|
เสียงคำรามจากนางสิงห์แห่งเอเชีย ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย
"พวกมึงทำกันเกินไปแล้ว"
ถึงแม้เป็นวลีที่หยาบกระด้างไม่เข้ากับบุคลิกของนายกหญิงคนแรกของประเทศไทยก็ตาม แต่มันคือ สาระหลัก ที่ RED USA ขอฟันธงว่าเป็นข้อความที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องการสื่่อ ผ่านคำปาฐกถาที่ดังก้องกลางกรุงอูลันบาตอ เมืองหลวงของประเทศมองโกเลีย ระหว่างการประชุมประชาคมประชาธิปไตย เมื่อวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา เพื่อฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ที่ทำร้ายประชาชนและขัดขวางระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย เป็นการยืนยันความจริงที่นานาประเทศได้รับรู้รับทราบกันดีอยู่แล้ว
"พวกมึงทำกันเกินไปแล้ว"
ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สื่อถึง พวกอนุรักษ์นิยมและบรรดาผู้ต่อต้านระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย ส่งผลรุนแรงและล้ำลึกยิ่งกว่าคำท้าทาย ของม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ในวลีทอง "กูไม่กลัวมึง" ซึ่งกลายเป็นตำนานให้เล่าขานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
มีเพียงผู้มีบารมีที่มั่นใจในอำนาจแห่งตนเท่านั้นที่สามารถกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า "พวกมึงทำเกินไปแล้ว" โดยไม่จำเป็นต้องบอกต่อว่าถ้าพวกมึงยังขืนทำต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ต่างกับผู้มีบารมีและผู้มีอำนาจในหมู่บ้านที่บอกอันธพาลหน้าปากซอย
ด้วยเสียงเย็น ๆ ว่า "พวกมึงทำกันเกินไปแล้ว"
การปาฐกถาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ณ กรุงอูลันบาตอ ประเทศมองโกเลีย เปรียบประดุจเสียงคำรามของนางสิงห์ที่ดังก้องไปทั้งราวป่า ทำให้สรรพสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งวิหกนกกา ชะนี ลิง ค่าง ต่างตื่นตระหนก ออกอาการหวาดผวา ส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั้งพงไพร
อาการตื่นตระหนก ส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ ประดุจสัตว์ป่าตื่นเสียงคำรามของนางสิงห์มีปรากฏให้เห็นในสังคมไทยทั่วทุกมุมเมือง ตั้งแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ส่งเสียงคำรามยังมิได้เดินทางออกจากประเทศมองโกเลียด้วยซ้ำ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เวลาเพียงแค่ 13 นาทีกว่า ๆ ไม่ถึง 14 นาที ลำดับเหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยย้อนหลังไป 15 ปีตั้งแต่ปี 2540 ที่มีรัฐธรรมนูญของประชาชน
ซึ่งคนไทยต่างหวังกันว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยแล้วและจะไม่มีการทำรัฐประหารอีกต่อไป
แต่ความหวังของประชาชนไม่เคยเป็นจริงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกลับถูกโค่นล้มหลายครั้ง โดยการทำรัฐประหารบ้าง ด้วยปกาศิตของตุลาการภิวัฒน์บ้าง โครงการดีๆที่รัฐบาลของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอทำไว้เพื่อประชาชนถูกยกเลิก
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไล่เรียงเหตุการณ์ของประเทศไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ว่าแม้แต่ในปี พ.ศ. นี้ ก็ยังมีขบวนการต่อต้านประชาธิปไตยมีองค์กรอิสระที่ทำงานเกินหน้าที่ และมีกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ตีกรอบไม่ให้ประชาธิปไตยในประเทศไทยเจริญงอกงาม
คำปาฐกถาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อหน้าบรรดาผู้นำประเทศประชาธิปไตยหลายสิบประเทศเปรียบเหมือนฟ้าผ่ากลางแดด ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าสมันน้อยทางการเมืองอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะหาญกล้าเข้าปะมือกับ อำนาจเก่า
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศต่อหน้าบรรดาผู้นำประเทศสมาชิกประชาคมประชาธิปไตยที่เข้าร่วมประชุมว่าที่เธอสามารถมายืนต่อหน้าทุกท่านในการประชุมครั้งนี้เป็นเพราะพลังประชาชนที่เลือกเธอมา
ด้วยเสียงเรียบ ๆ แต่หนักแน่นไม่ลุกลี้ลุกรน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แจกแจงปัญหาและอุปสรรคที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยและการต่อสู้ของประชาชน เพื่ออิสระและเสรีภาพจนต้องบาดเจ็บล้มตายและถูกคุมขังโดยไม่มีอาการหวาดหวั่นต่อผลที่จะตามมาแต่อย่างใด
เสียงปรบมือของผู้เข้าร่วมประชุมดังกึกก้องยาวนานเมื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปิดท้ายคำปาฐกถา ของเธอว่า "ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉันได้รับที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมือง และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ต้องเผชิญ จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของประเทศไทย"
ตั้งแต่เปิดตัวสมัครเป็นผู้แทนราษฎรวันแรก จนได้รับเลือกตั้งและได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจนเกือบครบสองปี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เคยต่อล้อต่อเถึยงหรือแก้ต่างให้ตัวเองสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี ได้แต่ทำตัวสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอมา
ด้วยบุคลิกอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าไม่เชื่อมั่นว่า"เอาอยู่" คงไม่ประกาศกร้าวกลางที่ประชุมของประชาคมประชาธิปไตยโลกว่า "ขอให้ความเจ็บปวดที่ประชาชนได้รับ จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของประเทศไทย"
ด้วยบุคลิกอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าไม่มั่นใจว่า“ชนะ”คงไม่ลงมือ คำสัญญาที่เธอให้ไว้กับประชาชนในการหาเสียงยิ่งลักษณ์ชินวัตรทำได้หมด ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน/ เงินเดือน 1 หมื่น 5 พันบาทสำหรับผู้จบปริญญาตรี / ข้าวราคา 1 หมื่น 5 พันบาท / กองทุนพัฒนาศักยภาพสตรี / รถคันแรก และ ฯลฯ ล้วนทำได้ดั่งคำสัญญา นั่นคือตัวอย่างของ "การพูดจริงทำจริง"
ดังนั้นคำประกาศเดินหน้าเพื่อประชาธิปไตยไทย ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศต่อสังคมโลกในการประชุมที่กรุงอูลันบาตอ ประเทศมองโกเลีย คงมิใช่ "สักแต่พูด" แต่คงได้ผ่านการข่าว การวิเคราะห์สถานการณ์ การประเมินกำลัง การวางแผน และตัวบุคคลตลอดจนการอ่านอารมณ์มวลชน จนสามารถตัดสินใจวางยุทธศาสตร์จัดยุทธวิธีเผชิญหน้ากับอำนาจเก่าอย่างไม่อ้อมค้อม
คำประกาศของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ว่า "ขอให้ความเจ็บปวดที่ประชาชนได้รับ จะเป็นความเจ็บปวดสุดท้ายของประเทศไทย" มันบาดลึกและท้าทายอำนาจขององค์กรอิสระและขบวนการตุลาการภิวัฒน์ ซึ่งเป็นกำลังหลักของฝ่ายอนุรักษ์นิยมและผู้ฝักใฝ่เผด็จการอย่างยิ่ง จนออกอาการต้องดาหน้ากันมากล่าวหาด่าท่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไร้เหตุไร้ผล
ในขณะเดียวกันคำประกาศนั้นกลับเพิ่มความฮึกเหิม ให้กับประชาชนผู้รักความเป็นธรรมและได้ใจผู้ไขว่คว้าหาประชาธิปไตยไปเต็มๆ จนพร้อมผนึกกำลังเป็นหนึ่งพุ่งสู่"ศัตรูประชาชน"ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะ "ชี้เป้า"ให้
แนวรบภาคประชาชนและฟากฝ่ายประชาธิปไตยพร้อมทำศึกแล้วทุกแนวรบ การเมืองภาคประชาชนโดยการนำของวิทยุชุมชน 13 สถานีหรือ กวป. ที่เรียกร้องให้ ตลก.หยุดปฏิบัติหน้าที่และขอโทษประชาชนกำลังเดินหน้าและรุกคืบอย่างมั่นคง โดยกำหนดเส้นตายให้ ตลก. องค์อิสระผู้ประเมินตัวใหญ่เกินจริงไว้ในวันที่ 8 พฤษภาคม มีประชาชนนับล้านทั้งในและนอกประเทศส่งกำลังใจและทุนทรัพย์ไปให้การสนับสนุนอย่างเนืองแน่น ตลอดจนเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างเกาะติด พร้อมเดินหน้าร่วมขบวนรบเมื่อถึงเวลา
ในขณะที่แนวรบด้านองค์กรมวลชนอย่างนปช.ก็พร้อมเคลื่อนขบวนในวันที่ 19 พฤษภาคม แต่ในช่วงที่ขบวนใหญ่ยังไม่เคลื่อนโรงเรียนนปช.ก็รุกคืบยึดครองพื้นที่ไปทั่วประเทศ อุ่นเครื่องไปพลาง ๆ
แนวรบฝ่ายนิติบัญญัติก็คึกคักไม่แพ้กัน พร้อมใจกันปฏิเสธอำนาจ ตลก. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป อีกทั้งยังล่ารายชื่อทำเอกสารพร้อมลายเซ็นเพื่อยื่นถอดถอน ตลก. ที่ก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติ
แนวรบด้านพรรคเพื่อไทยและฝ่ายบริหารก็พร้อม จัดตารางเดินสายเปิดปราศรัย 10 เวทีใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องนโยบายและการทำงานของรัฐบาล
แนวรบด้านสื่อประชาธิปไตยทั้งวิทยุ โทรทัศน์และโซเชียลเน็ตเวิร์คก็เดือดพล่าน ทั้งนี้ยังไม่รวมแนวรบด้านต่างประเทศทั้งอาเซียน ยุโรป ตลอดจนประเทศมหาอำนาจ อย่างรัสเซีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่นและประเทศในตะวันออกกลางก็พร้อมยืนอยู่ข้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์
องค์กรต่างประเทศอย่างสหภาพรัฐสภาโลก สหภาพยุโรป ศาลโลก และศาลอาญาระหว่างประเทศ ก็ไม่ปลื้มกับการใช้อำนาจเกินขอบเขตของอำมาตย์ไทยและองค์กรอิสระที่เป็นสมุนบริวาร
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นางสิงห์แห่งเอเชีย"คงได้ตรวจสอบและประเมินสถานการณ์แล้วทุกด้าน อย่างลึกซึ้งและวิเคราะห์เจาะลึกรอบคอบ รอบด้านกว่าที่บทความนี้เอ่ยอ้างมากนัก
ปาฐกถาครั้งประวัติศาสตร์ของผู้นำไทยในเวทีโลกที่มองโกเลียจึงดังกึกก้องไปทั้งโลก
ทุกแนวรบพร้อม รอเพียงให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลั่นกลองศึกและคำรามเพลงรบเท่านั้น
คนที่ประนามหยามเหยียด "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ว่าโง่ไร้ภาวะผู้นำคงได้เห็นกับตากันครานี้ว่า
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ตัวจริงเป็นเช่นไร
RED USA
MAY 1, 2013
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น