วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554


"คุณเขียนบทความเพื่อคะแนนเสียง ผมเพียงพูดความจริง
13 ข้อโต้แย้งจากณัฐวุฒิ "คุณเขียนบทความเพื่อคะแนนเสียง ผมเพียงพูดความจริง"
 วันที่ 17 มิ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เขียนข้อความลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง ระบุว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์เขียนบันทึกมาแล้ว ตนขอร่วมเขียนด้วยตามที่ได้บอกไว้

 1.การอ้างเหตุว่ามีการยิงเอ็ม 79 ตามที่ต่างๆ ทำให้ถูกกดดันให้ใช้กำลังสลายการชุมนุม เลื่อนลอยน่าใจหาย เมื่อรัฐบาลหาตัวคนทำความผิดไม่ได้ จะมีความชอบธรรมอะไรจัดการประชาชนผู้บริสุทธิ์ นายอภิสิทธิ์ พยายามบอกว่า ตัวเองถูกกดดันจากประชาชนให้ใช้ความเด็ดขาดตลอดเวลา ไม่เข้าใจว่าระหว่างกดดันให้ยุบสภา เพราะคุณมาด้วยอำนาจพิเศษกับกดดันให้สลายการชุมนุม ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายทำไมเลือกใช้ความรุนแรง

 2.เรื่องร.พ.จุฬาฯ เป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้าของเพื่อนเรา บางคนเพราะเชื่อว่ามีกำลังทหารอยู่ในนั้น หลังเกิดเหตุเราแถลงยอมรับความผิดพลาด พร้อมทั้งขออภัยทางร.พ. รวมทั้งเปิดพื้นที่ชุมนุมบางส่วน ทั้งที่ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะความชัดเจนเรื่องกำลังทหารยังไม่มี มีการย้ายผู้ป่วยบางส่วนออกจากร.พ.ก่อนหน้านี้ เหลือบางรายที่ย้ายหลังการเข้าไปตรวจสอบโดยผู้ชุมนุม แม้เป็นเรื่องไม่ควรเกิด แต่ก็ไม่ควรเป็นข้ออ้างของการสังหารหมู่ประชาชน


 3.ข้อเสนอวันเลือกตั้งได้รับการตอบรับตั้งแต่ต้น แต่ประเด็นที่เรายอมรับไม่ได้ คือไม่มีการพูดถึงความรับผิดชอบต่อความตายของประชาชน ไม่มีเรื่องนิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณมาเกียวข้องในการตัดสินใจเลย เพราะแกนนำได้ประกาศมติหลังเหตุการณ์ 10 เม.ย.แล้วว่าไม่ยอมรับการนิรโทษกรรม ตัวเองถูกแจ้งข้อหาก่อการร้าย เรายังปฏิเสธนิรโทษกรรมแล้วเรายังจะไปคิดเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างไร

 4.ข้อเรียกร้องคือให้นายสุเทพเข้ามอบตัวในคดีสั่งสลายการชุมนุมจนมีคนตายเกือบ 30 ชีวิต เพื่อไม่เป็นเยี่ยงอย่างให้ผู้มีอำนาจคนใดใช้กำลังกับประชาชนโดยไม่ต้องรับผิดชอบอีก แต่นายสุเทพกลับทำเพียงแค่ไปปรากฏตัวที่ดีเอสไอ ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในคดีอาญา จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครในรัฐบาลถูกดำเนินคดี หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ สิ่งที่รัฐบาลทำคือสรุปว่าคนเสื้อแดงไม่ยอมรับการเจรจา แล้วก็สั่งกำลังทหารเข้ามาจนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 91 ศพ

 5.นายอภิสิทธิ์บอกว่าพยายามเจรจา แล้วทำไมจึงปฏิเสธกลุ่มสว.ที่มาพบพวกตนหลังเวที ในวันที่18พ.ค. ทั้งที่พล.อ.เลิศรัตน์(รัตนวานิช) และคณะยืนยันว่านายอภิสิทธิ์รับรู้ทุกขั้นตอน เราแถลงข่าวร่วมกันว่าวันที่ 19 (พ.ค.) เป็นวันเจรจา ตนบอกคณะสว.ด้วยว่า เราพร้อมยุติการชุมนุมทันที นายอภิสิทธิ์ก็ทราบเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเปลี่ยนวันเจรจาเป็นวันสังหารเพราะเตรียมการมาตลอดใช่ไหม บอกสว.ให้มาคุยกับเราจนทุกฝ่ายสบายใจ แล้วค่อยลงมือวิธีการนี้ไม่อำมหิตกับประชาชนไปหน่อยหรือ

 6.การบอกว่าความตาย 14-18 พ.ค. เพราะการปะทะระหว่างกองกำลังชุดดำกับเจ้าหน้าที่ ก็ต้องอธิบายว่าทำไมคนที่ตายไม่มีอาวุธในมือแม้แต่คนเดียว พลุไฟตะไลของเล่นที่บางคนถือเรียกว่าอาวุธไหม ศพไหนที่เป็นผู้ก่อการร้าย เจ้าหน้าที่ยิงโดนใครบ้างหรือไม่มีเลย และถามจริงๆว่าคนเป็นนายกฯ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ คำว่าเสียใจคำว่าขอโทษก็ไม่ต้องมีให้ประชาชนและร่างไร้วิญญาณเหล่านี้เลยใช่ไหม

 7.นายอภิสิทธิ์บอกว่า เป็นผู้รักษากฎหมายแล้วกฎหมายข้อไหน อนุญาตให้ใช้อาวุธสงครามกับประชาชน มาตราใดให้อำนาจประกาศเขตกระสุนจริง หลักสากลที่ไหนให้เอาสไนเปอร์มาใช้กับการชุมนุม กระสุน 2 พันกว่านัดที่ใช้ไป ทำไมใกล้เคียงกับยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากต้องรับผิดชอบกับ 91 ศพที่กรุงเทพฯ แล้วยังต้องรวมถึงทุกชีวิตในกลุ่มอาหรับที่ตายเพราะสไนเปอร์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วย นายอภิสิทธิ์คือผู้นำคนแรกของโลกที่ใช้วิธีนี้กับประชาชน

 8.ประหลาดใจมากกับเรื่องคนทำบั้งไฟที่ถูกไอ้โม่งชุดดำยิงตาย แล้วเผาหน้าวัดปทุมฯ นายอภิสิทธิ์เก็บเรื่องนี้ไว้กว่า 1 ปีได้อย่างไร ไม่มีใครเคยได้ยินทั้งอภิปรายในสภาหรือที่อื่น เรื่องใหญ่มาก คนถูกยิงเป็นใครพยานชื่ออะไร ขอดูหน้าหน่อยได้ไหม เชื่อจริงๆหรือว่ามีการเผากันหน้าวัดปทุมฯ โดยไม่มีใครรู้เห็น เผาศพใช้เวลานานมากเถ้าถ่านก็ต้องมี ตนไม่เชื่อเรื่องนี้ จะฆ่าก็ฆ่า ขังก็ขัง แต่อย่าโกหกกันขนาดนี้เลยสงสารประชาชนบ้างเถอะ

 9. กรณี 6 ศพในวัดปทุมฯ ฟันธงได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐยิง อย่าถามว่ามีเหตุผลอะไร จะยิงทั้งที่การชุมนุมยุติแล้ว เพราะถึงยังไม่ยุติ ก็ไม่มีเหตุผลใดๆให้ยิงประชาชนมือเปล่า จะอ้างกองกำลังที่ไหน ในนเมื่อคนบนรางรถไฟฟ้า ก็ยอมรับว่ายิงลงมาหัวกระสุนสีเขียวก็อยู่เต็มตัวคนตาย นายอภิสิทธิ์รักครอบครัวมาก ทุกคนรู้ พี่น้องตนถึงจะจนต่ำต้อย แต่ความเป็นคนก็เท่าคุณ พวกเขาอยากรู้ว่าคนที่เขารักตายยังไงต่างกับนายอภิสิทธิ์ที่คิดเพียงว่าจะอยู่อย่างไร ต่างกันมากเหลือเกิน

10.หลายตอนในบทความเน้นย้ำแต่เรื่องผู้สนับสนุน เรื่องคะแนนเสียง นักการเมืองที่แสดงตัวว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่คิดได้แค่นี้หรือ การยกข้อความสนับสนุนมาบอกว่าเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจ คิดไหมว่าคนที่สูญเสียจะรู้สึกอย่างไร พร่ำพูดแต่ตึกถูกเผา ส่วนคนที่ตายไม่สนใจ ตนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำ ไม่ได้วางแผนสั่งการให้ใครเผาห้าง ให้ช่อง 11 เชิญฝ่ายผจญเพลิงของเซ็นทรัลเวิลด์ไปพูดความจริงบ้างไหม กล้าหรือเปล่า

 11.อย่าอ้างบุญคุณกับบางคนที่ได้ประกันตัวออกมา เพราะพวกเขาไม่ได้ทำความผิดไม่ควรถูกขังตั้งแต่ต้น ให้คนโทรไปตามมาพบที่ทำเนียบ สั่งให้เขียนจดหมายมาขอบคุณตัวเอง นี่หรือทำเพื่อประชาชน หลายคนชีวิตยับเยิน แม่ตายไม่ได้ดูใจ ลูกเมียถูกไล่จากบ้านเช่า ลูกสาวถูกข่มขืน ป่วยต้องหามส่งรพ.จากเรือนจำ ถ้าคนเหล่านี้ได้ออกจากคุกต้องเขียนจดหมายขอบคุณท่านนายกฯไหม แล้วคนที่ถูกขังเพราะโดนขู่ให้สารภาพ ติดคุกเกือบปี แล้วศาลยกฟ้องต้องขอบคุณไหม

 12.นายอภิสิทธิ์บอกว่าเปื้อนโคลนจากทุกสี สถานการณ์แบบนี้ใครไม่เปื้อนโคลนก็แปลกแล้ว ปัญหาคือนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เปื้อนโคลนแต่เปื้อนเลือดประชาชน เป็นนายกฯที่มีคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองของประเทศ ไม่มีใครมองข้ามความตายของเพื่อนร่วมชาติได้ง่ายอย่างที่คุณทำหรอก พวกเขาจึงอยากรู้ว่าเกือบร้อยชีวิตตายยังไง ถ้าไม่พบความจริงคำถามนี้จะติดตามคุณไปชั่วชีวิต เป็นลมหายใจแห่งความตายที่ยังรอความยุติธรรมตลอดไป

 13.ผมรู้ว่าคุณเขียนบทความนี้เพราะต้องการคะแนนเสียงแต่ผมเพียงต้องการพูดความจริง ไม่มีผู้รักษากฎหมายที่ไหนจะนิ่งดูเขาฉีกรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศแล้วไปรับผลประโยชน์จากอำนาจนั้น ไม่มีผู้ปกครองคนใดจะรักษากฎหมายด้วยการทำลายชีวิตประชาชนแต่นายอภิสิทธิ์ก็ทำ ตนเลือกข้างประชาชน ประชนจงเจริญ


ที่มา : ข่าวสด
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น