วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุทธิพงษ์ แถ๋..... หวังพ้นผิด แท้จริง ความผิดสำเร็จไปแล้ว

'สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ' รับโพสต์พลาด - ยืนยันไม่มีอกุศลเจตนาใดๆ

         ผู้จัดคนค้นฅนแจงกรณีโพสต์เรื่องสารพิษตกค้างในข้าว รับ "มือไปโดน post ส่งไปก่อน" พยายามรีบลบแล้ว ยันไม่มีอกุศลเจตนาต่อผู้ใด ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้เป็นกรรมที่ต้องรับตามหลักพุทธศาสนา ขณะที่ 'ข้าวตราฉัตร' ประกาศเชิญพิธีกรดังมาพิสูจน์ ทั้งโพสต์ภาพ 'องคมนตรี'-'สุเมธ ตันติเวชกุล' เยี่ยมโรงงาน
        จากกรณีที่นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้จัดและผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน โพสต์ข้อความในเฟซบุคเมื่อวันอังคาร (9 ก.ค.) ที่่ผ่านมา (ทำนองว่าโรงสีข้าว 3 แห่งที่เตรียมส่งข้าวในสต็อกออกจำหน่ายให้ผู้ผลิตรายใหญ่ เป็นโรงสีของภาคอีสาน เป็นโรงงานของ ส.ส.เพื่อไทย "คงจะมีสารพิษตกค้าง เพราะสารตัวนี้ไม่สามารถละลายในน้ำได้ หนูตายใน 5 นาที"
        พร้อมโพสต์ข้อความว่า "ห้ามสื่อข้าวหอมปทุมธานีทุกยี่ห้อ ตอนนี้ข้าวถูกจำหน่ายออกในนาม ข้าวหอมปทุมธานี เนื่องจากคนกลัวข้าวจากอีสาน และสต็อกต่อไปคือข้าวเสาไห้ (ระบุยี่ห้อข้าว) ห้ามเด็ดขาด (ระบุยี่ห้อข้าว) ทุกประเภทห้ามทาน เป็นสต็อกจากต้นปีที่แล้ว จัดจำหน่าย" โดยย้ำไว้ที่หน้าข้อความด้วยว่า "แล้วแต่พิจารณานะครับ ผมไม่ได้มีประโยชน์ได้เสีย"
         โดยมีผู้แชร์สเตตัสดังกล่าวจำนวนมาก ก่อนที่ไม่กี่ชั่วโมงภายหลังนายสุทธิพงษ์ได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป
และเมื่อเวลา 20.38 น. วันที่ 9 ก.ค. นายสุทธิพงษ์ได้โพสต์ข้อความว่า "เร็วกว่าไฟลามทุ่ง ถึงแม้ผมจะลบไปแล้ว เร็วที่สุดเท่าที่ผมจัดการได้เมื่อเห็นผลของความสะเพร่า ไปไกลเกินกว่าเจตนาแห่งสัมมาทิฐิและกุศลเจตนา อย่าให้และอย่าใช้ผมไปก่อกรรมกับใครเลยนะครับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าผมสามารถลบความจริงทิ้งได้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลบกรรมทั้งดีชั่วทิ้งได้ โดยเฉพาะการกระทำกับชาวนาและข้าวปลาอาหาร"
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวทีนิวส์ได้นำไปรายงานว่าเฟซบุ๊คของผู้จัดรายการ "คนค้นฅน" ดังกล่าวถูกบล็อก (อ่านข่าวที่นี่) ทำให้ภายหลังเมื่อวันที่ 10 ก.ค. เวลา 13.55 น. นายสุทธิพงษ์ต้องอัพสเตตัสว่า "เพจผมไม่ได้ถูกบล็อกนะครับ"
 โพสต์ยอมรับในความผิดพลาด แต่ยืนยันว่าไม่มีอกุศลเจตนาใดๆ
           ล่าสุดวันนี้ (11 ก.ค.) นายสุทธิพงษ์ ได้อัพสเตตัสชี้แจง ว่า "ขอขยายความสิ่งที่ผมบอกว่าเจตนาผมคือไม่อยากให้เกิดการเบียดเบียนกันจากกรณีข้าว แล้วผมดันเป็น "ส่วนหนึ่ง" ในการทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียเอง เจตนาผมมีประการเดียวคือเรื่องความมั่นใจในความปลอดภัยของคนกินข้าว เนื่องจากความกังวลและความห่วงใยจากข่าวสารที่ได้รับ ก่อนโพสท์ตามที่ได้เรียนชี้แจงว่าผมตั้งใจเขียนความตั้งใจ ชี้แจงเจตนาต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะเจตนาผมต้องการให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับรู้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะผู้บริโภคเท่านั้น ผมไม่ได้มีธงในใจหรืออกุศลเจตนาต่อผู้ใด แต่ความสะเพร่าของผมก็คือ ผมเขียนไปได้แค่สองประโยค ยังไม่ครบถ้วนก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างแก้ไขคำผิด มือไปโดน post ส่งไปก่อน ซึ่งได้พยายามรีบลบ แต่ผมทำไม่เป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอีก 2 คนจึงทำได้สำเร็จ ซึ่งถ้าสามารถเช็คเวลาก่อนจะลบได้จะทราบว่าไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ต่อมาไม่นานมีคนโพสท์ตำหนิผมอย่างรุนแรง"
         "ผมได้ชี้แจงกลับไป ทั้งขอบคุณที่เตือนสติและยอมรับความผิดพลาด ต่อมาภายหลังผมจึงพบคำตอบว่าทำไมความรู้สึกเขาถึงรุนแรงมาก นั่นก็เพราะมีการเอาไปขยายต่อ เพิ่มเติม ชี้นำ จะเพื่อประโยชน์อันใดก็สุดแท้แต่ แต่ไม่ใช่ความตั้งใจและเจตนาของผม ซึ่งยืนยันชัดเจนตั้งแต่ต้น ผมจึงได้รู้ว่าผมกลายเป็นเหยื่อและเครื่องมือไปแล้วอีกคนหนึ่ง แต่ถามว่าเหตุมาจากไหน ก็มาจากผมนั่นแหละ"
 รับเป็นผลกรรมตามหลักพุทธศาสนา และเตรียมแถลงข่าว
        "สิ่งนี้ก็เป็นกรรมที่ผมต้องรับตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งสิ่งนี้ผมก็ยืนยันเหมือนเจตนารมณ์ เมื่อเช้านี้ผมได้ฟังความรู้สึกของเจ้าของโรงสี เจ้าของสินค้า ยิ่งทำให้ผมไม่สบายใจ เพราะสิ่งที่กำลังส่งผล มาจากความคลาดเคลื่อนและปรุงแต่งสิ่งที่เกิดจากผมจนไปไกล ผมไม่มีอะไรแก้ตัวแต่มีความเสียใจในบางด้าน และความจริงทั้งหมดจะชี้แจง โดยเฉพาะเรื่องปราศจากอกุศลเจตนาและมิจฉาทิฐิ ผมจึงจะแถลงบ่ายนี้" โพสต์ของนายสุทธิพงษ์ระบุ
           "ข้าวตราฉัตร" ชี้แจงคุณภาพการผลิต พร้อมโพสต์ภาพ "สุเมธ-องคมนตรี" เยี่ยมชมโรงงาน
คำชี้แจงของ "ข้าวตราฉัตร" โดยลงท้ายมีการเชิญชวนสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ มาพิสูจน์ที่โรงงาน
สุเมธ  ตันติเวชกุล  ประธานมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เยี่ยมชมโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว โครงการนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา  (ที่มา: เว็บไซต์ข้าวตราฉัตร)
พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท เยี่ยมชมโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว โครงการนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา (ที่มาของภาพ: เว็บไซต์ข้าวตราฉัตร)
โดยก่อนหน้านี้ เฟซบุคของ "ข้าวตราฉัตร" ได้ชี้แจงนายสุทธิพงษ์ว่าว่า มีการดำเนินการตรวจสอบคุณภาพสินค้าตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ ที่คัดเลือกจากแหล่งเพาะปลูกที่มีคุณภาพและปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อนของสารตกค้างต่างๆ โดยข้าวตราฉัตรได้ใส่ใจและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคซึ่งเราได้สุ่มตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปทางด้านต่างๆ เป็นประจำ นอกจากนี้ในข่าวที่เผยแพร่ใน เว็บข้าวตราฉัตร นอกจากการชี้แจงเรื่องคุณภาพข้าว และการเรียนเชิญนายสุทธิพงษ์ ร่วมเยี่ยมชมโรงงาน เพื่อดูกระบวนการผลิตข้าวตราฉัตรแล้ว ยังมีการโพสต์ภาพการเยี่ยมชมโรงงานโดยสุเมธ  ตันติเวชกุล  ประธานมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์  พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท คณะทูต และคณะนักเรียนนักศึกษาด้วย

โรงสี-ซีพี จ่อฟ้องพิธีกรดัง ระบุทำเสียรายได้
ก่อนหน้านี้ ข่าวสด รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ว่านายอนันต์ วังอมรมิตร เจ้าของโรงสีทรัพย์อนันต์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ถูกนายสุทธิพงษ์ระบุชื่อ กล่าวว่าได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุรินทร์ โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการรมยา และไม่เคยขายข้าวให้กับข้าวถุงตราฉัตร
ส่วนเจ้าของโรงสีทรัพย์สิริธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ที่ถูกพาดพิงก็ปฏิเสธข้อกล่าวหา และปฏิเสธว่าไม่เคยขายข้าวให้กับข้าวเบญจรงค์และข้าวตราฉัตร และยินดีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ (อ่านต่อที่นี่)
ขณะที่วันนี้ (11 ก.ค.) โพสต์ทูเดย์รายงานว่า  โดยอ้างคำพูดของนายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด ที่ระบุว่าฝ่ายกฎหมายของเครือซีพีกำลังประชุมว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อนายสุทธิพงษ์หรือไม่ เช่นเดียวกับนายถาวร ทองพิทักษ์ถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเชีย อินเตอร์ ไรซ์ ที่ชี้แจงว่าไม่เคยประมูลข้าวจากโครงการรับจำนำของรัฐ แต่ซื้อข้าวจากโรงสีที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชัยนาท สุพรรณบุรี โดยจะฟ้องร้องนายสุทธิพงษ์ เพราะทำให้เกิดการเสียหายและสูญเสียรายได้
อนึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นายสุทธิพงษ์ได้โพสต์ข้อความเรียกร้องให้โรงสีที่ถูกกล่าวหาเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเข้าไปตรวจอย่างอิสระด้วย โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า "เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องพูดเอามันส์ ไม่ใช่แค่เรื่องมาด่าทอเพื่อความสะใจ ผมคิดว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าบริสุทธิใจ ไม่ต้องรอสื่อไปแอบตรวจสอบหรอกครับ ข้าวทุกยี่ห้อและโรงสีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ถูกกล่าวหาก็ตาม แย่งกันเลยครับ แย่งกันเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อเข้าไปตรวจอย่างอิสระ ทั้งตอนที่เป็นข้าวเปลือกและตอนที่สีบรรจุถุง ตรวจกันให้หนำใจเพราะข้าวบริสุทธิ์และปลอดภัยอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร สื่อยินดีไปทำข่าวให้ไม่ต้องเสียเงินไปทำโฆษณา ผมว่าตราเปิดเผย จริงใจ บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมานี่การันตีคุณภาพให้ดียิ่งกว่าตรารับรองมาตรฐานไหนๆ ทั้งนั้น ทำเลยครับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น