วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554


ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งแบบหมากัดกัน


โดย ชำนาญ จันทร์เรือง
29 มิถุนายน 2554

การต่อสู้แย่งชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรกันอย่างดุเดือดในขณะนี้ ทำให้ผมนึกถึงนิทานอิสปเรื่อง เรื่อง หมาป่ากับสุนัขจิ้งจอก ที่แย่งถ้ำที่เก็บเสบียงอาหารไว้อย่างอุดมสมบูรณ์กัน แต่สุดท้ายถูกคนเลี้ยงแกะฆ่าตายทั้งคู่

ที่ผมนึกถึงนิทานอีสปเรื่องนี้เพราะว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 กรกฏาคมที่จะถึงนี้ เป็นการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่ดังที่เราทราบกัน

คือพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเปรียบเทียบได้กับการต่อสู้ระหว่างหมาป่ากับสุนัขจิ้งจอก ซึ่งมีลักษณะของการเป็นคนพาลทั้งคู่
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เก่าแก่มีพฤติกรรมที่อิงกับอำมาตย์และพรรคราชการมาโดยตลอด เป็นพรรคที่คุ้นชินกับการใช้อำนาจ ไม่มีผู้นำเดี่ยว ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนหมาป่า ชอบหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองอย่างข้างๆคูๆอยู่ตลอดมาเมื่อต้องการจะใช้อำนาจ ดังเช่น นิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะ เป็นต้น

ตัวอย่างในเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัดในการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯที่เป็นที่มาของการตั้ง ศอฉ.หาเหตุดำเนินกับฝ่ายตรงกันข้ามกับตัวเอง ทำได้แม้กระทั่งการจับแพะมาชนแกะในกรณีของผังล้มเจ้าที่เขียนขึ้นเพียงเพราะเหตุที่จะนำไปหาเรื่องกับลูกแกะทั้งหลาย

หรือแม้แต่ในเรื่องของกรณี 91 ศพที่โยนความผิดไปให้คนชุดดำก็เช่นเดียวกัน แต่ที่พิเศษกว่าการเป็นหมาป่าก็คือลักษณะของการ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”(หลักฐานอ้างอิง คือ เฟซบุ๊กของนายอภิสิทธิ์ฉบับ 1-7) ซึ่งถือได้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะของพรรคประชาธิปัตย์เอง

ที่พิเศษกว่าหมาป่าคือ หมาป่าเพียงแต่เอาชั่วใส่ลูกแกะเพื่อจะสำเร็จโทษ แต่ไม่เคยเห็นหมาป่าเอาดีใส่ตัวแต่อย่างใด
พรรคเพื่อไทยเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นพรรคเพื่อทักษิณโดยเฉพาะ มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมทั้งในด้านธุรกิจ และการเมืองทุกท่วงท่าในการล่าเหยื่อ ซึ่งเปรียบเสมือนสุนัขจิ้งจอกที่ชอบหากินเพียงลำพัง ถึงแม้จะมีการรวมฝูงกันก็เป็นฝูงที่ขึ้นอยู่กับจ่าฝูงหรือผู้นำเท่านั้น หากขาดผู้นำเสียก็เละเทะ ก็เหมือนพรรคเพื่อไทยหากขาดเสียซึ่งทักษิณ(ซึ่งตอนนี้ก็ยังคือทักษิณในร่างของยิ่งลักษณ์นั่นเอง)ก็ย่อมที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

ลักษณะของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคไทยรักไท ยหรือพลังประชาชนเดิม ขึ้นอยู่กับตัวผู้นำเหมือนสุนัขจิ้งจอก ทำทุกอย่างเพื่อด้วยเล่ห์กล ไม่ว่าจะเป็นการซุกหุ้น ซ่อนหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำงบประมาณของหลวงไปไล่แจกชาวบ้าน โดยทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเป็นเงินของตัวเอง จนระบบวินัยการเงินการคลังป่นปี้มาจนถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นยาเสพย์ติดขนานใหม่ที่ชื่อว่า”ประชานิยม” ที่พรรคการเมืองต่างๆ และผู้คนต่างติดยาเสพย์ติดชนิดนี้กันอย่างงอมแงม และยอมทำทุกอย่างไม่ว่าจะด้วยเล่ห์กลใดเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐกลับคืนมาให้ได้ หลังจากพ่ายแพ้เกมของหมาบ้าที่ตนเองแต่งตั้งมากับมือทำการรัฐประหารเตะออกจากเก้าอี้ไปตั้งแต่กันยายน 2549

ตอนนี้หมาป่ากับสุนัขจิ้งจอกกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย งัดทุกกลวิธีออกมาเพื่อกำชัยชนะให้ได้ เช่น การทำลายป้ายพรรคการเมืองตรงข้ามและของตัวเอง(ขอย้ำว่าของตัวเองเพื่อเรียกคะแนนสงสาร) การส่งมือปืนไปข่มขู่จนกระทั่งถึงการลอบทำร้ายเพื่อตัดกำลังคู่ต่อสู้ การสาดโคลนให้ชายชุดดำในกรณี 91 ศพ

และแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในการเลือกตั้งคราวนี้ก็คือการซื้อเสียงอย่างมหาศาล จนพระรักเกียรติ สุขธนะผู้ที่เคยสำเร็จวิชามาร จนถูกศาลฎีกาาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 15 ปีได้พูดขึ้นในวงเสวนาเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างมโหฬารยิ่งกว่าครั้งที่ผ่านๆมา
แล้วเราจะทำอย่างไรดี

ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะทั้งหมาป่า และสุนัขจิ้งจอกต่างก็เลือดเข้าตาแล้ว ส่วน กกต.ที่ถือได้ว่าหมดน้ำยาไปนานแล้ว ยิ่งล่าสุดการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผลการดำเนินการก็ออกมาอย่างที่เราทราบๆกันนั่นแหล่ะครับว่าโหลยโท่ยและห่วยแตกเป็นที่สุด คนเข้าคิวรอใช้สิทธิยาวเป็นกิโล ฯลฯ มีแต่ก้อนอิฐและเสียงด่าเป็นผลตอบแทน

ซึ่งก็เป็นอันว่าสิ้นหวังในการบริหารจัดการการเลือกตั้งสำหรับองค์กรนี้ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้การจัดการเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งไม่สามารถป้องกันหรือจับกุมผู้กระทำความผิดในการทุจริตซื้อเสียงขายได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ที่ลงคะแนนเป็นเสียงที่บริสุทธิ์อยู่ และควรที่จะต้องได้การยอมรับและเคารพในการตัดสินใจของผู้ที่ไปลงคะแนน ไม่ว่าจะกาช่องใดก้ตาม

สิ่งที่เราจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ เราต้องสร้างวิกฤติเป็นโอกาส นั่นก็คือ นำข้อเสนอของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่เคยเสนอไว้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็คือการเลือกตั้งแบบหมากัดกัน ซึ่งหมายความว่า เมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หมามันมีสันดานชอบกัดกันกันอยู่แล้ว แทนที่เราจะปล่อยให้มันกัดกันตามใจชอบ แต่เราต้องให้มันกัดกันตามคำสั่งของเรา
ซึ่งก็หมายความว่า กูสั่งให้มึงกัดใคร ไม่ใช่มึงกัดกันเองตามใจชอบ ฉะนั้นการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจึงมีความสำคัญ แต่ว่าไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเพื่อเลือกเครื่องมือทางการเมืองของเรา ไม่ใช่เลือกตัวแทนของเรา คนที่เราสามารถสั่งได้ ไม่ใช่คนที่ไปคิดหรือทำอะไรแทนเราไปหมดทุกอย่าง

ฉะนั้น เราจะต้องใช้สันดานหมาที่มันชอบกัดกัน เพื่อแย่งอาหารให้เป็นประโยชน์ต่อการเมืองภาคประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ผมว่านี้ก็คือ เมื่อปล่อยหมาออกไปแล้ว เราไม่สามารถบังคับหมาได้ มันจะกัดกันเพื่อแย่งอาหารของมันเองเท่านั้น แต่เราก็ต้องมียุทธศาสตร์ว่า เราจะปล่อยหมาออกไปเพือให้มันไปกัดกันในสภาอย่างไร เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ถึงมันจะแย่งอาหารกันเองก็ตาม แต่ผลที่ได้จะตกแก่ประชาชนมากที่สุด

ถ้าเราทำให้อำนาจในสภาของหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอกไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนเกินไปนัก ก็จะทำให้มันไม่กล้าที่จะมาปิดปากผู้คนในสังคม ประชาชนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเสรี ถูกคุกคามจากรัฐบาลที่เข้มแข็งได้น้อยลง

ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลที่อ่อนแอจะคุกคามประชาชนไม่ได้นะครับ แต่เราจะสามารถตอบโต้กับมันได้ดีขึ้น ได้ถนัดมากขึ้น รัฐบาลที่อ่อนแอก็ตีหัวประชาชนมาตลอดเวลาเหมือนกัน ดังเช่นสองปีกว่าที่ผ่านมา เราจึงต้องการรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็งจนเกินไป เพื่อว่าพื้นที่ภาคประชาชนจะได้เปิดกว้างขึ้น โดยให้นักการเมืองเป็นแต่เพียงเครื่องมือทางการเมืองของประชาชน

อย่าปล่อยให้หมาป่ากับสุนัขจิ้งจอกมานั่งบนหัวเรา ให้มันเป็นเพียงเครื่องมือของเราเท่านั้นก็พอ

------------------------
หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2554
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น