ในที่สุด คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ก็ได้นำเสนอรายงานขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนเมื่อเมษายน-พฤษภาคม 2553 ซึ่งผลก็เป็นไปตามความคาดหมาย คือ เต็มไปด้วยเรื่องปกปิดบิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้น ฟอกขาวให้กับทั้งฝ่ายทหารและรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คนที่เจ็บปวดกับผลงานของ คอป.ในครั้งนี้ก็คือ ครอบครัวและบรรดาญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคนในเหตุการณ์ รวมไปถึงประชาชนที่เข้าร่วมต่อสู้ที่ถือว่า บรรดาผู้สูญเสียเหล่านั้นคือพี่น้องร่วมอุดมการณ์ที่เสี่ยงตายมาด้วยกัน
ผลงานอัปยศของ คอป.ในครั้งนี้ ทำให้สมควรได้รับขนานนามใหม่ว่า คณะอุ้มอภิสิทธิ์ปกปิดบิดเบือนความจริงเพื่อความแตกแยกแห่งชาติ โดยแท้!
ผู้ที่ติดตามการทำงานของ คอป.มาโดยตลอดจะไม่แปลกใจเลย เพราะคณะกรรมการชุดนี้แต่งตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตัวบุคคลทั้งระดับกรรมการ อนุกรรมการ คณะทำงาน และที่ปรึกษา หลายคนเป็นพวกอีแอบพรรคประชาธิปัตย์และ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่เป็นศัตรูโดยตรงกับฝ่ายประชาชน
ใน คอป.จึงมีตั้งแต่คนที่เคยร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรฯอย่างเปิดเผย แล้วมานั่งทำงาน “รวบรวมข้อเท็จจริง” ไปจนถึงกรรมการบางคนที่เป็นเอ็นจีโอ เพียรสร้างภาพเปลือกนอกเป็นนักสิทธิมนุษยชน รณรงค์เรื่องประชาธิปไตยในประเทศเพื่อนบ้าน แต่กลับมีเนื้อแท้เป็นพวกสนับสนุนเผด็จการในประเทศไทย
รายงานของ คอป.มีเนื้อหาที่ดูถูกสติปัญญาของคนอ่านอย่างยิ่ง เพราะเต็มไปด้วยการเล่านิทานเหตุการณ์ที่ปราศจากพยานหลักฐาน เลี่ยงไม่ตอบคำถามสำคัญๆ ขณะที่อีกหลายคำถามที่จำต้องตอบ
ก็โยนไปให้ “ชายชุดดำ” ซึ่งกลายเป็น “หลุมดำ” ที่ คอป.
จับเอาบรรดาคำถามที่ไม่อยากตอบ โยนใส่ลงไปเท่านั้น ทั้งหมดนี้
มีจุดประสงค์เดียวคือ ล้างบาปและคราบไคลเลือดออกจากเนื้อตัวของทหารและรัฐบาลอภิสิทธิ์ โยนความผิดทั้งหมดไปให้ “ชายชุดดำ” และประชาชนที่บาดเจ็บล้มตาย
ทำราวกับว่า คนอ่านไม่มีสติปัญญาพอที่จะรู้เท่าทัน คอป.คนอ่านจึงได้แต่กังขาว่า ถ้าเอายี่ห้อ คอป.ออกไปจากรายงานชุดนี้ คนอ่านอาจเผลอนึกไปว่า กำลังอ่านสกู๊ปรายงานของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีอยู่ก็ได้!
คำถามสำคัญที่สุดคือ คนเสียชีวิตเฉพาะที่รู้แน่นอนจำนวน 90 กว่าคนนั้น ตายอย่างไร? ในรูปแบบอาการอย่างใด? ใครเป็นคนกระทำ? ทหารนับพันที่ติดอาวุธหนักเบาตั้งแต่หัวถึงเท้าที่อยู่ในบริเวณนั้น กระหน่ำยิงกระสุนไปเป็นแสนนัด มีคลิปวิดีโอภาพการยิงอย่างเมามันนับไม่ถ้วน ทหารเหล่านี้มีส่วนรับผิดชอบแค่ไหน? นี่คือคำถามสำคัญที่สุดที่ รายงานของ คอป.ไม่ได้ตอบอย่างชัดเจนจนไร้ข้อสงสัย
ส่วนกรณีการเสียชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้ รายงานของ คอป. ก็มี “แพะ” ที่แสนจะสะดวกสบายคือ “ชายชุดดำ” ที่ถูกตั้งธงให้รับผิดชอบการบาดเจ็บเสียชีวิตของประชาชนจำนวนหนึ่ง และมีส่วนในการบาดเจ็บเสียชีวิตของฝ่ายทหาร แค่นั้น? โดยที่ คอป.ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ถ้าชายชุดดำเป็นกองกำลังของฝ่ายประชาชนผู้ชุมนุมจริง แล้วทำไมจึงไม่มีหลักฐานการมีอยู่ของคนพวกนี้เลย และก็ไม่มีความพยายามที่จะสืบสวนติดตามจับกุมแต่อย่างใดตลอดสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาพถ่ายและคลิปวิดีโอจำนวนมากที่ปรากฏเป็นตรงข้ามคือ มี “ชายชุดดำติดอาวุธ” ปฏิบัติการอยู่เคียงข้างฝ่ายทหารที่ปราบปรามประชาชนในขณะนั้น!
แต่ความเลวร้ายที่ไม่อาจให้อภัยได้และถือว่า เป็นอยุติธรรมอย่างยิ่งก็คือ การที่ คอป. โยนบาปไปให้คนตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีทหารพลแม่นปืนยิงคนตายถึงหกศพในบริเวณวัดปทุมวนารม ซึ่งรายงาน คอป.กลับโยนไปให้ “ชายชุดดำที่ยิ่งต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร” ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานใดๆ เกี่ยวกับ “ชายชุดดำ” ในบริเวณนั้นเลย รวมทั้งยังมีหลักฐานทางนิติเวชที่แสดงชัดว่า ผู้ตายทั้งหกศพเสียชีวิตด้วยกระสุนความเร็วสูงที่ยิงจากมุมสูงเข้าที่ศรีษะหรือหน้าอก ทุกศพ!
คนบาดเจ็บนับพัน ตายอีกร่วมร้อยศพ พวกเขาถูกทหารฆ่าตายยังไม่พอ ยังถูกสื่อมวลชนกระแสหลักสามานย์กระหน่ำซ้ำเติมมาตลอดสองปี แล้วในท้ายสุด ยังมาถูก คอป.กระทืบแล้วแทงซ้ำอีกในวันนี้! คอป.กล้าทำเพราะคนตายไปแล้ว คอป.จะโยนอะไรใส่ก็ได้ เพราะพวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาโต้แย้งกับ คอป.ได้อีกแล้ว
คนที่รับผิดชอบสั่งการฆ่าประชาชนนั้น โดยธรรมชาติ ย่อมแก้ตัว เพื่อหลบหลีกความผิด แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งเสวยงบประมาณจากภาษีประชาชนจำนวนมหาศาล มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการแสวงหาความจริงและให้ความยุติธรรม กลับมาปกปิดบิดเบือนความจริงเสียเอง แล้วล้างบาปให้กับฆาตกรตัวจริง เจ้าหน้าที่อย่างนี้ย่อมเลวกว่าคนที่กระทำผิดจริงเสียอีก
ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่แสดง “ความใจกว้าง” ยอมให้ คอป.ทำงานต่อไปทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่า พวกนี้คือ “ไข่ประชาธิปัตย์” เพราะรัฐบาล ต้องการแสดงความจริงใจในการปรองดอง และมองในแง่ดีว่า คนพวกนี้น่าจะมี “จิตสำนึก” มากพอที่จะทำงานอย่างเที่ยงตรง
รัฐบาลจะต้องแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ปฏิเสธและไม่รับรองรายงานของ คอป.ทั้งหมด ในทางตรงข้าม รัฐบาลจะต้องหันมาสนับสนุนการรวบรวมข้อเท็จจริงที่กระทำโดยประชาชนเอง คือ ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53 หรือ ศปช.ซึ่งได้ทำหน้าที่รวบรวมความจริงทั้งหมดจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ผู้บาดเจ็บ มิตรสหาย ครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิต ละเอียดเป็นรายบุคคล ปัจจุบัน ได้สำเร็จลุล่วงเป็นรายงานหนากว่าหนึ่งพันหน้าออกเผยแพร่แล้ว
สิ่งที่รัฐบาลควรกระทำคือ สนับสนุนการจัดพิมพ์และเผยแพร่รายงานฉบับ ศปช.ให้กว้างขวางที่สุด ไปสู่ห้องสมุดประชาชนและสถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ
ท้ายสุดคือ บทเรียนซ้ำซากที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหลับหูหลับตา ปฏิเสธที่จะยอมรับตลอดมาคือ พวกเผด็จการไม่เคยมีความคิดแม้แต่กระผีกริ้นที่จะ “ปรองดอง” กับพวกคุณ พวกเขาจะดิ้นรนต่อต้านประชาธิปไตยไปจนถึงที่สุด ซึ่งหมายความว่า พวกเขาจะหาทางบ่อนทำลายพรรคและรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยทุกวิถีทาง รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะต้องเลือกระหว่าง “เพ้อฝันปรองดองไปจนถูกทำลายในที่สุด” หรือจะยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเหนียวแน่นไปบรรลุประชาธิปไตยที่แท้จริงด้วยกัน