สมเด็จพระบรมฯ รับสั่ง 'ไม่ต้องวางเงินประกัน' โบอิ้ง737 | |
สมเด็จพระบรมฯ รับสั่ง 'ไม่ต้องวางเงินประกัน'โบอิ้ง 737http://www.prachatai3.info/journal/2011/07/36145?utm_ source=feedburner&utm_medium=feed&utm_camp aign=Feed%3A+prachatai+%28%E0%B8%9B%E0% B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2% E0%B9%84%E0%B8%97+Prachatai.com%29&utm_content=Twitter พระบรมฯ รับสั่งไม่ต้องวางเงินประกันศาลเยอรมัน20ล้านยูโร แลกเครื่องบินกลับ อัยการสูงสุด เผยมั่นใจเอากลับได้ คาดคดีจบสิงหาคมนี้ เวลา 15.30 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการถอนอายัดเครื่องบินพระราชพาหนะ โบอิ้ง 737 จากประเทศเยอรมัน ว่า ข้อมูลหลักฐานที่อัยการเสนอต่อศาลเยอรมันยืนยันว่าเครื่องบินเป็นทรัพย์สินของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ไม่ใช่ของกองทัพไทย จะมายัดเยียดว่าเป็นของกองทัพอากาศได้อย่างไร เมื่อบัญชีรายชื่อเครื่องบินของกองทัพอากาศก็ไม่มีเครื่องบินลำนี้อยู่ในบัญชีตั้งแต่เดือนส.ค. 2007 จึงมั่นใจว่าจะสามารถนำเครื่องบินกลับมาได้ โดยไม่ต้องเสียเงินค่ามัดจำแม้แต่บาทเดียว อย่างไรก็ดีสำหรับเงินประกันที่ศาลเยอรมันมีคำสั่งอายัดเครื่องบินจริงๆ ตามข้อกฎหมายแพ่งประเทศเยอรมันนั้น ทรัพย์ที่ถูกอายัดและไม่มีคำสั่งเพิกถอน เราสามารถใช้หนังสือค้ำประกันจากธนาคารไปค้ำประกันโดยไม่ต้องวางเงินสด 20 ล้านยูโร เสียค่าธรรมเนียมเพียง 1-2 เปอร์เซ็นต์ของวงเงิน นายจุลสิงห์ กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ศาลเยอรมันสั่งอายัดเครื่องบินไว้ชั่วคราวเป็นเพราะมีข้อมูลจากเวปไซต์เอกชนที่ไหนก็ไม่รู้ ระบุว่ากองทัพอากาศยังมีเครื่องบินลำนี้อยู่ แต่เรามีเวปไซต์อย่างเป็นทางการของไทยที่ยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ดังนั้นวันนี้หากพูดถึงพยานหลักฐานที่มีอยู่ ยืนยันว่าเครื่องบินเป็นของสมเด็จพระบรมฯร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ต้องรอกระบวนการพิจารณาของศาลเยอรมัน ส่วนการพิจารณาคดีนั้นอัยการร้องขอให้ศาลเร่งพิจารณาคดีเร็วขึ้น ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค. ส่วนขั้นตอนการพิจารณาไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายภายใน 1 วัน ซึ่งฝ่ายไทย ได้เสนอบัญชีพยานต่อศาลเยอรมันไปแล้วจำนวน 3 คน อาทิ เจ้าหน้ากองทัพอากาศ ซึ่งเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์การถวายเครื่องบินโบอิ้ง และเจ้าหน้าที่กรมการบินพลเรือน ที่รู้เรื่องการจดกรรมสิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีหลักฐาน เป็นภาพถ่ายเครื่องบินเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในบัญชีกองทัพอากาศ พร้อมทั้งใบทะเบียนแสดงกรรมสิทธิ์ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องรอฟังว่าศาลจะกำหนดฟังคดีเมื่อใด โดยฝ่ายอัยการได้ประสานขอให้เร่งรัดพิจารณาคดีให้เสร็จภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนายจุลสิงห์ กล่าวอีกว่า อัยการพิจารณาแล้วจะต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเฉพาะหน้าของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยตนเป็นผู้ดูแลเอง ผู้สื่อข่าวถามว่าอัยการเตรียมดำเนินการฟ้องกลับใครบ้างหรือไม่ นายจุลสิงห์ กล่าวว่า มีแน่นอนใน 2 ประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการยึดอายัดเครื่องบินผิดลำ และเรื่องเนื้อหาในคดี ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดตั้งทีมงานขึ้นมาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนจะดำเนินการฟ้องร้องใครบ้างคงจะเปิดเผยให้ทราบอีกครั้ง แต่ในส่วนของบริษัทวอลเตอร์ บาว ฟ้องให้รัฐบาลไทยชำระเงินตามคำวินิจฉัยอนุญาโตตุลาการนั้น ยืนยันว่าคดียังไม่จบ จะมาบอกว่ารัฐบาลไทยดื้อแพ่งไม่จ่ายเงินไม่ได้ โดยเตรียมจะยื่นอุทธรณ์ในช่วงปลายเดือนนี้ ถ้าถึงที่สุดแล้วหากจะแพ้คดีหลักเราก็ต้องยอมจ่าย เราเป็นประเทศไทย มีอยู่ในแผนที่ ไม่สามารถหนีออกไปนอกโลกได้ "สมเด็จพระบรมฯทรงรับรู้ความรู้สึกของคนไทย และอยากให้คนไทยเข้าใจว่าพระองค์ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดกฎการบิน ทรงทำถูกต้องทุกอย่าง ซึ่งท่านไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับคดีที่รัฐบาลไทยกับบริษัทวอลเตอร์ บาว มีคดีความต่อกัน โดยอัยการได้ถวายรายงานกับคดีความให้ท่านทราบแล้ว ซึ่งคดียังไม่จบ รอยื่นอุทธรณ์อยู่ ส่วนเครื่องบินระหว่างนี้ยังจอดอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งพระองค์ท่านมีพระราชวินิจฉัยว่าไม่ต้องวางเงินประกัน แต่รัฐบาลไทยก็พร้อมที่จะเอาเงินวางเพื่อจะนำเครื่องบินออกมาเพื่อถวายให้ท่านทรงใช้งาน แต่พระองค์ท่านไม่ประสงค์ให้นำเงินของรัฐบาลไทยไปวาง" อัยการสูงสุด กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าว นายจุลสิงห์ อัยการสูงสุด ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่า ตามที่บริษัท Walter Bau AG ซึ่งมีคดีพิพาทอนุญาโตตุลาการกับราชอาณาจักรไทย ได้ร้องเรียนให้ศาลกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมณี มีคำสั่งอายัดชั่วคราวเครื่องบิน Boeing 737-400 ซึ่งเป็นเครื่องบินพระราชพาหนะส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ที่จอดอยู่ ณ สนามบินแห่งมิวนิค โดยศาลดังกล่าวได้ออกหมายอายัดเครื่องบินชั่วคราวให้ตามที่บริษัท Walter Bau AG ร้องขอ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 54 โดยเชื่อตามที่นาย Schneider ผู้บริหารจัดการทรัพย์สินของบริษัท Walter Bau AG กล่าวอ้างแต่เพียงฝ่ายเดียว ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของรัฐบาลไทย โดยหยิบยกข้ออ้างต่างๆหลายประการที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นความจริงสำนักงานอัยการสูงสุดทราบเรื่องการอายัดเครื่องบินดังกล่าวในช่วงเช้าวันที่ 13 ก.ค. 54 สำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมคณะทำงานประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ และกรมการบินพลเรือนได้ปรึกษาหารือร่วมกันโดยทันที และต่อมาได้เดินทางไปยังเมืองมิวนิค ในคืนเดียวกันนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดและคณะทำงานได้ทำการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องและข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว และนำเรียนต่อศาลแห่งเมืองแลนด์ชู๊ต ซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้ยกเลิกการอายัดเครื่องบินโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้คณะทำงานได้ให้ทนายความชาวเยอรมันยื่นคำร้องพร้อมเอกสารสนับสนุนคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 54 และยื่นคำร้องเพิ่มเติมพร้อมเอกสารอีกครั้งในวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ 1. เครื่องหมายตราครุฑสีแดงบนพื้นที่สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่ใช้ได้เฉพาะสมเด็จพระบรมฯ 2. เครื่องหมายธงชาติที่มีลักษณะเป็นรูปวงกลม 3. หมายเลข “90401” 4.คำว่า “Royal Fight” ที่ปรากฎบนเครื่องบิน 5. ข้อมูลของเครื่องบินที่ปรากฎใน Private Website ที่จัดทำโดยนายไมเคิล ฟาเดอร์ ไม่ถูกต้อง ขาดความน่าเชื่อถือ และไม่ตรงกับข้อมูลที่ปรากฎในเวปไซต์ของกองทัพอากาศไทย 6. เครื่องบินลำนี้มีข้อความว่า “ฑีปังกรรัศมีโชติ” ซึ่งเป็นพระนามของพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทรัพย์สินส่วนพระองค์ 7. เครื่องหมาย “HS-CMV” ที่ปรากฎบนตัวเครื่องบิน ยืนยันได้ว่าเครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินพลเรือน โดยคำว่า HS หมายถึง เครื่องบินที่จดทะเบียนในประเทศไทยกับกรมการบินพลเรือนตามที่กำหนดไว้ใน ICAO ส่วนคำว่า CMV หมายถึงพระนามย่อของสมเด็จพระบรมฯเป็นภาษาอังกฤษ และ 8. ใบสำคัญจดทะเบียนเครื่องบินลำนี้ว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของสมเด็จพระบรมฯ ออกให้โดยกรมการบินพลเรือน และหนังสือรับรองการเป็นเจ้าของเครื่องบินลำนี้ลงนามโดยอธิบดีกรมการบินพลเรือน เมื่อศาลแห่งเมืองแลนด์ชู๊ได้พิจารณาพยานหลักฐานต่างๆแล้ว จึงมีคำสั่งในเบื้องต้นสรุปได้ว่า จากเอกสารต่างๆและหนังสือรับรองข้อเท็จจริงแสดงได้ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของสมเด็จพระบรมฯ โดยถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการตัดสินดังกล่าวเกิดจากการตรวจสอบหลักฐานเอกสารเพียงอย่างเดียว และคู่ความฝ่ายตรงข้ามได้คัดค้านพยานหลักฐานต่างๆของฝ่ายไทย ศาลจึงมีคำสั่งให้ถอนอายัด โดยมีเงื่อนไขให้วางหลักประกันมูลค่า 20 ล้านยูโร จนกว่าจะมีคำพิพากษาเมื่อคดีเสร็จสิ้น ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ฝ่ายไทยได้ประชุมหารือกันแล้วเห็นว่า ยังไม่ควรวางหลักประกันดังกล่าวมา เพื่อรอให้ศาลพิจารณาและสืบพยานให้เสร็จสิ้นไปในคราวเดียว ซึ่งคาดว่ากระบวนการสืบพยานในชั้นศาลจะมีขึ้นประมาณปลายเดือนสิงหาคม 54 ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับบริษัท Walter Bau AG นาย Schneider ซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์สินบริษัทฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น อยู่ในระหว่างการพิจารณาและดำเนินการของสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะทำงานซึ่งมีกระบวนการที่จะต้องดำเนินการต่อไป | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น