|
สวัสดีครับพี่น้องที่เคารพรัก
ปีนี้ ผม 64 ปี แล้วนะครับ วันเวลาผ่านไปเร็วมาก ผมจำได้ว่า ตอนที่มีปฏิวัตินั้น ผมเพิ่งผ่านอายุครบ 57 ใหม่ พออายุ 58 ก็อยู่เมืองนอก อายุ 59 ก็ได้มีโอกาสกลับไปเมืองไทยสั้น ๆ วันนั้น ผมมีลางสังหรณ์ใจ ในวันที่มีพี่น้องมาอวยพรวันเกิด ผมเมื่อ อายุ 59 ที่ตึกชินฯ 3 ถ้าจำไม่ ผิด
ก็มีความสังหรณ์ใจว่า เอ๊ !! อายุ 60 ปี สงสัยเราต้องไปทำบุญอยู่เมืองนอกแล้ว และคงไม่ได้อยู่ในเมืองไทยแน่ เพราะดูท่าทางตอนนั้นเขาเอาผมแน่ ผลสุดท้ายมันก็เป็นไปตามนั้น 60 ปี ก็ไปอยู่เมืองนอก พออายุ 61 ปีก็ไปอยู่เมืองนอก พ อ 62 , 63 , 64 ก็ยังไม่ได้กลับ
แต่ที่สำคัญที่สุด คือพี่น้องไม่ลืมผม เข้าใจว่าวันนี้ ครบ 64 ปี พี่น้องก็ไปทำบุญหวังที่จะให้ผมได้กลับมารับใช้พี่น้องกันก็เป็นจำนวนมาก หลายวัด ผมก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับที่ไม่ลืม และเอาบุญมาฝากผม เพื่อที่ให้ผมได้มีโอกาสได้กลับบ้าน ไปอยู่กลับครอบครัว
7 ปี แห่งความระหกระเหิน ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ข้อดีก็คือได้เรียนรู้เยอะ ได้เห็นเยอะ เห็นแล้วก็อดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่รับรู้มาเยอะมาก ก็เดี๋ยวจะค่อยๆเขียนเพิ่มไป ก็ตั้งใจว่า เดี๋ยวกลับไปดูไบ ก็เลยคิดว่าจะมีเวลาเขียนเฟซบุ๊ก เล่าให้ท่านฟังว่าไปเห็นอะไรมาบ้าง เพื่อให้พี่น้องทั้งที่ชอบผมและไม่ชอบผม แต่ว่าชอบความรู้เข้ามาได้
สิ่งที่แย่ ของการมาอยู่เมืองนอก ก็คือว่า การคิดถึงครอบครัว เราเคยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้ เวลาวันเกิดทีลูกก็แวะมา เขาพยายามไม่มาพร้อมกัน เพราะกลัวกลับไปแล้วพ่อจะแย่ ก็ผลัดกันมา รู้สึกว่าจะได้ไม่ห่างกัน เพราะทุกคนก็มีภาระกิจ ทุกคนมีงานการ ทุกคนก็ต้องอยู่กับแม่ อยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย ก็ผลัดกันไปผลัดกันมา
ก็เหงา คิดถึงบ้าน บางครั้งก็พยายาม จะไม่เหงา บางครั้งก็มีภารกิจที่ต้องทำเยอะ พี่น้องมาเยี่ยมบ้าง ซื้ออาหารมาฝากบ้าง จนคนเขาลือว่าที่ดูไบ เป็นร้านอาหารไทยที่อร่อยที่สุดในโลก ที่บ้านผม เพราะพี่น้องเอาอาหารจากจังหวัดมาฝาก ก็ขอบคุณในน้ำใจและทำให้ผมหายเหงาได้บ้าง
แต่แน่นอน ครับ กินอย่างเดียวมันก็ไม่พอ แต่สำคัญยังไม่ได้นอนบนแผ่นดินไทย มานานแล้ว ก็คิดถึง คิดถึงแผ่นดินไทย แต่ต้องอดคนครับ ๆ เพราะว่า เราถือว่า เราต้องทำหน้าที่อะไรบางอย่างอยู่ ก็ต้องทำไป
พี่น้อง ครับ ผมห่วงใยประเทศไทย วันนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ มันน่าจะแก้ได้และแก้ไม่ได้ ก็เพราะความที่ระแวงกันและกัน ความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ความที่เราขัดแย้ง ถ้าเราหันหน้ามาคุยกัน เราสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา เราคุยกันแบบคนไทยด้วยกันพูดภาษาไทยด้วยกัน พูดกันให้ถึงแก่นเลย ว่าเราอยากจะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร เราเอาชาติเป็นตัวตั้ง ผมมั่นใจ บ้านเมืองเราจะกลับมาสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง
คือวันนี้เราต้องกลับไปคิดครับว่า ถ้าเราเอาชาติเป็นตัวตั้ง เราคิดว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองที่สุด เราหันหน้าเข้าหากัน ตรงนั้่นต่างหากที่เป็นสิ่งที่เราอยากเห็น ผมไม่คิดว่า ทุกเรื่องเป็นเรื่องใหญ่เลย แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเราไม่พูดกัน เป็นเรื่องใหญ่เพราะว่าไม่ได้คุยกัน
ผมอยากหวังว่า วันเกิดผมปีนี้ ผมจะกลับบ้านปีไหนไม่เป็นไร แต่ความปรองดองกลับขึ้้นสู่ประเทศไทยเมื่อไหร่ มันจะเป็นความสุขที่ผมถือว่าสุดยอด เพราะว่าคิดเอาเรื่องชาติบ้านเมืองก่อน เรื่องตัวเองไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ผมก็เป็นคนซึ่งถือว่า บ้านเมืองมาเป็นหลัก พี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะฉะนั้น ผมพร้อมเสียสละ ถ้าความขัดแย้งแบบนี้ทำอะไรก็ไม่ได้หรอกครับ แก้ปัญหาอะไรก็ไม่ได้ มีแต่ความระแวงซึ่งกันและกัน และในที่สุดผลสุดท้ายก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจรวมของประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ความเคารพยำเกรงของประเทศเพื่อนบ้านก็จะเสียหายไป เพราะเราไม่รักกัน
วันนี้ อยากจะบอกกับพี่น้องว่า ขอให้เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อความสุขของพวกเราทุกคน ครับ ขอบคุณอีกครั้งในการรำลึกถึงวันเกิดผมและไม่ลืมผม ทั้งที่ผมก็จากมาหลายปีแล้ว ขอให้พวกท่านมีความสุข มีความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนา และให้อยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีบ้านเมืองกลับมาสู่สันติสุขอีกครั้ง
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น