วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


มึน! "สนธิลิ้ม" ขอโทษ "ไทยรัฐ" ศาลไกล่เกลี่ยอ้าง "ปรองดอง!"
มึน! "สนธิลิ้ม" ขอโทษ "ไทยรัฐ" ศาลไกล่เกลี่ยอ้าง "ปรองดอง!"

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ "ไทยรัฐ" ฉบับประจำวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ได้ลงข่าว "สนธิ ลิ้มทองกุล ขออภัย ไทยรัฐ หลังไกล่เกลี่ยในคดีหมิ่นฯ" โดยมีเนื้อหาว่า


        คดีพิพาทไทยรัฐ-สนธิ ลิ้มทองกุล จบลงด้วยดี กรณีสนธิกับรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ทางเอเอสทีวีใส่ความผู้บริหารไทยรัฐและพนักงานไทยรัฐให้เสียหายต่อเกียรติยศ และยุชาวบ้านให้เลิกซื้อไทยรัฐ  หาว่าเป็นอัปมงคล ยอมรับเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคลาดเคลื่อนจากความจริง จึงขอประกาศขออภัย 3 วัน ในหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับ ศาลเชื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของการปรองดองในชาติ


           สนธิ ลิ้มทองกุล ยอมรับพูดหมิ่นประมาท "ไทยรัฐ" พร้อมแสดงความเสียใจและขออภัยผู้บริหาร โดยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 เม.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลนัดสืบพยานโจทก์หรือทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ในคดีหมายเลขดำ อ.3680/2550 ที่ บริษัท วัชรพล จำกัด โดยนายกมล ศรีวัฒนา ผู้รับมอบอำนาจที่ 1 และนายไพฑูรย์ สุนทร โดยนายกมล ศรีวัฒนา ผู้รับมอบอำนาจที่ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ นายขุนทอง ลอเสรีวาณิช และบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา


          โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 13 ก.ค. 50 ถึงวันที่ 15 ก.ค. 50 จำเลยที่ 1 ได้กล่าวข้อความอันเป็นเท็จ หมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 2 นำไปเผยแพร่โฆษณาในทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม จำเลยที่ 3 นำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ จำเลยที่ 4 นำไปเผยแพร่บทความในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ซึ่งมีจำเลยที่ 5 เป็นเจ้าของนั้น เป็นการแสดงเจตนาที่จะมุ่งร้ายใส่ความโจทก์ทั้งสอง ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง เสื่อมเสียต่อเกียรติยศชื่อเสียง ฐานะทางสังคม และส่งผลกระทบต่อการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างร้ายแรงรวม 3 ครั้ง ขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมายและลงโฆษณาคำพิพากษา


       ปรากฏว่านัดนี้นายสราวุธ วัชรพล หัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล มาพร้อมกันที่ห้องพิจารณาแล้วแถลงต่อศาลว่า โจทก์จำเลยตกลงกันได้แล้ว ต่อมาศาลจึงมีคำสั่งรายงานกระบวนพิจารณาว่า นัดสืบพยานโจทก์หรือนัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความวันนี้ โจทก์จำเลยมาศาล นายสราวุธ วัชรพล ผู้บริหารระดับสูงของโจทก์ และจำเลยที่ 1 มาศาล แถลงร่วมกันว่าสามารถตกลงยอมความกับจำเลยทั้ง 5 ได้แล้ว โดยจำเลยจะลงโฆษณาประกาศขออภัยรายละเอียดตามประกาศที่ยื่นต่อศาลทางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 3 วัน และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 3 วัน และไม่ประสงค์ดำเนินคดีต่อไป ศาลจึงสอบจำเลยทั้ง 5 แล้วแถลงไม่คัดค้านการถอนฟ้อง ศาลเห็นว่าคู่ความสามารถตกลงกันได้แล้ว และขอถอนฟ้องแล้ว จึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความต่อไป


          สำหรับข้อความประกาศขออภัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล มีใจความว่า ตามที่ตนได้เคยพูดออกอากาศในรายการยามเฝ้าแผ่นดินทางเอเอสทีวีและกล่าวหาว่า "หนังสือพิมพ์ไทยรัฐอยู่ในขบวนการล้มล้างระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือเปล่า" และข้อความว่า คอลัมนิสต์ไทยรัฐกินเงินเดือนพรรคไทยรักไทย กับมีข้อความกล่าวหาคุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล กล่าวหานายสราวุธ วัชรพล กับข้อความอื่นๆ บัดนี้ตนยอมรับว่าข้อความดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ข้อความดังกล่าวทำให้คุณหญิงประณีตศิลป์และ นสพ.ไทยรัฐ ได้รับความเข้าใจผิดจากสังคมอย่างมาก ตนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขออภัยต่อคุณหญิงประณีตศิลป์ และ นสพ.ไทยรัฐ


         นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่คดีนี้ลุล่วงไปได้ เพราะคดีระหว่าง นสพ.ไทยรัฐ กับนายสนธิ ก็น่าเห็นใจทุกฝ่าย เมื่อตกลงกันได้ก็เป็นการดี เพราะการไกล่เกลี่ยจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่คู่ความต่อรองกัน ยอมลดข้อเรียกร้องและต้องยอมรับปฏิบัติไปตามที่ตกลง คดีนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าคดีความต่างๆ แม้ช่วงแรกจะตกลงกันไม่ได้แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มคลี่คลายและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และคดีนี้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนว่าความปรองดองจะยุติความขัดแย้งในสังคมได้


        ขณะที่ข้อความ "ประกาศขอภัย" ที่เผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน ฉบับประจำวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 มีเนื้อหาโดยละเอียดว่า


       ตามที่ข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล เคยพูดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ "เอเอสทีวี" ในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน และได้นำเผยแพร่บนเว็บไซต์ www.manager.co.th และเผยแพร่ใน นสพ.ผู้จัดการรายวัน เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2550 กล่าวหาว่า "หนังสือพิมพ์ไทยรัฐไม่มีส่วนสร้างสรรค์พัฒนาสังคม ย่ำยีสังคมไทย ดึงให้สังคมไทยถอยหลัง มีอิทธิพลเป็นหนังสือพิมพ์สถุล...คุณอยู่ในขบวนการจะล้มล้างระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือเปล่า..."


        เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2550 กล่าวหาว่า "คอลัมนิสต์ของไทยรัฐหลายคนกินเงินเดือนของพวกพรรคไทยรักไทย ไทยรัฐไม่เคยพูด.....ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่าวิธีเดียวที่จะสั่งสอนไทยรัฐได้ สั่งสอนความยิ่งใหญ่จอมปลอมของเขาได้คือเลิกซื้อ นสพ.เขา...ผมถามพ่อแม่พี่น้องโชวห่วย 3 แสนเจ้าในประเทศไทย ไทยรัฐเคยต่อต้านเทสโก้ โลตัส ให้คุณบ้างไหม แล้วคุณไปซื้อมันอ่านทำไม..."


          และเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2550 กล่าวหาว่า "...คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ได้คุณหญิงมาเพราะว่าพระบารมีของสถาบันกษัตริย์ แต่กลับปล่อยให้ลูกน้องตัวเองมาทำงานอย่างนี้ คุณกำพล วัชรพล ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง ตอนตายยังมีโกศให้ ยังมาทำอย่างนี้อีกเหมือนกัน นายสราวุธ วัชรพล เป็น สนช.อยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คำพูดซักคำก็ไม่เคยพูดในสภา ปล่อยให้ลูกน้องตัวเองทำอย่างนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นอัปมงคลของประเทศ มีอยู่ในประเทศ ประเทศไทยมีแต่จะล่มสลายเพราะไม่เคยก่อให้เกิดประโยชน์อะไรแก่สังคมไทยเลยแม้แต่นิดเดียว..."


         บัดนี้ ข้าพเจ้ายอมรับว่าข้อความที่ได้กล่าวในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน และเว็บไซต์ www.manager.co.th กับ นสพ.ผู้จัดการรายวัน ได้นำไปเผยแพร่ดังกล่าวคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ข้อความดังกล่าวทำให้คุณหญิงประณีตศิลป์ และ นสพ.ไทยรัฐได้รับความเข้าใจผิดจากสังคมอย่างมาก


      ข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงประกาศขออภัยต่อคุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล และ นสพ.ไทยรัฐ

นายสนธิ ลิ้มทองกุล
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น