วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


ชินวัฒน์ หาบุญพาด สงสัยปัญหาน้ำท่วม ?
        นายชินวัฒน์ หาบุญพาด เป็นแกนนำคนเสื้อแดง กลุ่มวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ตั้งอยู่ซอย ๓ ถนนวิภาวดีรังสิต กมท. ได้ให้ “สัมภาษณ์” ทางโทรศัพท์ เรื่องน้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ พร้อมกับได้ตั้งข้อสังเกตในเชิงสงสัย “หลายประการ” อันน่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง
            ในฐานะนายชินวัฒน์ หาบุญพาด เป็นที่ปรึกษาของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ได้ออกไปอยู่กับน้ำท่วมตั้งแต่วันน้ำท่วมใหม่ๆมาจนถึงวันนี้ ก็ย่อมจะมีข้อมูลที่น่ารับรู้ เมื่อเจ้าตัวมีความเต็มใจที่จะเล่าให้ฟัง เราจึงพร้อมที่จะนำเสนอโดยไม่ลังเล
            นายชินวัฒน์กล่าวว่า ประเทศไทยยังก้าวไม่พ้น “ความขัดแย้งทางการเมือง” อย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นในกรณีเกิดน้ำท่วมใหญ่ในคราวนี้ แทนที่นักการเมืองทั้งหลายจะได้หันหน้าเข้าหากันกลับไม่ปรากฏ “ภาพของการหันหน้า” ให้เห็น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงละครฉากสั้นๆฉากหนึ่งเท่านั้น
          ขอม ดำดิน ถามว่า “น้ำจะท่วมกรุงเทพส่วนในหรือไม่ ? หมายถึง จตุจักร ลาดพร้าว ราชเทวี วังทองหลาง ประตูน้ำ สีลม สาธร พระโขนง บางกะปิ สะพานสูง ประเวศ และอื่น ๆ  นายชินวัฒน์ตอบว่า คำถามนี้ตอบแบบฟันธงไม่ได้ ทั้งนี้เนื่องจาก “ความสามารถ” ของรัฐบาลและของกรุงเทพมหานคร ๒ หน่วยงานรวมกัน ไปด้วยกันได้จริงหรือไม่ ? ซึ่งหมายถึงถ้า ๒ หน่วยงานทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี ก็จะป้องกันกรุงเทพด้านในได้ในที่สุด
           แต่ถ้า กทม. ไม่ฟังเสียงของรัฐบาลเลย แอบเจาะยางอยู่แล้วละก็ ..น้ำมีหวังไหลทะลักเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร แต่จะไม่หนักหน่วงขนาดท่วมมิดถึง ๒ เมตร เพราะกระแสน้ำมันลดไปอันมาก พอจะคาดเดาได้ว่าความสูงจะไม่มาก เพราะว่า ศปภ. ได้ดันน้ำออกสู่ทะเลไปมากโข  แม้ขณะกำลังให้สัมภาษณ์อยู่นี้ การดันน้ำยังคงมุ่งหน้าอย่างเต็มที่ จึงเชื่อในฝีมือใน “ฯพณฯ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ว่าจะกันไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพด้านใน และต่อมา..เราถามอีกว่า “อยากรู้สาเหตุน้ำท่วมพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และฝั่งธนในครั้งนี้ มาจากอะไร?” นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ตอบแบบไม่รั้งรอเลยว่า “มนุษย์เกี่ยวข้องในทุกระบบ” แล้วอธิบายว่า “การบริหารน้ำจะให้ไหลไปทางไหน หรือไม่ให้ไหลไปทางไหน ขึ้นอยู่กับคนครับ” น้ำไม่ได้เป็นของธรรมชาติเหมือนแต่ก่อน นั้นก็คือเมื่อมนุษย์จะลงทุนก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรร ตึก ห้องแถว รวมทั้งสร้างถนน ต่างก็พากัน “ปิดทางน้ำ” อย่างตั้งใจ
                รวมทั้งคนที่มีเงินมาก ซื้อดินมาถมที่ ยกที่ดินของตัวเองให้สูงขึ้น แล้วสร้างบ้านหลังใหญ่สูงกว่าบ้านของคนที่มีรายได้ปานกลาง หรือบ้านคนจน ในที่สุดได้ทำให้บ้านคนรวย “ตั้งอยู่ในที่สูง” ส่วนบ้านคนจน ตั้งอยู่ในที่ต่ำ จึงไม่แปลกที่น้ำจะท่วมบ้านคนจนมิดหลังคา ท่วมวัด และท่วมโรงเรียน รวมถึงท่วมถนน 
               ส่วนนิคมอุตสาหกรรมนั้น เป็นที่ตั้งของโรงงานในนิคมที่ไม่มีการ “ถมสูง” ก็ต้องรับเอาน้ำอย่างไม่มีทางเลี่ยง ทำให้เครื่องจักรและโรงงานวิบัติหนักจนถึงขั้นหมดเนื้อประดาตัวก็มี
              “ถ้างั้น แสดงว่าน้ำท่วมหนนี้ เป็นเรื่องของธรรมชาติใช่ไหมครับ”? ขอมดำดินถาม
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ตอบเป็นปริศนา (ชวนให้ตื่นเต้นมาก) ว่า...กรณีนี้มีความสงสัยว่าประเทศไทยมีพายุใต้ฝุ่นฝนตกหนัก เกิดมรสุมมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนไม่ใช่ไม่เคยเกิด น้ำฝนที่ตกจากฟ้าในปีก่อนๆกับปีนี้ มันไม่แตกต่างกันมากนักแล้วทำไมน้ำจึงดูมากในปีนี้
จึงมีความสงสัยว่า เหตุไรเขื่อนจึง “กักเก็บ” น้ำเอาไว้มหาศาล ไม่ยอมปล่อยออกมา
มาปล่อยมากตอนฝนเทลงมาพอดี ...อย่างนี้จงใจอยากให้เกิดเรื่องหรือเปล่า ?
             นายชินวัฒน์ หาบุญพาด เล่าความในใจว่า พวกเผด็จการยังคงผูกใจเจ็บคนเสื้อแดงไม่รู้จักเลิก คนพวกนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้มี “เงื่อนไข” ทางการเมืองและ “ทางสังคม”เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างว่า “รัฐบาลจากการเลือกตั้ง” ทำงานไม่สำเร็จหรอก มันประชาธิปไตยมากไป
             การวางแผนให้เกิดเรื่องร้ายๆจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของพวกเขา?
ประกอบกับ “พรรคเผด็จการ” ที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งยับเยิน มีหัวใจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเขา ก็จะเข้าข้างกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เข้าผสมโรงกับแผนการชั่วๆไปด้วย เรื่องก็จะไปกันใหญ่ อันจะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่มีเวลาหายใจ เกิดเป็นวันขึ้นมา มีแต่จะต้อง “วิ่งแก้” ปัญหานานาชนิดจนแทบไม่ต้องหลับนอน น้ำท่วมปีนี้ จึงเป็นปัญหาชวนให้สงสัยมากมาย  นายชินวัฒน์ หาบุญพาด มีความสงสัยหลายประการ ? สงสัยลึกอยู่ในความรู้สึก ?
              ขอม ดำดินจึงเล่า “ความเห็น” ของพีเพิ่ล ออน ไลน์ ให้ฟังบ้างว่า กรุงเทพเป็นที่อยู่ของผู้คนหลายชนเผ่า หลายเชื้อชาติ (ทั้งสัญชาติไทยและชาวต่างประเทศ) มีจารีตประเพณีแตกต่างกัน จึงมีความยุ่งยากมาก และจะวุ่นวายมากอีกด้วย ผู้คนเหล่านั้นมีฐานะความเป็นอยู่ ร่ำรวย มั่งคั่ง มีบ้านหลังใหญ่ รถเก๋งราคาเรือนล้าน เครื่องใช้ในบ้านสวยหรู มูลค่าสูงลิบ  ถ้าถูกน้ำท่วม จะได้รับความเสียหายน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง  แล้วก็เล่าต่อไปว่า คนกรุงเทพมีอยู่ ๒ กลุ่มคือ “รวย” กับ “จน”!
             ทั้งคนรวยกับคนจน ตกเป็นทาสของสื่อ (วิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์) ?อย่างหนัก
สื่อได้เข้ามามีบทบาทในสถานการณ์น้ำท่วมทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยการรายงานข่าวถี่ยิบ ไปยืนทำข่าวตรงที่น้ำไหลแรง หรือไปยืนในหมู่บ้านที่น้ำท่วมมิด ทำให้มองเห็นภาพแต่ละภาพแสนจะน่ากลัว น่าสยอง เป็นการทำข่าว เขย่าประสาทประชาชนทุกหยาดหยด
เราได้พบกับความจริงว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเป็น “ประสาทรายวัน” เกิดจากกรณีสื่อเสนอข่าวแบบจ้อชนิดไม่มีหูรูด มีอะไรให้เห็นเป็นพูด...พูด...พูดแบบเมามัน
             เราเล่าให้คุณชินวัฒน์ หาบุญพาดฟังว่า “สื่อทำตัวเป็นพระเอก-นางเอก” อย่างสนุกสนาน แต่คนเสพข่าวจากสื่อที่ไม่อยากเห็นน้ำท่วมกำลังประสาทจะรับประทาน เพราะไปหลงเชื่อว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพจมมิด ทำให้เกิดความกลัวจนตัวสั่น “บางคนง่อยกิน” เดินแทบไม่ไหว ทำอะไรไม่ถูก ประชาชนที่กลัวจนประสาทรับประทาน...กินยาแก้ปวดวันละ ๕ ครั้งก็ไม่หาย
           ในทำนองเดียวกัน สื่อในสถานการณ์น้ำท่วม สื่อเห็นกับตา (เห็นทุกหลังคาบ้าน) ที่น้ำท่วมทั้งหมู่บ้าน ท่วมวัด พระอุโบสถ ท่วมถนน ท่วมแม้กระทั่งโรงพยาบาล
แต่แปลกไหม...? สื่อไม่รู้ว่า “มวลน้ำ” มาจากไหน ?
          สื่อในประเทศไทย ไม่โง่ก็เหมือนโง่...กล่าวคือ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เข้าใจ
ไม่รู้ว่าน้ำมาจากไหน ส่วนใหญ่จะพยายามทำข่าวในทำนองน้ำมาจากฟ้า
สื่อไม่เคยถามหา “สาเหตุอะไร ?” น้ำจึงท่วมที่ภาคอีสาน ทั้งๆที่ไม่มีฝนตก
เขื่อนที่อีสาน ปล่อยน้ำไปหาสวรรค์วิมานอะไร .. มิทราบ ?
          เราเล่าให้ฟังอีกว่า เราได้รับรายงานจากจังหวัดตากเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ จากพี่น้องที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เขื่อนภูมิพล รวมทั้งเขื่อนศิรินธร ซึ่งตั้งอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง มีรายงาน ว่า น้ำในเขื่อนที่เปิดประตูปล่อยออกมาอย่างไม่ยั้งเมื่อ ๒๕ วันก่อนนั้น
ตอนนี้ต้อง “ระงับยับยั้ง” อย่างแรง ..ขืนปล่อยมาก น้ำจะแห้งเขื่อน

จากข่าวที่ได้รับอย่างนี้ มันตรงกับความสงสัยของคุณชินวัฒน์ หาบุญพาด เป็นอย่างมากที่ได้เกริ่นเอาไว้แต่แรก ซึ่งพอที่จะสรุปได้ถึง ๓ ประการ
    ๑. แน่ละ ความขัดแย้งทางการเมือง เป็นตัวการใหญ่
    ๒. มนุษย์พวกนั้นไม่สงสารประชาชนตาดำๆ เขากล้าที่จะทำลงไปแม้ประชาชนจะเดือด ร้อนเพียงใดก็ไม่สน
    ๓. ทำให้เห็น “หัวใจ” เผด็จการมันเหี้ยมโหดไม่รู้จักเลิก
    ๔. ในเวลาเดียวกัน ในกุ่มของพวกเราเอง ใช่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยไปเสียทั้งหมด คุณชินวัฒน์ หาบุญพาด กล่าวว่า ยังมี “แนวร่วม” ของเผด็จการอยู่กับคนเสื้อแดงไม่น้อย
จบจาก “ความสงสัย” ของนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ได้ขยายให้เห็นภาพในอนาคตว่า “นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป” หลังจากน้ำลดแล้ว ประเทศไทยคงจะไม่พ้น“ความขัดแย้งใหญ่” อันเป็นการยากที่จะได้เห็นความสงบในสังคมการเมืองของประเทศไทย
โอ้หนอ...น้ำท่วมหนักขนาดนี้ คนไทยยังไม่ยอมหันหน้าเข้าหากัน...พิลึกจังเลย ?!

“ขอม ดำดิน”
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น