วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


วิกฤตอุทกภัยจบง่าย แต่ประเทศจะได้ประชาธิปไตยคงจบยาก!
          วิกฤตอุทกภัย คือภัยที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และทำให้ทรัพย์สินต่างๆของทุกครัวเรือนก็ได้รับความเสียหายกันทั่วไป และที่เลวร้ายที่สุดได้มีผู้เสียชีวิตในวิกฤตนี้เป็นจำนวนมากกว่า 500 ชีวิต นี่คือวิกฤตจากอุทกภัยหรือจากน้ำในครั้งนี้

           อย่างไรก็ตาม วิกฤตอุทกภัยครั้งนี้ก็คงจะจบในอีกไม่นาน และก็จะเข้าสู่หมวดของการฟื้นฟูความเสียหายที่ได้รับ ก็คงจะเสร็จได้ไม่นานนัก เมื่อการฟื้นฟูเสร็จ ทุกอย่างของวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้ก็จะผ่านไป เพียงเหลือไว้ในอนาคตรัฐจะต้องวางแผนการป้องกันมิให้วิกฤตอุทกภัยเกิดขึ้นเช่นปีนี้อีก ก็เชื่อว่ารัฐบาลคงจะวางแผนในปีต่อไปจะไม่เกิดวิกฤตอุทกภัยเช่นปีนี้แน่นอน ความเชื่อดังกล่าวมีเหตุผลที่รองรับได้ก็คือ รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจำนวนมากกว่า 15 ล้านเสียง

          ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้คงจะต้องยึดหลักการให้ความสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของประขาชนเป็นศูนย์กลาง คงไม่เป็นเช่นรัฐบาลที่มาโดยมิชอบคือ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ได้เป็นรัฐบาลอันเนื่องจากใช้อำนาจของกองทัพหรืออำนาจนอกระบบที่เรียกว่ามือที่มองไม่เห็น รัฐบาลประเภทนี้จะไม่สนใจในความทุกข์สุขของประชาชน จะยึดเอาหลักการที่จะต้องปกป้องคุ้มครองประโยชน์คนของพวกตน (ซึ่งมีการเรียกกันว่าอำมาตยาธิปไตย) เท่านั้นประชาชนเป็นเพียงผู้รับใช้ จะทุกข์สุขอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม

           เหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดให้เห็นในหลายเหตุการณ์ แม้ในปี 2552-2553 และถึงกลางปี 2554 เหตุการณ์ที่ร้ายแรงและเลวร้ายที่สุด ที่รัฐบาลที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ไม่กระทำเช่นนี้ โดยเด็ดขาด เหตุการณ์นี้ก็คือ การใช้ทหารปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวง เสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 2,000 คน เหตุการณ์เช่นนี้จะมีก็แต่รัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลที่รับใช้คณะบุคคลกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเท่านั้น หรือเรียกว่ารัฐบาลอำมาตยาธิปไตย สั่งฆ่าประชาชนโดยไม่ผิดกฎหมาย เป็นเหตุการณ์สดๆร้อนๆคนทั้งประเทศ และคนทั้งโลกต่างก็รับทราบกันโดยทั่วไป

           ครั้นเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ฝ่ายอำมาตยาธิปไตยคาดการณ์ว่า พรรคของตนเและพรรคร่วมจะได้รับการเลือกตั้งจะต้องได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง แต่การคาดการณ์ของพวกอำมาตยาธิปไตย ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ กลับกลายเป็นว่าพรรคที่เชิดชูประชาธิปไตยเป็นหลัก ได้รับการเลือกตั้งเกินครึ่งไปถึง 15 เสียงนั้นก็คือพรรคเพื่อไทย (จำนวนเสียงในสภา 500 เสียง)

           การที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเกินกว่าครึ่ง และมีความชอบธรรมได้บริหารประเทศต่อจากรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย ด้วยเสียงของประชาชนโดยแท้ ทั้งที่เป็นฝ่ายที่ต้องเผชิญกับอำนาจรัฐคือ กลไกของรัฐตกอยู่ภายใต้คำสั่งของพรรคฝ่ายอำมาตยาธิปไตย ทุกองค์กร และอำนาจทางการเงินก็มีจำนวนมากมหาศาล มีการแจกเงินให้กับผู้ใช้สิทธิ์ทุกระยะเสมือนว่าผู้จ่ายพิมพ์ธนบัตรได้เองอย่างนั้นแหละ แต่จะเป็นอิทธิพลอะไรก็ตาม ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนให้ผู้ใช้สิทธิ์ที่มุ่งมั่นต้อการประชาธิไตยเคลิบเคลิ้มหรือเกรงกลัวอำนาจอิทธิพลใดๆ ผลการเลือกตั้งจึงออกมาเป็นว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น จึงเรียกได้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง

           แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลมีอำนาจการบริหารราชการได้จริง แต่ท่านอย่าได้เชื่อว่าฝ่ายอำมาตยาธิปไตยจะยอมพ่ายแพ้นะครับ เพราะทุกวันนี้พวกเขาก็พยายามทุกวิถีทางที่จะล้มรัฐบาลของประชาชนคือ พรรคเพื่อไทยให้ได้ เพียงรอเวลาที่เหมาะสมและมีเหตุผลที่สร้างขึ้นเอง อันเป็นข้ออ้างได้เท่านั้น (วิกฤตอุทกภัยก็อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งของพวกอำมาตย์ก็ได้ไม่แน่)
                ด้วยเหตุที่กล่าวมาแล้ว พี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจ โดยเฉพาะท่านที่ใช้สิทธิ์เลือกพรรคเพื่อไทย ท่านคือเจ้าของพรรคเพื่อไทยนะครับ พวกเราต้องช่วยกันระแวดระวังภัยต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย จากการกระทำของเหล่าอำมาตยาธิปไตย เราต้องเป็นกำแพงสกัดกั้นมิให้พรรคอำมาตย์ทำลายพรรคเพื่อไทยของเราได้โดยเด็ดขาด ถ้าเขาทำลายพรรคของพวกเราได้ วันนั้นอำมาตยาธิปไตยจะครองเมือง มหาวิบัติจะมาทุกทิศทาง ประชาชนจะตกอยู่ภายใต้อำนาจที่กดขี่ข่มเหงทำร้ายพวกเราซึ่งเป็นประชาชนทุกวิถีทาง วันนั้นพวกเราไม่เพียงอยู่ติดดินเท่านั้น อาจจะจมอยู่ใต้ดิน จะแสดงความคิดเห็นหรือแสดงอะไรซึ่งเป็นสิทธิ์เสรีภาพก็ไม่อาจทำได้ พวกเราคือประชาชนจะตกอยู่ภายใต้อำนาจนอกระบบไปอีกนานไม่ทราบว่าจะนานเท่าไร?

             วันนี้เราได้รัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชน แต่รัฐบาลของเราก็ทำงานไม่ง่ายนัก จะต้องคอยระมัดระวังอำนาจนอกระบบหรือมือที่มองไม่เห็น ไม่ทราบว่าจะยื่นมือมาตบรัฐบาลของเราเมื่อไร ลำบากมากครับสำหรับรัฐบาลในขณะนี้ มีหลายเรื่องที่รัฐบาลจะต้องทำทันที ก็ยังทำไม่ได้เพราะอำนาจนอกระบบคอยส่งเสียงออกมาขู่ไว้เสมอๆ และในขณะที่ส่งเสียงขู่ ก็มีเสียงออกมาเรียกร้องเพื่อเอาคนของตนเองเข้ามาร่วมโดยแทรกเข้ามาทำหน้าที่กับฝ่ายรัฐบาล และรัฐบาลก็อยู่ในภาวะจำเป็นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ก็จำเป็นแต่งตั้งคนของอำมาตยาธิปไตยเข้ามามีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล เพื่อประคับประคองให้พรรคของประชาชนนี้ดำรงอยู่ได้จนกว่าจะครบวาระ หรือสร้างประชาธิปไตยให้แก่ประเทศไทยได้อย่างถาวรตลอดไป

            จากการที่เราต้องผ่อนปรนให้คนของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยเข้ามาดำรงตำแหน่งในรัฐนี้ เนื่องจากว่ากลไกของรัฐทยังอยู่ในอำนาจของอำมาตยาธิปไตย ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลก็เพราะมีเหตุอุทกภัย รัฐบาลก็เลยสารวนอยู่กับการแก้ปัญหาวิกฤตอุทกภัยที่ดำรงอยู่ ก็คงจะต้องให้ปัญหาวิกฤตอุทกภัยจบเสียก่อน และวันนั้นก็คงจะมีเวลาที่จะดำเนินการจัดการแก้ปัญหาในเรื่องกลไกของรัฐที่รัฐบาลยังควบคุมไม่ได้ให้เสร็จเด็ดขาด วันนั้นอำนาจที่แท้จริงที่ของประชาชนมากกว่า 15 ล้านเสียงที่มอบให้พรรคเพื่อไทย ก็จะมีอำนาจคือใช้อำนาจที่ประชาชนได้มอบให้บริหารประเทศให้เป็นไปตามนโยบายที่นำเสนอไว้แก่ประชาชนได้โดยสมบูรณ์ และจะสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นอย่างถาวรให้แก่ประเทศนี้ต่อไปโดยประชาชนจะมีหลักประกันตามระบอบประชาธิปไตยคือ

1. หลักเสรีภาพ (Liberty) ซึ่งประกอบด้วยสิทธิหน้าที่ อิสรภาพ และ สมภาพ จะต้องอยู่ร่วมกัน
2. หลักความเสมอภาค (Equality) คือความเท่าเทียมกันในฐานะเป็นพลเมืองของรัฐ
3. หลักเหตุผล (Rationality) การตัดสินความขัดแย้งด้วยเหตุผล ใช้กฎหมายบนพื้นฐานของ
    นิติธรรม
4. การตัดสินโดยเสียงข้างมาก (Majority) เสียงข้างน้อยได้รับการคุ้มครอง (Majorityrule and
    minority right)
5. การผลัดเปลี่ยนกันหมุนเวียนดำรงตำแหน่ง(Rotation) ไม่ผูกขาดแต่คนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว

         ดังนั้น ถ้าเป็นประชาธิปไตยมีองค์ประกอบครบทั้ง 5 ข้อ ก็จะเป็นประชาธิปไตยตามหลักการใช้ประชาธิปไตยดังที่พระพุทธเจ้าทรงนิยม เช่น ธรรมาธิปไตยคือหลักการเป็นใหญ่ มิใช่อัตตาธิปไตย เอาตนเป็นใหญ่ หรือโลกาธิปไตย เอาโลกหรือพวกเป็นใหญ่ เหล่าอำมาตย์ครับ ท่านหยุดเถิด ให้ประชาชนเขาปกครองกันเองที่เรียกว่าประชาธิปไตยหรือธรรมาธิปไตย ซึ่งเป็นอำนาจของประชาชนโดยแท้ ถึงวันนั้นประเทศชาติก็จะพบกับความเจริญรุ่งเรือง

         ประชาชนจะมีความสุขสมบูรณ์กันถ้วนทั่ว เพราะเขาจะได้ใช้อำนาจที่เขามีนำพาชีวิตพวกเขาให้เป็นตามเจตนาหรือวัตถุประสงค์ยังไงครับ อย่าต้องทำให้การสร้างประชาธิปไตยนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก สร้างความลำบากให้แก่ประชาชน ต้องเรียกร้องกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะประชาชนจะไม่หยุดการเรียกร้องเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่ถาวรแก่ประเทศนี้โดยเด็ดขาด ดังนั้นเพื่อให้การเรียกร้องของประชาชนได้ประชาธิปไตยอย่างถาวร โดยไม่เป็นภาระและความยุ่งยากแก่ประชาชนอีกต่อไปขอให้พวกท่านมอบอำนาจซึ่งเป็นอำนาจของประชาชนอยู่แล้วคืนให้พวกเขาเถิดครับและวันนั้นเรื่องนี้ก็จะจบทันที

***หมายเหตุ : สมภาพ หมายความว่า ทั้งสองฝ่ายต่างดำเนินเข้าหาจุดที่เสมอกันนี้คือ งดเว้นจากกรรมที่ชั่วร้าย ซึ่งต่างก็ไม่ชอบให้มาทำแก่ตนด้วยกัน และดำเนินไปทางกรรมที่ดีที่เกื้อกูลกัน ที่ต่างก็ชอบจะให้ใครมาทำแก่ตนด้วยกัน
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น