“ส.ส.ร.40” ชน “ศาลรธน.” ชี้เป็นตัวการก่อวิกฤติรอบใหม่ | |
“ส.ส.ร.40” ชน “ศาลรธน.” ชี้เป็นตัวการก่อวิกฤติรอบใหม่ วันที่ 27 มิ.ย. ที่รัฐสภา กลุ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 40 (ส.ส.ร.40) ประมาณ 20 คน นำโดย นายคณิน บุญสุวรรณ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง นลฯ ได้หารือร่วมกันถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคแรก พร้อมกับมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระสามของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย จากนั้นกลุ่มส.ส.ร.40 ออกจดหมายเปิดผนึกในนามของกลุ่มส.ส.ร.40 โดยนายคณิน กล่าวว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 ส่วนใหญ่ลอกมาจากรัฐธรรมนูญปี 40 โดยเฉพาะมาตรา 68 ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาขณะนี้ ก็ลอกมาจากมาตรา 63 ของปี40 เพียงแต่มีการเพิ่มเติมบทลงโทษไว้ในวรรคสี่ คือยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ถือเป็นการจงใจเบี่ยงเบนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 40 ในการสัมมนาภายหลังการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2543 ได้กำหนดกรอบปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐานมาเกือบ 9 ปี ว่าทุกเรื่องผู้ร้องจะต้องเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ที่อัยการสูงสุดจะยื่นหรือไม่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายคณิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาส.ส.พรรคไทยรักไทยเคยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นเรียกร้องขอนายกฯพระราชทานตามมาตรา 7 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2549 ยังปฏิเสธไม่รับคำร้อง โดยให้ไปยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน การอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ถูกยกเลิกไป ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของชุดเดิม ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่มีบรรทัดฐานอะไรเลย ขณะที่เจตนารมณ์ดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญ 40 คือการบัญญัติการกระทำผิดตามมาตรา 63 ว่าการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจเท่านั้น “ดังนั้นการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถือเป็นการล้มล้างบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญเสียเอง ถึงขั้นบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยพลการ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว”นายคณินกล่าว และว่าจากนี้ไปไม่ว่า ครม. ส.ส. ส.ว. หรือแม้แต่ประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 คน ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวแตะต้องหรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกต่อไป เท่ากับว่านอกจากศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจตีความแล้ว ยังมีอำนาจในการควบคุมรัฐสภา ควบคุมครม. และควบคุมประชาชนอีกด้วย ซึ่งจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้ง และเกิดวิกฤติครั้งร้ายแรงที่สุดจนมิอาจพยากรณ์ได้ว่าสุดท้ายจะเกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างไร นายไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สาเหตุที่จะทำให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ครบวาระหรือไม่ คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหากวินิจฉัยว่าการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐและส่งผลให้ไม่สามารถลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ได้ หรือหากฝืนที่จะลงมติวาระ 3 อาจจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น การยุบพรรคการเมือง ทำให้กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงไม่ยอมรับคำตัดสิน และมีการขับเคลื่อนมวลชนมาประท้วงขับไล่ศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างคนที่ต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญและกลุ่มคนที่ต้องการปกป้องศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้นำไปสู่สงครามกลางเมือง จนรัฐบาลไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ นำไปสู่การปฏิวัติ "สำหรับการยื่นถอนประกันตัวชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง ทำให้ต้องถูกจองจำนั้น คงไม่ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวมากนัก เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล ส่วนการจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วจะทำให้รัฐบาลอยู่ครบวาระหรือไม่ คงไม่ใช่ประเด็นที่มีส่วนสำคัญ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าควรที่จะต้องมีการปรับ ครม. หากปรับแล้วมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ก็จะทำให้รัฐบาลแข็งแกร่งมากขึ้น" นายไชยยันต์กล่าว ข้อมูลที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th/ & VoiceTV | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555
“ส.ส.ร.40” ชน “ศาลรธน.” ชี้เป็นตัวการก่อวิกฤติรอบใหม่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น