วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ส.ส.ร.40” ชน “ศาลรธน.” ชี้เป็นตัวการก่อวิกฤติรอบใหม่


“ส.ส.ร.40” ชน “ศาลรธน.” ชี้เป็นตัวการก่อวิกฤติรอบใหม่

“ส.ส.ร.40” ชน “ศาลรธน.” ชี้เป็นตัวการก่อวิกฤติรอบใหม่



วันที่ 27 มิ.ย. ที่รัฐสภา กลุ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 40 (ส.ส.ร.40) ประมาณ 20 คน นำโดย นายคณิน บุญสุวรรณ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง นลฯ ได้หารือร่วมกันถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคแรก พร้อมกับมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระสามของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย


จากนั้นกลุ่มส.ส.ร.40 ออกจดหมายเปิดผนึกในนามของกลุ่มส.ส.ร.40 โดยนายคณิน กล่าวว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 ส่วนใหญ่ลอกมาจากรัฐธรรมนูญปี 40 โดยเฉพาะมาตรา 68 ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาขณะนี้ ก็ลอกมาจากมาตรา 63 ของปี40 เพียงแต่มีการเพิ่มเติมบทลงโทษไว้ในวรรคสี่ คือยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ถือเป็นการจงใจเบี่ยงเบนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 40 ในการสัมมนาภายหลังการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2543 ได้กำหนดกรอบปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐานมาเกือบ 9 ปี ว่าทุกเรื่องผู้ร้องจะต้องเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ที่อัยการสูงสุดจะยื่นหรือไม่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

นายคณิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาส.ส.พรรคไทยรักไทยเคยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นเรียกร้องขอนายกฯพระราชทานตามมาตรา 7 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2549 ยังปฏิเสธไม่รับคำร้อง โดยให้ไปยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน การอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ถูกยกเลิกไป ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของชุดเดิม ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่มีบรรทัดฐานอะไรเลย ขณะที่เจตนารมณ์ดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญ 40 คือการบัญญัติการกระทำผิดตามมาตรา 63 ว่าการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจเท่านั้น

“ดังนั้นการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถือเป็นการล้มล้างบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญเสียเอง ถึงขั้นบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยพลการ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว”นายคณินกล่าว และว่าจากนี้ไปไม่ว่า ครม. ส.ส. ส.ว. หรือแม้แต่ประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 คน ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวแตะต้องหรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกต่อไป เท่ากับว่านอกจากศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจตีความแล้ว ยังมีอำนาจในการควบคุมรัฐสภา ควบคุมครม. และควบคุมประชาชนอีกด้วย ซึ่งจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้ง และเกิดวิกฤติครั้งร้ายแรงที่สุดจนมิอาจพยากรณ์ได้ว่าสุดท้ายจะเกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างไร 



นายไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สาเหตุที่จะทำให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ครบวาระหรือไม่ คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหากวินิจฉัยว่าการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐและส่งผลให้ไม่สามารถลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ได้ หรือหากฝืนที่จะลงมติวาระ 3 อาจจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น การยุบพรรคการเมือง ทำให้กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงไม่ยอมรับคำตัดสิน และมีการขับเคลื่อนมวลชนมาประท้วงขับไล่ศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างคนที่ต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญและกลุ่มคนที่ต้องการปกป้องศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้นำไปสู่สงครามกลางเมือง จนรัฐบาลไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ นำไปสู่การปฏิวัติ


"สำหรับการยื่นถอนประกันตัวชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง ทำให้ต้องถูกจองจำนั้น คงไม่ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวมากนัก เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล ส่วนการจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วจะทำให้รัฐบาลอยู่ครบวาระหรือไม่ คงไม่ใช่ประเด็นที่มีส่วนสำคัญ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าควรที่จะต้องมีการปรับ ครม. หากปรับแล้วมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ก็จะทำให้รัฐบาลแข็งแกร่งมากขึ้น" นายไชยยันต์กล่าว
ข้อมูลที่มา ข่าวสดออนไลน์ 
 http://www.khaosod.co.th/
& VoiceTV
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น