หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เขาถูกเชิญตัวเข้าบ้าน "เกษะโกมล" ไปพบผู้นำยึดอำนาจเขาเป็นคนที่ถูกคณะรัฐประหารมองว่าเป็น "สายเหยี่ยว" และเป็น "หัวใจ" ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนหนึ่งที่ "พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน" หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เค้นความลับมากที่สุด
วันนี้ "ภูมิธรรม เวชยชัย" ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แก้ต่างว่า ตนเองไม่เคยเป็น "สายเหยี่ยว" แต่เป็น "สายพิราบ"
พุทธศักราช 2556 จังหวะที่ "พรรคเพื่อไทย" กำลังถูกรุมกระหน่ำจากขบวนการสมคบคิดล้มล้างรัฐบาล "ภูมิธรรม" จึงใช้สายตาของ "เหยี่ยว" อ่านกับดักในมือศัตรู มองทะลุ "หน้ากาก" ที่ปกปิดใบหน้าอันแท้จริง
เขายืนยันกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลุ่มอำนาจเก่าไม่สามารถเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลได้ง่ายเหมือนในอดีตอีกแล้ว !!
- มีกลุ่มจ้องล้มรัฐบาลจริงหรือไม่
ไม่อยากจะพูดสรุปว่าเป็นอย่างไร สาธารณชนน่าจะมีวิจารณญาณที่สุด ถ้าดูจากประสบการณ์ทางการเมืองก็มีความพยายามที่จะขยับกันเข้ามา จะโดยรู้เห็นเป็นใจ ร่วมไม้ร่วมมือกันหรือไม่ ก็ต้องมาวิเคราะห์ แต่หลายส่วนเป็นเรื่องที่เขาเดือดร้อนจริงมีปน ๆ กัน บางทีไปพูดว่าล้มรัฐบาล มันอาจไปเหมารวมทั้งหมด ไม่ตรงความเป็นจริง
แต่ถ้าถามว่ามีกลุ่มที่คิดไม่เอารัฐบาลมีบ้างไหม เขาก็ประกาศตัวชัดเจนว่า เขาไม่อยากเอารัฐบาลนี้ บางส่วนก็ยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ต้องจับตาดูต่อว่าเขามุ่งหวังเจตนาอะไร นอกจากนี้เวลานี้มีเรื่องรุมเร้าเข้ามาหลายอย่าง เนื่องจากรัฐบาลได้แถลงต่อประชาชนในเรื่องที่จะทำ ไม่ทำก็เสียหาย แต่เมื่อทำแล้วยังมีปัญหา ก็ค่อย ๆ หาทางออก ตลอดเวลาที่เป็นรัฐบาลมา 2 ปี ทำได้แค่นี้ก็ช้ามาก
แล้ว เพราะอุปสรรคมันเยอะ แต่เราไม่สิ้นความอดทนวันนี้มีข่าวลือเยอะ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ คนนั้นคนนี้ นักธุรกิจส่วนนั้นส่วนนี้ สนับสนุนเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มมวลชน กลุ่มที่ไม่เอารัฐบาล พยายามจะขับเคลื่อนล้มรัฐบาล ผมก็ไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วมีมากมีน้อย แต่จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็ต้องสนับสนุนบนพื้นฐานของวิถีประชาธิปไตย
- ทำไมนโยบายของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยถึงติดกับดักตลอดเวลา
แนวนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นนโยบายมุ่งแก้ปัญหาของคนส่วนใหญ่ หลายนโยบายมีลักษณะคิดนอกกรอบ ออกไปจากกรอบเดิมที่เคยปฏิบัติ ความจริงถ้าทำให้มันง่ายและดีที่สุดโดยคำนึงถึงแต่ตัวเราเองก็ไม่ต้องทำอะไรมาก ทำไปตามกรอบที่เป็นอยู่ก็สบาย
แต่การเมืองไทยเป็นอย่างนี้มานานแล้ว และคนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร สิ่งที่เราพยายามทำคือพยายามคิดกรอบใหม่ ๆ เพื่อทำให้การบริหารจัดการทั้งหมดมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าคิดสิ่งใหม่ก็มีจุดอ่อน บางทีเป็นเรื่องบกพร่องที่เราคาดการณ์ไม่ถึง บางทีทำดีแล้ว แต่การประชาสัมพันธ์ไม่เพียงพอ เช่น นโยบายจำนำข้าว วันนี้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่บริหารโครงการต้องหยิบเอารายละเอียดมา
ความจริงต้องเข้าใจว่าการทำจำนำข้าว คือการดูแลเกษตรกร หรือดูแลคนส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ได้คิดเรื่องกำไร หรือขาดทุน คิดแต่ว่าดูแลเกษตรกรอย่างไร ขาดทุนก็ยังต้องยอม
ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยทำเรื่องประกันราคาข้าว ปีหนึ่งขาดทุนเกือบแสนล้านบาทเหมือนกันเขามีหน้าที่ไปดูแลเกษตรกร ดังนั้นเรื่องการขาดทุนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
- การทำงานของรัฐบาลตอนนี้ถือว่าเพลี่ยงพล้ำให้ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่
ผมไม่คิดว่าเพลี่ยงพล้ำหรือไม่ แต่เรายังเดินหน้าทำในสิ่งที่ยึดมั่น เชื่อมั่น และสิ่งที่เราตัดสินใจทำให้ประชาชน เพียงแต่เราอาจใช้เวลาประชาสัมพันธ์งานน้อยไป นายกฯก็มุ่งมั่นทำงานไป รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ไปผลักดันนโยบายจนลืมชี้แจงประชาชนคู่ขนาน
วันนี้เราต้องปิดจุดอ่อนที่เราให้ความสำคัญน้อยให้มันมากขึ้น ต้องชี้แจงทำความเข้าใจมากขึ้น แล้วหลายเรื่องผมคิดว่าถ้าเอามาแบให้เขาดูแล้วคนจะเข้าใจ
- ประเมินว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีเดิม ๆ ในการล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรือไม่
เราไม่ประมาท ก็พยายามจะดูว่ามีตำหนิติเตียนอะไร เคลื่อนไหวยังไง หน้าที่ของเราก็มีเพียงทำให้ประชาชนได้เห็น ได้ทราบ แล้วเราก็มุ่งมั่นทำงานของเราให้เต็มที่ และต้องใช้วิจารณญาณให้มากหน่อย ไม่ยอมตกไปอยู่ในหลุมพรางของเขาที่พยายามขุดล่อเรา อะไรที่หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง อะไรที่เป็นหลักการก็ให้ประชาชนตัดสินใจ ผมคิดว่าต้องสู้กันอย่างนี้ ใครที่เป็นฝ่ายยืนอยู่ข้างการเปลี่ยนแปลงที่อำนวยประโยชน์ให้คนส่วนใหญ่ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ประเทศสังคมไทยมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น คนนั้นก็จะได้รับการปกป้องดูแลจากคนส่วนใหญ่
- ประเมินไพ่ในมือศัตรูอย่างไร
ผมไม่ค่อยสนใจไพ่ในมือศัตรูเท่าไหร่ ผมสนใจเพียงว่าเรายืนหลักตัวเองให้มั่น ทำความเข้าใจประชาชนให้เยอะ ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนให้หมด และรับฟังข้อคิดเห็นดี ๆ จากมิตร เพื่อนมิตร และรับฟังข้อคิดเห็นดี ๆ จากคนที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย เอามาใช้แก้ปัญหาให้มากที่สุด
- วันนี้มิตรอย่างคนเสื้อแดงบางฝ่ายก็แปรพักตร์ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำอยู่บางเรื่อง
เป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่ได้คิดว่าเป็นวิกฤตที่น่ากังวลใจหรือห่วงใย แม้คนเสื้อแดงส่วนใหญ่จะมีความไม่สบายใจบ้าง ก็วิจารณ์บนพื้นฐานที่รัก และอยากเห็นระบอบประชาธิปไตยเดินหน้า และเราพยายามตอบสนองคนทุกส่วนให้มากที่สุดและแก้ปัญหา ลำพังเพียงตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่กับแก้ปัญหาให้ได้มันก็หนักแล้ว ยังมีแรงต้านจากคนที่คอยเตะขัดขาอีก มันก็เป็นความยากลำบากมากขึ้น
- ยังมั่นใจว่ามีเสียงข้างมากจะอุ้มรัฐบาลต่อไปได้
วันนี้ขอให้รักษาระบอบประชาธิปไตย รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ แต่ถ้าดูจากการเลือกตั้งใน กทม.ก็ถือว่าครึ่ง ครึ่ง หรือการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็ห่างกันไม่ถึง 2-3 เปอร์เซ็นต์ ผมไม่คิดว่าฝ่ายที่รักษาอำนาจเดิมของกลุ่มตนจะมีพลังที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามใจปรารถนาของตัวเอง วันนี้กระแสโลกเป็นกระแสประชาธิปไตย แล้วเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ตื่นตัวขึ้นมาไม่เหมือนในอดีต เพราะเป็นสังคมข่าวสาร การรับรู้ของคนมันกว้างขวางขึ้น ทุกฝ่ายต้องปรับตัว ฝ่ายที่ต้านการเปลี่ยนแปลงเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดเหมือนเดิม ผมไม่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้ทุกครั้ง
- การออกมาเคลื่อนไหวของหน้ากากขาวก็ไม่มีพลังพอที่จะล้มรัฐบาลได้เหมือนที่กลุ่มพันธมิตรฯเคยทำ
กลุ่มหน้ากากขาวในสายตาผมก็เป็นสิทธิที่จะเคลื่อนไหวแสดงออก แต่ความเป็นจริงก็คือคนกลุ่มเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบ ในเมื่อเขารู้ว่าไม่มีคนจำนวนมากยืนอยู่ข้างเขา เขาก็ใช้คนจำนวนน้อยปกปิดใบหน้า แล้วทำให้เห็นว่ามีอยู่ทั่ว ๆ ไป
- เป็นเรื่องปกติหรือไม่ที่กลุ่มต่าง ๆ
หาเรื่องมาดิสเครดิตรัฐบาล ในช่วงที่รัฐบาลบริหารประเทศมาครึ่งเทอม เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทย มีแค่ยุคไทยรักไทยเท่านั้นที่พิสูจน์ตนเองได้ว่าครบ 4 ปี ที่ผ่านมาเราไม่อดทนพอเหมือนกับสังคมประชาธิปไตยที่เขาพัฒนาแล้วที่รอไป แต่หน้าที่เราไม่มีปัญหา ยิ่งเขาออกมาเคลื่อนไหวก็เหมือนกับเป็นกระจกช่วยเราส่อง บางเรื่องเกินความจริงเราก็ต้องระมัดระวัง ที่สำคัญเราต้องยืนยันว่านายกฯ รัฐบาล เราไม่มีเจตนาหาประโยชน์ หรือคอร์รัปชั่นจากการทำนโยบายต่าง ๆ
- หลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน และบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน เต็มสูบ
เราชัดเจนตลอดว่าเราจะทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ส่วนจะทำไปได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงของประเทศ ติดขัดตรงไหนก็ต้องว่ากัน
- กลัวติดกับดักไหม เพราะโครงการ 2 ล้านล้าน ฝ่ายค้านเตรียมไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ส่วนโครงการน้ำ ป.ป.ช.ก็จับตาการทุจริต
ถ้าเรามั่นใจว่าเราคิดดีกับประเทศและคนส่วนใหญ่ และยอมรับฟัง ยินดีรับฟังคนที่มองจากมุมนอก ก็ไม่น่ามีอะไรน่ากังวลใจ การตรวจสอบ คอยดูแล เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว อย่างเรื่องน้ำ พอรู้ว่า ป.ป.ช.สนใจ คนของรัฐบาลก็เข้าพบทำความเข้าใจ
- พรรคเพื่อไทยมักมองว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. คือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล กลัวไหมว่าจะติดกับดัก
ผมไม่เคยพูดว่าอยู่คนละฝ่ายกับเรา แต่เมื่อกลไกต่าง ๆ ไม่เอื้ออำนวยนัก ก็ต้องไปพึ่งประชาชนเป็นหลัก แต่ไม่น่ากังวลใจอะไร เมื่อถึงที่สุด ทุกอย่างก็ต้องเดินไปตามหลักการที่ถูกต้อง ไม่มีใครสามารถบิดพลิ้วหลักการ หรือหลักที่ดี ๆ ถูกต้องไปได้
- ถ้ารัฐบาลผลักดันโครงการต่าง ๆ ในช่วงครึ่งเทอมหลัง จะอยู่ยาวเหมือนพรรคไทยรักไทยไหม
วันนี้... เราคิดว่าเรามีหน้าที่ทำงานตามแนวนโยบายที่เราผลักดัน ถ้าตราบใดเรายังมีประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ ประโยชน์ยังตกอยู่ในมือของประชาชน ประชาชนก็จะปกป้องเรา เมื่อประชาชนปกป้องเรา ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเขาทำอะไร เขาก็กำลังยืนอยู่ตรงข้ามประชาชนส่วนใหญ่ เขาก็อยู่ไม่ได้
ขอขอบคุณประชาชาติธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น