วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554


สิทธิมนุษยชน : สร้างสันติสุขหรือสลายสังคม
เสาร์ ที่ 13 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2554


เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นที่กล่าวถึงกันมาก
ประเทศที่อ้างว่าปกครองตามระบอบ
ประชาธิปไตย แต่มีปัญหาการใช้สิทธิม
นุษยชน เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ
ตรงกัน เรื่องสิทธิมนุษยชน พีเพิล
แชนเนิ่ลออนไลน์ จึงขอเสนอ
เรื่องสิทธิมนุษยชน สร้างสันติสุข
หรือสลายสังคม ของท่านเจ้าคุ
ณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
นักปราชญ์เอกทางพระพุทธศาสนา
พระเถระผู้ได้รับการชื่นชมแล
ะยกย่องทั่วโลก พลาดไม่ได้นะครับ

สิทธิมนุษยชน : สร้างสันติสุขหรือสลายสังคม
 (ตอนที่ 1)
โดย พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)

แง่คิดข้อสังเกตเรื่อง สิทธิมนุษยชนกับประโยชน์สุขของมนุษยชาติ
       สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของการที่
มนุษย์เรามาตกลงยอมรับกันให้บุคคลในฐานะที่เป็นมนุษย์แต่ละคน
ได้รับความเคารพ นับถือ เอาใจใส่ ดูแล คุ้มครองรักษา และได้รับ
ประโยชน์จากการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ซึ่งอาจจะพูดว่า “อย่างดีที่สุด”
มนุษย์ที่มาตกลงกันในที่นี้หมายถึงชุมชนระดับโลก คือ องค์การ
สหประชาติ ได้แก่ชาติต่าง ๆ ทั้งหลายในโลกนี้ ที่ได้ตกลงกัน
และได้วางเป็นข้อกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้น ซึ่งยอมให้บุคคลยกขึ้น
เป็นข้ออ้าง เพื่อเป็นหลักประกันหรือเป็นมาตรฐานที่เขาจะมี
ชีวิตอยู่อย่างดี สามารถเข้าถึงความดีงามและประโยชน์สุข
ที่ควรจะได้รับ

 เมื่อมองอย่างนี้ก็จะเห็นได้ว่า สิทธิมนุษยชนนั้นเป็นเรื่อง
ของมนุษย์ที่เจริญงอกงาม มีอารยธรรม รู้จักคำนึงถึงชีวิตของ
กันและกัน เอาใจใส่ในความสุขความทุกข์ของกันและกัน และ
แสดงถึงการรู้จักจัดวางกฎเกณฑ์กติกาเพื่อให้อยู่ร่วมกันด้วยดี
เป็นเครื่องหมายของความเจริญก้าวหน้าในอารยธรรม

สิทธิมนุษยชน บนภูมิหลังแห่งการถูกบีบคั้นให้ดิ้นรนแสวงหา

 อย่างไรก็ตาม จะต้องระลึกตระหนักไว้ด้วยว่า สิทธิ
มนุษยชนนี้กว่าจะได้มา ก็ผ่านภูมิหลังของเหตุการณ์ความ
เป็นไปในประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกหรือมนุษยชาติ
และภูมิหลังนี้ก็เต็มไปด้วยการที่มนุษย์เบียดเบียน แย่งชิง
กดขี่ข่มเหงซึ่งกันและกัน มองในแง่หนึ่งก็เหมือนกับว่า
สิทธิมนุษยชนนี้ได้มาด้วยการต่อสู้และมนุษย์ที่เป็นต้นคิด
ที่ทำให้เกิดมีการจัดวางสิทธิมนุษยชนขึ้น เป็นกฎกติกา
นั้นก็เป็นมนุษย์ชาวตะวันตก แม้เราจะบอกว่าปฏิญญา
สากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนตั้งขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ
ซึ่งเป็นเรื่องของมนุษยชนทั่วโลก แต่ผู้นำความคิดในเรื่องนี้
ก็คือชาว ตะวันตก ซึ่งมีภูมิหลังในการเบียดเบียนบีบคั้นกัน
อย่างรุนแรง และการบีบคั้นเบียดเบียนนั้นดำเนินไปอย่าง
เป็นระบบและเป็นสถาบัน

 สังคมตะวันตกมีประวัติศาสตร์แห่งการ
รบราฆ่าฟันและสงครามอย่างมากมาย
ตลอดเวลายาวนานและในขอบเขต
ที่กว้างขวาง ซึ่งเป็นเรื่องของการ
บีบคั้นเบียดเบียนกันทั้งระหว่าง
มนุษย์ในสังคมเดียวกันและ
มนุษย์ต่างสังคม ไม่ต้องพูดถึง
เรื่องใหญ่ในอดีตที่ยืดยาวอย่าง
Inquisition (ศาลไต่สวนศรัทธา)
เพียงยกตัวอย่างง่าย ๆ ในสังคม
เดียวกัน เช่น ระหว่างผู้ปกครอง
กับราษฎรหรือผู้อยู่ใต้ปกครอง ในยุโป รวมทั้งในอังกฤษ เคยมี
การวางกฎกติกากันว่า ถ้าผู้ปกครองนับถือศาสนาไหน นิกายใด
ราษฎรจะต้องนับถือศาสนานั้นนิกายนั้นด้วย มิฉะนั้น ก็อยู่
ด้วยกันไม่ได้ และได้เกิดมีการรบราฆ่าฟันกันด้วยเรื่องศาสนา
อย่างรุนแรง จนทำให้ต้องอพยพหนีภัยไปต่างประเทศ ดังที่
ประวัติ- ศาสตร์ของอเมริกาก็มีส่วนสำคัญที่เป็นเรื่องของ
การที่มนุษย์หนีภัยสงครามหรือการกดขี่เบียดเบียนกันทั้ง
ในทางการเมืองในทางศาสนา ที่เรียกว่า persecution

 ในระหว่างสังคม ก็เห็นได้ชัดว่า มนุษย์ชาวตะวันตกใน
ประเทศที่เจริญนั้น ได้ออกล่าเมืองขึ้นและครอบครอง
อาณานิคมมากมาย มนุษย์ที่อยู่ในอาณานิคมหรือ
เมืองขึ้นนั้น ถูกกดขี่ข่มเหง ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบัน
ก็เรียกว่าแทบไม่มีสิทธิมนุษยชนเลย

 ประวัติศาสตร์ของชาวตะวันตกเป็นมาอย่างนี้ เขาผ่าน
ประสบการณ์ในการเบียดเบียนกันมามาก ดังนั้นการต่อสู้
ดิ้นรนและความขัดแย้งก็ย่อมมีมาก จนทำให้ต้องมีการ
วางกฎเกณฑ์กติกาเป็นขอบเขตให้ชัดเจนไว้ เพื่อหยุดยั้ง
การบีบคั้นเบียดเบียนและไม่ให้มีการละเมิดต่อกัน

 แม้แต่ประเทศอเมริกาที่เกิดขึ้นมาจากการดิ้นรนต่อสู้เพื่อ
แสวงหาความเป็นอิสรเสรี และปัจจุบันนี้เราเห็นว่าเป็น
ประเทศผู้นำที่ยกย่องเทิดทูนในเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้น
ถอยหลังไปเมื่อ 100ปีที่แล้วนี้เอง ก็ได้มีความเชื่อถือ
อย่างมากในลัทธิที่เรียกว่า “ดาร์วินเชิงสังคม”
(Social Darwinism)

 ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินถือหลักว่า ธรรมชาติมีการ
คัดเลือกในตัวของมันเอง ซึ่งจะทำให้สัตว์ที่แข็งแรงเก่งกล้า
และมีความเหมาะสม ดำรงอยู่ได้ ส่วนสัตว์ที่อ่อนแอ ไม่มี
ความสามารถก็ล้มหายตายดับ หรือสูญพันธุ์ไป ทฤษฎี
ของดาร์วินนี้ได้มีผู้นำมาใช้ในเชิงสังคม และประเทศ
อเมริกานี้ก็ได้มีคนจำนวนมากที่เชื่อถือ และได้รับอิทธิพล
ของลัทธิดาร์วินเชิงสังคมอย่างชนิดที่เรียกว่าลึกซึ้งมาก
ที่สุด ยิ่งกว่าในยุโรปที่เป็นถิ่นเกิดของลัทธิดาร์วินเชิงสังคม
นั้นเอง จนกระทั่งกลายเป็นแนวคิดหลักในเชิงธุรกิจ
ที่สนับสนุนการแข่งขันในการค้าขาย แม้ว่าในทางการเมือง
ลัทธินี้จะไม่เป็นที่ยอมรับแล้วอย่างน้อยในระดับของ
การอ้างอิง แต่ในทางเศรษฐกิจอิทธิพลของลัทธินี้ก็ยัง
มีอยู่อย่างลึกซึ้งแม้ในปัจจุบัน

 ภูมิหลังของการดิ้นรนต่อสู้และการเบียดเบียนข่มเหงกันมาก
ทำให้มนุษย์ต้องมาวางกฎ เกณฑ์กติกาเป็นกรอบขอบเขต
และชาวตะวันตกก็มีความถนัดและความชำนาญในการ
วางกฎกติกานี้ เพราะจะต้องพิทักษ์รักษาสิทธิของตน
เพื่อป้องกันอีกฝ่ายหนึ่งมิให้มาละเมิด

 เรื่องที่กล่าวมานี้เป็นภูมิหลังอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเหตุปัจจัย
สำคัญแห่งการเกิดขึ้นของสิทธิมนุษยชน การรู้ภูมิหลังนี้
จะทำให้เราวางท่าทีได้ถูกต้อง เมื่อสิทธิมนุษยชนเกิดมี
ขึ้นมาอย่างนี้แล้ว ก็เป็นสิ่งดีที่จะช่วยให้มนุษย์เราไม่ละเมิด
ต่อกัน และไม่ปิดกั้นโอกาสแก่กันและกัน ในการที่จะมี
ชีวิตอยู่รอดหรืออยู่ได้อย่างดีที่สุด โดยมีโอกาสที่จะเข้าถึง
ประโยชน์และความดีงามที่มีอยู่ในสังคมหรือในโลกนี้

อย่างไรก็ตาม สิทธิมนุษยชนนั้นคงไม่จบเท่านี้ แต่จะต้อง
มีวิวัฒนาการต่อไปอีก (โปรดอ่านตอนต่อไป...)

…………………………………………



Human Rights : Social Harmony of Social Disintegration
By Phra Dhammapitaka (P.A. Payutto) (A Translation)

Perspectives on “Human Rights and the Well-Being of the Humanity”



The Universal Declaration of Human Rights (UDHR) concerns the fact that human beings came together and agreed that each individual must be treated with respect, accorded with due consideration and protection and allowed to benefit from living one’s life in “the best possible way.” The human beings here involved people at a worldwide level, the United Nations. In this regard, nations in the world had reached an agreement and had decided to lay down rules and regulations so that each individual can resort to as a legitimate claim, so as to ensure and to serve as standards for one’s well-being and to have access to virtue and all benefits to which one is entitled.

 Keeping this in mind, the Universal Declaration of Human Rights is a matter of civilized and cultured human beings who care and have kind consideration for one another. The UDHR reflects recognition of the importance of rules and regulations so as to enable human beings to live together in harmony. In this sense, the UDHR stands as a symbol of progresses of civilizations.

Human Rights : A Product of the History of Oppression and Struggle

 However, it should be noted that the UDHR came into existence against the background of the evolution of the world or of the humankind, the evolution through violations, struggles and oppression. The UDHR was attained through struggles. Though it is said that the United Nations was the one who initiated the UDHR. It was the Western people with history of grave institutionalized and systematized violations and oppressions, who were the moral leader for laying down rules and regulations on human rights to appear as the UDHR.

 History of the West, to a large extent and through lengthy period, involves fighting and killings. It involves violations both between human beings within the same society and between societies. Not to mention the Inquisition, one simple example of violation within the same society can be seen between rulers and the ruled in Europe including in England; if the ruler upheld any particular religion, any sect, the masses were obliged to accept that religion, that sect as theirs as well, or else they could not live. Serious fighting had occurred as a result of differences in beliefs and religions and, consequently, many had to seek refuge abroad. The American history also involves human beings who fled from threat of warfare or violations, both in politics and in religion, or persecution.

 For violations between human beings belonging to different societies, it can be clearly seen in past Western colonization. Those citizens of the colonized territories were oppressed or to say in the modern-day language “deprived of their human rights.”

 The history of the West was as such. The West had long experienced violations and struggles to overcome them, which often times, had caused conflicts. As a result, they felt the need to design and to define clear frameworks for rules and regulations so that violations be avoided and be prevented.

 Even in the US, a country, which was born from the struggle and the fight for freedom and which at present is often seen as leader and beholder of human rights, dating back only 100 years ago, Social Darwinism was the mainstream belief.

 Darwinism upholds that nature has its own selection process; the stronger, the able, and the fittest, would survive, while the weak the unable world die and fade away. Darwinism was applied for social function and, especially in the US, the influence of Darwinism was deeply rooted to even a greater extent than in Europe where Social Darwinism was born. In the US, Darwinism became a main business approach which encouraged competition especially in trading and commerce. Though, at present, Darwinism seems unaccepted in politics, at least as a reference, but in terms of economics and business, Darwinism still maintains its profound influences.

 It was against this background of violations and struggles that human beings came together to lay down rules and regulations on human rights. Westerners have quite a mastery and skills in designing rules and regulations as they need to protect their own rights and to prevent them from being violated by others.

 To prevent violations of rights was one main factor which gave birth to the UDHR. It is important to understand this background so that one can act accordingly. With the UDHR in place, it is hoped to serve as a tool to prevent people from violation one another and to ensure that people will not deprive others of a chance to survive or to have the best possible existence, and to have access to benefits and all kinds of virtue existing in society or in this world.

 Nevertheless, the matter of human rights probably will not end as such, it probably will be developed further. (to be continue on next issue…)
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น