วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554


ส.ส.สุนัยสอนมวยรุ่นหลาน “ศิริโชค-ชวนนท์” 
อย่าได้อาจเอื้อมเอา 112 มาเล่นการเมืองสกปรก
ในสถานการณ์สหประชาชาติกำลังจับตามอง


ที่มา SunaiFanclub DemocratsFreedom Thailand 
16 ธันวาคม 2554
         
          กรณีคุณศิริโชค โสภา และ คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษก ปชป.ทำหนังสือกล่าวร้ายผมว่ากระทำผิด มาตรา 112 ในสถานการณ์ขณะนี้โดยพยายามแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการตีข่าวนี้ให้ดังเพื่อให้ร้ายพรรคเพื่อไทยจึงทำท่าจัดฉากโดยขอยืมภาพทำเนียบรัฐบาลเป็นฉากและใช้รองนายกรัฐมนตรี เฉลิม อยู่บำรุง เป็นลำโพงกำลังส่งสูงเป็นตัวกระจายข่าว

          ผมขอให้พี่น้องประชาชนรู้ถึงพฤติกรรมอันเลวร้ายของคนในพรรคการเมืองพรรคนี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ขณะที่องค์กรต่างประเทศที่สำคัญอย่างเช่น สำนักข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ และรัฐบาลสหภาพยุโรป รวมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนสำคัญๆอีกหลายองค์กรเช่น องค์กรนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) เป็นต้น กำลังออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรา 112 ในทางลบซึ่งกำลังเป็นภาระหนักของประเทศและสถาบันฯที่เราควรต้องช่วยกันคิดหาทางออก จากสถานการณ์ที่องค์กรนานาชาติกำลังปิดล้อมเช่นนี้

          ผมคิดว่าประชาชนผู้จงรักภักดีต่อในหลวงย่อมจะเกิดกระทบกระเทือนใจไม่มากก็น้อย ผมและคุณศิริโชค ในฐานะของนักการเมืองควรจะรู้ถึงสถานการณ์ที่อ่อนไหวในสายตาชาวโลก ซึ่งโดยเหตุและผลแล้วพวกเรานักการเมืองไม่ควรจะหยิบยกเอาเรื่องราวของมาตรา 112 มาเป็นประเด็นใส่ร้ายและตีข่าวทิ่มแทงใครต่อใครในขณะนี้เลยเพราะเท่ากับเป็นการเสริมกระแสความเห็นของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ และองค์กรนานาชาติให้มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การระคายเคืองเบื้องยุคลบาทมากขึ้น ในสถานการณ์ขณะนี้ผมว่าถ้าคุณศิริโชคและเพื่อนประชาธิปัตย์ยังไม่รู้จะทำอะไร ผมขอแนะนำให้อยู่เฉยๆยังจะเป็นการปกป้องสถาบันมากกว่า

            พี่น้องผู้จงรักภักดีครับขอให้ทบทวนเหตุการณ์ทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์เคยปฏิบัติการทางการเมืองในรอบ 2 ปีเศษที่ครองอำนาจได้กระทำการกระทบกระทบกระเทือนต่อพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์เจ้าด้วยคำว่า "ขบวนการล้มเจ้า" ซึ่งคำๆนี้ไม่มีบัญญัติไว้เป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญา

         แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในขณะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีกลับได้เสริมแต่งถ้อยคำอันมิบังควรดังกล่าวโดยนำคำ ๆ นี้มากล่าวหลายๆรอบในที่สาธารณะซึ่งผมได้เคยอภิปรายไว้ในสภาโดยขอร้องว่าคำๆนี้อย่าพูดอีกเลย เพราะเพียงแค่กล่าวออกมาจากปากก็ไม่เป็นมงคลต่อแผ่นดินแล้ว ขอให้พี่น้องประชาชนพิจารณาด้วยใจเป็นธรรมเถิดครับว่าจากคำกล่าวของพวกพรรคประชาธิปัตย์ที่เพียงหวังจะให้ร้ายป้ายสีทางการเมืองแก่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามโดยไม่สนใจว่าจะกระทบต่อพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์เจ้าอย่างใดเลยนั้น

           เป็นอย่างไรบ้างเล่าครับวันนี้ คำๆนี้ได้กลายเป็นพิษร้ายแพร่ไปทั้งโลก ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าทำถูกต้อง ก็ขอถามว่าทำไมองค์กรนานาชาติจึงเกิดแนวต้านกฎหมายมาตรา 112อย่างมากมายเช่นนี้ เล่า ?

      พรรคประชาธิปัตย์จะต้องทบทวนตัวเองได้แล้วว่า ท่านทำดี หรือ ทำร้ายสถาบันกันแน่

         เรื่องที่ท่านโจมตีผมโดยยื่นหนังสือต่อรองนายกเฉลิม ผมขออนุญาตชี้แจงโดยไม่ขออาจเอื้อมพาดพิงต่อสถาบันฯว่าผมมิได้กระทำการดังที่ท่านให้ร้ายผมดังนี้

         1. การเดินทางมายุโรปของผมครั้งนี้ด้านหลักเป็นไปตามแนวนโยบาย "จากใจถึงไจเพื่อคนไทยในยุโรป" โดยผมในฐานะกรรมาธิการต่างประเทศทำหน้าที่มาดูแลทุกข์สุขของคนไทยในต่างประเทศ ที่บากหน้าออกมาหางานทำทั้งที่มีใบอนุญาตเข้าเมืองโดยชอบ และที่หลบหนีเข้าเมืองไปทำงานโดยไม่ชอบ แต่เงินที่เขาได้เขาส่งกลับประเทศไทย ซึ่งในยุโรป คนไทยมาขุดทองกันมากโดยพวกเราไม่รู้กันมาก่อน ผมถือว่าการมาฟังปัญหาของเขาเป็นหน้าที่ของ สส.อย่างเราที่กินเงินเดือนจากภาษีของพวกเขาที่เขาส่งเงินกลับบ้านอีกทั้ง ผมไปในหลายประเทศเช่น ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และนอรเวย์ ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเอกอัครราชทูตไทยทั้งนั้นเพราะผมเชิญท่านทูตมาร่วมรับฟังปัญหาด้วย ถ้าผมกระทำผิดอย่างที่ประชาธิปัตย์กล่าวหา ท่านทูตในประเทศต่างๆซึ่งเป็นตัวแทนพระองค์ต่างพระเนตรพระกรรณในต่างประเทศก็ต้องรายงานเข้ามายังประเทศไทยแล้ว ไม่ต้องรอคุณศิริโชคมาตีข่าวที่หน้าทำเนียบหรอก

           2. คุณศิริโชค ในฐานะที่สื่อมวลชนขนานนามว่าเป็น วอลเปเปอร์ของคุณอภิสิทธฺ์ บอกประชาชนอย่างตรงไปตรงมาไม่ดีกว่าหรือครับว่าท่านกำลังเบี่ยงเบนประเด็นที่คุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพเจ้านายของคุณ กำลังตกที่นั่งลำบากในข้อหาที่อาจจะมีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ประชาชนจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

          รวมตลอดทั้งมีโอกาสที่จะตกเป็นจำเลยในคดีศาลอาญาระหว่างประเทศคล้ายกับนาย บักโบ อดีตประธานาธิบดีประเทศ ไอโวรีโคส ที่กำลังถูกพิจารณาคดีในขณะนี้ในศาล ICC. ถ้าหากรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์เห็นว่าการนำเฉพาะคดีนี้ให้ขึ้นสู่ศาลICC.จะเป็นการนำไฟออกจากบ้านไปเสียจะเป็นการดีต่อประเทศชาติที่สุด ก็ควรจะตอบโต้กันเสียตรงๆในเรื่องนี้ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำมาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ มาตรา 112 กำลังตกเป็นจำเลยของโลก

           เพื่อนประชาธิปัตย์คิดดีๆเถิดครับ คิดผิดก็คิดใหม่ได้ครับ ผมยังไม่คิดที่จะฟ้องท่านในข้อหาหมิ่นประมาทหรอกครับ เพราะผมไม่ใช่คนขี้ฟ้องและไม่ชอบรบกวนเวลาอันมีค่าของศาล รวมทั้งไม่ได้คิดว่าเพื่อน ส.ส.ต่างพรรคเป็นศัตรู

ส.ส.สุนัย จุลพงศธร
15 ธ.ค.54 ณ ประเทศเดนมาร์ก
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น