะเหตุว่า ดีเอสไอ มันได้รวบรวมหลักฐานไว้มากพอสมควร หลักฐานแต่ละอย่างค่อนข้างสมบูรณ์

ที่ว่าสมบูรณ์ ก็เพราะปัจจุบันอุปกรณ์ทันสมัย ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เจ้า ดีเอสไอ มีค่อนข้างพร้อมและมีประสิทธิภาพกว่าหน่วยข่าวด้านความมั่นคงอื่นๆ การดักฟังทางโทรศัพท์แล้วบันทึกเทป การเก็บรวบรวมหลักฐานทางเว๊ป ทางวิทยุ ทางสื่อสิ่งพิมพ์ ที่สำคัญการสร้างพยานทั้งจริงและเท็จ ในรูปแบบ การให้สินบน การข่มขู่คุกคาม ล้วนเป็นหลักฐานสำคัญที่พอจะดำเนินคดีกับบุคคลและเครือข่ายตามผังล้มเจ้าได้อย่างสบายสบาย เจ้าธาริต มันถึงได้ทำท่าแอ๊คอ๊ร์าตอยู่ทุกวันนี้ เว้นแต่บุคคลที่ไม่มีพฤติกรรม หรือพลั้งเผลอไปพูดไปแสดงความคิดเห็น ไปวิเคราะห์ เกี่ยวกับสถาบัน ก็รอดตัวไป อย่างเช่นอาจารย์ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

ดังนั้น บุคคลที่มีรายชื่อตามผังล้มเจ้า ที่ไม่มีพฤติกรรมอย่างที่ผมพูดถึง ทุกท่านสามารถฟ้องศาลแบบอาจารย์สุธาชัย ได้เลย ดูซิว่า ไอ้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ จำเลยที่ 3 มันจะแถลงต่อศาลอย่างไร

แต่ควรฟ้องพวกมันหลังวันที่ 3 ก.ค.54 เพราะตอนนั้น จำเลยที่ 1 (มาร์ค) จำเลยที่ 2 (เทพเทือก) มันจะได้เป็นจำเลยตัวจริง เสียงจริง เสียที เอาให้หนักเลย ครับ อาจารย์สุธาชัย ฟ้องเรียกค่าตกใจตอนแรกเพียง 3 แสนกว่าบาทเท่านั้น พวกท่านหลายควรเรียกแม่งงง ให้หงายท้องไปเลย ส่วนจำเลยที่ 3 ที่ทำงานเก่งมาก ให้มันไปอยู่จังหวัดชายแดนใต้ซ่ะ จะได้โดนระเบิดยัดปากซ่ะบ้าง

พอพูดถึงไอ้ไก่อู ก็พบความกวนโอ๊ยยของมันอีกเรื่อง ครับ

(26 พ.ค.54) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาแถลงถึงกรณีที่ศาลมีคำสั่งถอนฟ้องตนเองในข้อหาหมิ่นประมาท ที่ไปพูดถึงนายสุธาชัย อยู่ในขบวนการล้มเจ้า ซึ่งเกิดจากการที่ตนเองไปขอให้ถอนฟ้องและเป็นฝ่ายขอยอมความนั้น ไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่าการออกมาชี้แจงครั้งนี้เป็นการพูดในฐานะส่วนตัวเพราะถูกพาดพิง จาก อ.สุธาชัย โดยไม่อยากอธิบายความให้มากนัก เพราะช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งอาจถูกบางฝ่ายนำประเด็นไปเกี่ยวข้องกับการเมือง

อยากกราบวิงวอนขอเชิญอาจารย์สุธาชัย ออกมาแถลงข่าวเล่าความจริงให้สังคมไทยได้รับทราบหน่อยครับ อย่าปล่อยให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่หลงตัวเองนึกว่าเป็น ผบ.ทบ. มาท้าทายเลยครับ

ไก่อูเอ๋ย อย่าเก่งแต่ในรูเลยลูก อย่าลืมตน ลูกยังมีพ่อมีแม่มีพี่มีน้องมีเมีย มีอนาคต อย่าบ้าไปกับสิ่งที่ไม่จิรังเลยลูก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ทำตัวเป็นทหารที่ดีของประชาชนดีกว่าลูก ลูกจะได้นอนตายตาหลับน่ะลูกน่ะ.........
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น