วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สัญญาณ.."สงครามชิงประเทศ"..มันเริ่มขึ้นแล้ว


สัญญาณ.."สงครามชิงประเทศ"..มันเริ่มขึ้นแล้ว
สัญญาณ.."สงครามชิงประเทศ"..มันเริ่มขึ้นแล้ว
By Kenji IF
 สงครามแย่งชิงประเทศ           การสงครามชิงประเทศครั้งนี้ถือว่าใช้ "สงครามจิตวิทยา" นำในการสู้รบกันทั้งสองฝ่าย เรียกว่าหากใครหัวใจไม่เสริมใยเหล็กมีสิทธิ์แพ้เอาง่ายๆ ผมถือว่าครั้งนี้ไม่ธรรมดานับว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่ต้องบันทึก เพื่อให้ลูกหลานได้จดจำ เพราะตลอดเวลา 80 ปี ที่ประเทศเราเล่นปาหี่อ้างชาวโลกว่าเป็น "ประเทศที่มีการปกครองระบบประชาธิปไตย" ทุกอย่างมันได้เฉลยตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ครั้งนั้นมันอาจจะไม่ชัดเจน เพราะหลายคนยังกังขาเหตุผลยังสลัดมนต์มายาการสร้างภาพของคนบางคนยังไม่หมด

            สุดท้ายวีระกรรมพรรคอำมาตย์..ได้เฉลยอันธพาลในสภาอันทรงเกียรติ จนกลายเป็นทอล์คอ๊อฟเดอะทาวน์ไปทั่วโลก อีห่าลาก จับชีพจร ขู่กรรโชก กระชากแขนท่านประธานนิติบัญญัติ ตลอดจนองค์กรเถื่อนที่ได้รับการเป่ากระหม่อมลงคาถาแพ้ไม่ได้ ออกมาเล่นเกินบทบาทที่ตัวเองมี ทำความเสื่อมให้กับเจ้าของคอก จนไม่เหลือภาพที่อุส่าห์สร้างมากว่า 80 ปี
            และวันนี้พวกเขาเสมือนหนึ่ง "หมาจนตรอก" เพราะถ้าฝืนปล่อยรัฐบาลปูไปถึงสิ้นปี ความฉิบหายมาเยือนแน่ๆเข้าตำรา "วัวสันหลังหวะ" ภัยทั้งหมดที่ก่อกรรมทำเข็ญเป็นหลายพัน หลายหมื่น หลายแสนคดี คงเป็นบูมมาแลงกลับมาฆ่าตัวพวกเขาตายหมู่ ไหนสมบัติที่ตักตวงทำนาบนหลังคนไทยและแอบใช้ทรัพยากรธรรมชาติมานาน จนจากคนธรรมดากลายเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก 4 ปีซ้อน เอาแค่คดีอยู่เบื้องหลังการฆ่าเพื่อรักษาอำนาจทุกคดีตั้งแต่ 14 ตุลา 16,14 ตุลา 19, 35 พฤษภาทมิฬ, การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปี 52, 53


            นี่ขนาดยังไม่รวมคดีเล่นแร่แปรธาตุ ปรส.เสียหายกว่า 6 แสนล้านเศษการขายทรัพย์สินรัฐให้เอกชนในราคาถูก การขายโรงกลั่นบางจากแค่เช็คใบเดียว ทั้งที่เหลืออีกไม่กี่วันก่อนหมดอำนาจ คดีกู้มาโกงรัฐบาลอภิสิทธิ์ 2 ปี 8 เดือนมูลค่ากว่า 8 แสนล้าน


             คดีอื้อฉาวในกทม.รถดับเพลิง เรือดับเพลิง การต่อสัญญาบีทีเอส.ฯลฯ


             ผมยังมองไม่ออกว่า หากประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย กลุ่มอำนาจเก่ามันจะยืนอยู่ตรงไหนของประเทศ มันจึงไม่แปลกว่าวันนี้มันจำเป็นต้องทำสงครามครั้งสุดท้าย ก่อนการเปลี่ยนผ่านการปกครอง ที่ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนสักที หลังรอมานานกว่า 80 ปีครับ     

       
              ผมถือว่ามาถึงวันนี้ฝ่ายอำมาตย์ เสียรางวัดไปเยอะพอสมควรซึ่งในอดีตพวกเขาไม่เคยคิด คาดไม่ถึงไม่เคยเสียฟอร์ม และคิดไม่ถึงว่าประชาชนจะรู้เท่าทันเขา เพราะตลอดมีสื่อในมือคอยปิดหู ปิดตา ชี้นำคนไทยมาตลอดและไม่เคยเสียสุนัขมากถึงขนาดนี้ รัฐบาลในอดีตยกเว้นรัฐบาลนายกพท ดร.ทักษิณ ทุกยุคทุกสมัยต่างเป็นแค่ตัวแทน(ตรายาง) ซึ่งคนคุมประเทศแอบชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น มาถึงเวลานี้คงเหลืออาวุธไม้ตายที่พวกเขาสามารถเอามาทล่มคู่ต่อสู้ได้ ขบวนท่าเดียวคือ "ความจงรักภักดี" ส่วนเหุผลอย่างอื่นมองดูแล้วแทบไม่สามารถนำมาใช้ได้ง่ายเหมือนครั้งเก่าก่อน


             ประชาธิปไตยบ้านเราเวลานี้ ถ้าเปรียบเสมือนคุณแม่ที่กำลังท้องแก่ คิดว่าน่าจะประมาณ 8-9 เดือนเรียกว่า ใกล้คลอดเต็มทีเพราะคนทำคลอดคือประชาชน อำมาตย์จะออกมาขัดขวางบอกว่ายังไม่ถึงเวลาหรือบอกว่าห้ามเด็กในครรถ์ออกมาดูโลกมันคงยาก เหมือนห้ามพระอาทิตย์-พระจันทร์ขึ้นลงและห้ามกฏเกณฑ์ธรรมชาติ โดยอำมาตย์เป็นคนเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ หรือถ้าฝืนทำมันก็คงจะเกิดสภาพอย่างที่เราได้แลเห็น เพราะทุกอย่างมันจะเป็นการฉายภาพไม่ดีของพวกเขาเอง และสุดท้ายสิ่งที่เขาสร้างภาพมาทั้งหมดตลอด80ปี มันก็ไม่ต่างอะไรกับปราสาททรายครับ


             การดิ้นเฮือกสุดท้ายของอำมาตย์ในครั้งนี้ถือว่า เวลาที่เหลือของพวกเขาสั้นลงเรื่อยๆเพราะคำตอบต่อสังคมหลายอย่างมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆอีกเหมือนกัน ล่าสุด อ.ธิดา และทีมงานเดินทางเอาข้อมูลหลักฐานเพิ่มให้กับศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น ถือว่าคืบหน้าไปเยอะและผมถือว่านี่คือ "ไฮไล" ข้อได้เปรียบที่ตลอดเวลาฝ่ายเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด ผมว่าถ้าจะฝังหมุด ตอกตะปูปิดฝาโลงฝ่ายอำมาตย์ รัฐบาลปู น่าจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาเป็นการเร่งด่วน เพื่อเสนอยอมรับเขตอำนาจศาล ICC เพื่อนำคดีขึ้นสู่ศาลและเอาผิดผู้บ่งการการสั่งฆาตกรรมหมู่ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เป็นภูมิคุ้มกันให้รัฐบาลสักอย่างเพื่อลดความกดดัน


             กระแสสังคมที่ลมเริ่มเปลี่ยนทิศ ประชาชนเริ่มหูตาสว่างโดยไม่มองไปพึ่งยาหยอดตา เพราะการออกมาโลดแล่นเล่นเกมส์ที่ไร้กติกา หลายอย่างที่ประชาชนรับไม่ได้ ไม่ว่ากรณีนาซ่าที่คนไทยและ7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่เสียผลประโยชน์ เพราะการเล่นการเมืองเพื่อเอาชนะอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและไร้ความสำนึกความรับผิดชอบ เพราะสมัยตัวเองเป็นรัฐบาลเสือกไปเชื้อเชิญเขาเข้ามา เพียงเพื่อหวังกินค่าหัวคิว โดยนายกษิตเองออกมารับสารภาพเองจนหมดเปลือก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะสมัยรัฐบาลนายกสมัคร นายนพดล ปัทมะ เป็น รมต. ต่างประเทศเล่นเล่นบทละครคลั่งชาติ กล่าวหาว่า "ขายชาติ" มาครั้งหนึ่งแล้ว ทั้งที่ความจริงทางกัมพูชาเขาจะเอาเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มันได้เกี่ยวอะไรกับประเทศไทยเลย แต่พวกเขาดึงมาเป็นเกมส์การเมืองและสุดท้ายทั้งไทยกัมพูชาเสียโอกาส เกิดการบาดหมาง แต่สุดท้ายเราได้รัฐบาลประชาชนทุกอย่างเลยกลับมาดีกันอย่างเดิม ผมว่าคอการเมืองทุกคนต่างทราบดีว่าทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่และใครมันอยู่เบื้องหลัง



              ความโลภ โกรธ หลง ทำให้คนเราหูหนวกตาบอด ถึงเวลานี้มีคนถามว่าเกมส์มันจะจบลงยังไงหากฝ่ายอำมาย์มันไม่ยอม ฝืนกระแสสังคมและคิดว่ายอมหักไม่ยอมงอ ถ้าในใจผมๆ เชื่อว่าผมพร้อมแล้วที่จะต่อสู้กับอำมาย์ทุกรูปแบบ เวลานี้เรายังเป็นรัฐบาล ถึงแม้นว่าอำนาจทั้งหมดเรายังไม่สามารถใช้มันได้เต็มที่ แต่ก็ถือว่าเราได้เปรียบ ทั้งทางกฏหมาย ความชอบธรรม การไว้วางใจในเวทีโลก และถึงตรงนี้แล้วเราสู้เรามีโอกาส ดีกว่าเรายอมและต้องเป็นทาส โดนกดขี่ตลอดชีวิตชั่วลูก ชั่วหลาน ที่สำคัญผมประเมินดูแล้วว่าคู่ต่อสู้ไม่มีอะไรหน้ากลัวอีกต่อไปแล้วหากเราจะต้องการชัยชนะ จริงๆ ในอดีตพวกเขาอาจจะแกร่ง แข็งแรงเกินกว่าพวกเราจะไปต่อกร ต่อสู้กับเขาได้ และสถานการณ์วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดทั้งสิ้น เหตุเพราะพวกเขาขาดสติ ต้องการเอาชนะ กรรมบังตา จนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว สุดท้ายตัวช่วยคือพวกเขาเป็นตัวทำลายตัวพวกเขาเอง ดังนั้นการออกมาใช้อำนาจในทางมิชอบ ที่ตะแบงกันอยู่เวลานี้เท่าเร่งวันตายให้กับพวกเขาเอง ครับ          

               ถึงตรงนี้..เราถือได้ว่าการยกพลขึ้นบก "ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย 3 กค .54" ที่ผ่าน เบื้องต้นอำมาตย์ประเมินเราต่ำจนกลายเป็นวลีที่ว่า "ลูกไก่ในกำมือ" พร้อมจะเช็กบิลเราได้ตลอดเวลา แล้วแสร้งเป็นการทำดีโดยใช้บิ๊กบัง เข้ามาเสนอ พรบ."ปรองดอง" ที่มีคนปรุงคือสถาบันพระปกเกล้า ตามใบสั่งผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ เกมส์นี้ใช่ว่าฝ่ายเราคือนายกทักาษินจะโง่เพียงแต่จำเป็นต้องตามเกมส์ เพื่อเป้าหมายการซื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อรอสัญญาณอะไรบางอย่าง (นกแสก)



           หลายกลเกมส์ที่ฝ่ายวางแผนเดินเกมส์ชนอำมาตย์ พวกเราเองแรกๆ พี่-น้องเราไม่เข้าใจ จับสัญาณถอดระหัสกันไม่ถูกโดยเฉพาะ ฝ่ายหัวก้าวหน้า ที่เห็นว่าเกมส์ที่รัฐบาล นปช. นายกทักษิน ไม่มีทางชนะ เพราะเอาแต่เล่นบทอวย จนคนที่ทำหน้าที่ผู้ที่รับบทนี้มาตลอดคือนายขวัญชัย สาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดรโดนสวดชยันโต จากพวกเดียวกัน เรียกว่าเสียหายยับเยิน แม้แต่ผมเองยังเคยลงไปเล่นกับเขาด้วยเหมือนกัน

            หลายครั้งหลายหนที่ฝ่ายเราจำเป็นต้องเล่นตามบทที่อำมาตย์เขียน จนบางครั้งมีผลต่อขบวนการต่อสู้ ครั้งที่หนักที่สุดคือ การเข้าไปขอพร รดน้ำดำหัว นายป.ประตูหลัง ทำเอาการเลือกปทุม โมเดลถึงกับเป๋ ออกอาการเกือบโดนกรรมการนับแปด แต่ผมถือว่ามันเป็นบทเรียน และประสบการณ์สอนให้แนวทางการต่อสู้เข้มแข็ง เสริมเขี้ยวเล็บ สังเกตุดูมุกนี้ครั้งหลังๆ อำมาตย์งัดออกมาใช้ แต่ไร้ประสิทธิภาพ ดูจากหลังสนามเลือกตั้ง ปทุม โมเดล มวลชนเริ่มจับทิศทางและผลเรากลับมาชนะอย่างถล่มทลายมาตลอด ครั้งสุดท้ายเลือกตั้งใน จ.เชียงใหม่ เมืองหลวงคนเสื้อแดงอีกทางภาคเหนือ เรียกไร้ราคาชนะขาดลอยกว่า 4 แสนคะแนน เล่นเอาปิ๊ปขาดตลาดชั่วขณะ          

             วิชาตอกลิ่มลงในหินแกรนิตของจอมวางแผน เทือก หน้าดำ เวลานี้ก็ไร้พิษสงเช่นเดียวกัน นี่มันเท่ากับว่า เร่งวันตายให้ตัวมันเองเช่นกัน ในอดีตเป็นอย่างไรผมไม่ขอกล่าวถึง แต่วันนี้ผมยืนยันว่า ต่อให้ไอ้ฆาตกรแขนคด ฆาตกรฟันน้ำนม มีปีกมุดลงไปในบาดาล ก็ไม่มีทางหนีบ่วงกรรมที่ได้กระทำไว้ได้ เกรงแต่ว่าวันนี้ ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับการ์ดรับเชิญ กินข้าวเหนียวมะม่วง แกงเขียวหวานไก่ คงหนีไม่พ้น ไอ้มาร์ค ไอ้แขนคต ไอ้โกเต๊กลิ้ม ไอ้ห้อยจอมเนรคุณ ทุกท่านลองทายสิครับ บุคคลทั้ง 4 คนนี้ใครจะได้รับเกียรติรัประทาน อาหารอร่อยนี้ก่อนกันครับขออนุญาตุท่าน

หนานเมืองนำคู่มือ การปราบกบฏ มานำเสนอเพื่อเป็นแนวทางให้พี่-น้องเราครับ




http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น