จากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมไปจนถึงการกระชับพื้นที่จนมีคนเจ็บและตาย รวมถึงการเผาเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 จนถึงวันนี้ครบรอบ 1 ปี วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าใคร มีคำถามคาใจมากมายที่ไม่มีคำตอบจากรัฐบาลดังนี้
1 ปีเหตุการณ์ 19 พ.ค. 2553
มองว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลที่ดำเนินการสวนทางกับความรู้สึกของประชาชน ไม่ว่าใครในความหมายของรัฐบาลจะทำร้ายประชาชน ส่วนคนตาย 700 ศพรัฐบาลต้องรับผิดชอบ เหตุการณ์เพลิงไหม้ไม่ว่าใครจะเป็นคนเผา ในฐานะรัฐบาลกลับปล่อยปละละเลย ตัดสินใจให้พนักงาน 417 คนออกจากเซ็นทรัลเวิลด์ สุดท้ายเกิดเพลิงไหม้ นั่นคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของรัฐบาล
จริงๆแล้วคนที่บุกรุกมีเพียง 10 กว่าคนเท่านั้นจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ ไม่มีคนจำนวนมหาศาลกรูกันเข้ามาเผา มีเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาในบริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ และถ้าคนกลุ่มนั้นยังอยู่เซ็นทรัลเวิลด์ไฟไม่ไหม้ เพราะฉะนั้นทั้งหมดที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลที่ไม่มีความตั้งใจหรือกระตือรือร้นที่จะป้องกันความเสียหายไม่ให้เกิดขึ้น การปล่อยให้มีการสังหารพี่น้องประชาชนมากถึง 91 ศพ หรือปล่อยให้เกิดเพลิงไหม้โดยไม่อนุญาตให้พนักงานดับเพลิงเข้าไป โดยอ้างว่ามีผู้ก่อการร้าย ซึ่งจริงๆแล้วไม่มี คือความผิดพลาดของรัฐบาล
วันนี้ความจริงยังไม่ปรากฏ
ความจริงจะปรากฏได้ต่อเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลและมีรัฐบาลที่เป็นกลางและดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง ภายใต้รัฐบาลนี้เหตุการณ์ 10 เม.ย. 2552 ก็มีการตั้งคณะกรรมการของสภาขึ้นมาตรวจสอบ กรรมาธิการร่วมของรัฐสภาที่มี ส.ว. และ ส.ส. ตั้งกรรมการสอบก็ไม่ได้เปิดเผยผลสอบ ถ้าเปิดเผยออกมาเมื่อไรจะเห็นว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบหมดทุกส่วน และข้อมูลจากการสอบสวนไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐบาลแถลง หลายเรื่องมีข้อมูลที่รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น จึงไม่มีการเปิดเผย
การตายของนักข่าวต่างชาติ
จากพยานและสภาพแวดล้อมพยานทั้งหมดระบุว่าคนที่ยิงมาจากกลุ่มของทหาร คิดว่ารัฐบาลน่าจะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมพอสมควร จึงทำให้ผลทั้งหมดไม่ปรากฏออกมา ถ้าเป็นเรื่องปรกติ เหตุการณ์แบบนี้ หลักฐานแบบนี้ สอบไม่นานผลก็ออกมาแล้ว มองว่าความเป็นธรรมจะกลับมาต่อเมื่อมีรัฐบาลที่เป็นธรรมเข้ามาสะสางปัญหา ตอนนี้เชื่อว่าทุกอย่างถูกกระบวนการบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงค่อนข้างมาก
การพูดของ “สุเทพ” ล่าสุด
นายสุเทพ (เทือกสุบรรณ) ไม่ได้ตอบอะไรผมเลยในสภาเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด แต่นายสุเทพกลับตอบเรื่องของเหตุการณ์ข้างนอกที่ไม่เกี่ยวกับการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ และขัดแย้งกับข้อมูลของพนักงานดับเพลิงที่ให้ปากคำทั้งหมด คนที่เผานายสุเทพก็เอาภาพของพันธมิตรฯที่แต่งกายแบบพันธมิตรฯมาแสดง นายสุเทพตอบว่าเป็นเรื่องของคอมมิวนิสต์ นายสุเทพไม่สามารถตอบคำถามในสภาได้เลย ผมบอกนายสุเทพว่าถ้าจะให้ความจริงปรากฏต้องเปิดข้อมูลต่อหน้าสื่อ รูปต่อรูป เปิดกันต่อหน้าว่าอะไรคือความจริง เอาพยานหลักฐานมาทั้ง 2 ฝ่าย นายสุเทพก็ไม่ยอม ไม่กล้ารับคำ ผมถามอีกอย่างตอบอีกอย่าง นายสุเทพไม่สามารถหักล้างอะไรได้เลยแม้นิดเดียว
หนังสือ “อย่าให้ใครมาเผาบ้านเมือง”
เรื่องใครเผาบ้านเมืองนั้นยังไม่ชัดเจน แต่คนที่ไม่ดับไฟชัดเจนคือนายสุเทพ ไม่ปล่อยให้มีการดับไฟ เพราะรัฐบาลสั่งให้พนักงานดับเพลิงทั้งหมดออกจากเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นคือบ่อเกิดของการเกิดเพลิงไหม้
จับชายชุดดำได้หรือยัง
เรื่องชายชุดดำเป็นเพียงวาทกรรมของนักการเมืองเท่านั้น ถ้าดูของนายถวิล เปลี่ยนสี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งบอกว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ยิงประชาชนตายรัฐบาลก็เตรียมรับสภาพแล้ว บังเอิญเกิดวาทกรรมชายชุดดำขึ้นมารัฐบาลเลยโยนทุกอย่างใส่คนชุดดำหมด สุดท้ายคนชุดดำที่เป็นใครไม่รู้ต้องรับผิดหมด ไม่รู้เป็นใคร อยู่ฝ่ายไหน ผลักภาระให้คนชุดดำหมด รัฐบาลก็ลอยตัว
ทหารบอกว่าไม่ได้ใช้อาวุธจริง
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาต่อประชาชนและสื่อมวลชนทั่วโลกลงความเห็นว่าความจริงแล้วทหารใช้อาวุธจริงหรือเปล่า
“ชวน” ว่าคนเสื้อแดงวิ่งเข้าหาอาวุธ
นั่นคือคำพูดของนักการเมืองที่ไม่มีความรับผิดชอบ ประชาชนไม่รู้หรอกว่ากระสุนปืนอยู่ตรงไหน สิ่งเหล่านี้เป็นการพูดโดยปราศจากความรับผิดชอบ
เสื้อแดงติดคุกแล้วคดีเสื้อเหลืองล่ะ
วันนี้เสื้อเหลืองเริ่มแตกกับรัฐบาล เมื่อเสื้อเหลืองแตกแยกกับรัฐบาลคดีคงจะคืบหน้า แต่ถ้าเสื้อเหลืองยังอยู่กับรัฐบาลคดีจะไม่มีความคืบหน้า
ประชาธิปัตย์ใช้เรื่องเผาบ้านเผาเมืองหาเสียง
ยืนยันว่าคนที่เผาไม่ใช่คนเสื้อแดงอย่างแน่นอน จากหลักฐานไม่ได้มาจากกลุ่มคนเสื้อแดงเลย คนเสื้อแดงไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะเผาได้ถึงขนาดนั้น การเผาเซ็นทรัลเวิลด์ประกอบไปด้วยหลายสาเหตุ ตั้งแต่ไล่พนักงานดับเพลิงออกไป การเดินเข้าไปเผาโดยไม่ให้พนักงานดับเพลิงเข้าไปดับ
รัฐบาลโยงเพื่อไทยเข้ากับเหตุการณ์
คิดว่าจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาทำให้ประชาชนเห็นแล้วว่าทั้งหมดเป็นการกล่าวหาคนเสื้อแดงมากกว่า และพยายามบอกว่าพรรคเพื่อไทยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เมื่อคนเสื้อแดงไม่ได้เกี่ยวข้อง พรรคเพื่อไทยยิ่งห่างไกล โดยบทบาทของการทำงานแล้วยืนยันว่าพรรคทำงานในส่วนของสภาเป็นหลัก
ผบ.ทบ. บอกอย่าบีบให้ต้องแตะปืนอีก
ถ้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไม่ควรพูดสิ่งนี้ การพูดนั้นกระทบกระเทือนถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย และทำให้ภาพลักษณ์ของทหารติดลบ เพราะฉะนั้น ผบ.ทบ. ควรคิดทบทวนก่อนจะพูดอะไรออกมา อย่าให้กระทบกระเทือนจิตใจพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในยุคที่เรากำลังเปลี่ยนผ่านส่วนต่อประชาธิปไตย
เชื่อว่าทหารยังคิดที่จะปฏิวัติหรือไม่
เชื่อว่าความคิดปฏิวัติยังคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ขณะนี้ได้รับการต่อต้านจากประชาชน เมื่อถูกต่อต้านแรงขนาดนี้ก็ต้องชะลอออกไป แต่ความคิดเหล่านี้ยังมีอยู่ ดังนั้น การปฏิวัติจะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่ที่การร่วมแรงร่วมใจของประชาชนในการต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร
ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะสะสางเรื่องต่างๆ
ความไม่ยุติธรรมทุกเรื่องที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นรัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาและทำทุกสิ่งให้กระจ่างชัด ไม่เรียกว่าการแก้แค้น แต่ใครที่กระทำความผิดโดยจงใจต้องได้รับโทษ
การนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ
การนิรโทษกรรมคงต้องไปดู จริงๆแล้วคงไม่ใช่การนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คงเป็นการให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรม ไม่มีการนิรโทษกรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมเดินอย่างเป็นธรรมจริงๆทุกอย่างก็จบ
“ยิ่งลักษณ์” เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) บอกว่ากว่าจะฝ่าด่านของบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถของพรรคหลายคน บุคลากรที่อยู่สายงานการเมือง กว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำให้ตัวเองได้รับการยอมรับ ซึ่งต้องพิสูจน์ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกยกให้เป็นลำดับที่ 1 ของระบบบัญชีรายไม่ใช่เพราะเป็นน้อง พ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นมาด้วยคุณสมบัติของตัวเอง
นโยบายเพื่อไทยทำเพื่อ พ.ค.ท.ทักษิณ
นโยบายของพรรคเพื่อไทยไม่เคยทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง จริงๆแล้วเราเป็นผู้แทนราษฎร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำเพื่อพี่น้องประชาชน ถ้าเปรียบเทียบพรรคเพื่อไทยกับพรรคการเมืองอื่นจะเห็นว่าการทำงานและนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนโดยตรง
มีการดึงคนนอกเข้ามากลัวหรือไม่
พรรคประชาธิปัตย์จ้างบริษัทแมคเคนซี่ฯ ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติคิดด้วยซ้ำ จ่ายเงินแล้วด้วย คือโครงการชั่งไข่ที่ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว ส่วนนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีผม ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ดร.สุชาติ ธำรงธาดาเวช นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และอีกหลายท่านนั่งระดมสมองกัน เสร็จแล้วเรานำไปสอบถามประชาชน เราเอานโยบายไปตรวจสอบกับระบบราชการว่าทำได้หรือไม่ เอานโยบายให้ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะดูนโยบายและความเชื่อมโยงกับโลก ทั้งหมดให้ความเห็นแล้วเราถึงมาเคาะว่าจะเอานโยบายนี้หรือไม่
นโยบายทุกด้านมีที่มาที่ไป ส่วนการที่ตัดสินใจว่าเราจะรับความคิดเห็นของใคร อย่างไร เรารับฟังความคิดเห็นบนพื้นฐานว่าพี่น้องประชาชนต้องการจริงหรือไม่ ความคิดทุกด้าน ทุกนโยบาย ต้องมาจากความต้องการและปัญหาของประชาชน ตัวนโยบายไม่ได้ลอยมา ไม่ใช่ใครอยากคิดทำอะไรก็ทำ ทุกอย่างมาจากปัญหาของพี่น้องประชาชน แล้วเรามาหาทางแก้ไขและพัฒนาให้ดี
ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่คนเริ่มต้นคิดแน่นอน ทุกนโยบายจะถูกส่งจากพื้นที่ จากปัญหาของประชาชนมาที่คณะทำงานนโยบายของพรรค หลังจากนั้นคณะกรรมการนโยบายจะกลั่นกรองออกมาเป็นนโยบาย
แม้พรรคเพื่อไทยชนะก็ไม่ได้ตั้งรัฐบาล
สิ่งเหล่านั้นเป็นวาทกรรมที่คุณก่อมา วันนี้การตัดสินใจของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่คือประชามติที่จะเลือกว่าให้ใครขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ ไม่ใช่วาทกรรมที่พูดกันไปพูดกันมา ถ้าเรายอมรับความคิดเห็น ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ประชาชนเลือกใครภายใต้ระบอบประชาธิปไตยก็ให้คนนั้นเป็นผู้บริหารประเทศ เพราะเขานำเสนอแนวคิดนโยบายที่ตอบสนองประชาชนได้ตรงใจที่สุด ทุกกระแสจบไปแล้วมุ่งสู่การเลือกตั้ง ซึ่งผลการเลือกตั้งจะเป็นบทพิสูจน์ว่าประชาชนเลือกใครเป็นผู้บริหารประเทศ
ประชาชนจะได้อะไรในการเลือกตั้งครั้งนี้
การเมืองนำเสนอนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นสิ่งที่ประชาชนจะได้รับโดยตรง การให้โอกาสเข้าถึงแหล่งทุน โอกาสในการลดค่าใช้จ่าย โอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ๆ บางรัฐบาลอาจจะสนใจกลุ่มทุนขนาดใหญ่ บางรัฐบาลอาจสนใจพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นจะมีการบ่งชี้ว่าเมื่อพรรคการเมืองใดได้เป็รัฐบาลพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์ หรือพรรคการเมืองใดเป็นกลุ่มทุนจะได้ประโยชน์
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 311
วันที่ 21 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 หน้า 18 - 19
คอลัมน์ ฟังจากปาก โดย วัฒนา อ่อนกำปัง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น