ศาล รธน.ระบุการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยังเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เครือข่ายราษฎรอาสาฯ ร้องเพิกถอนร่างแก้ไข รธน.ม.190 ขณะที่แดง กวป.ร้องศาล รธน. สั่งให้ยุติการชุมนุม-ยุบ ปชป.
13 พ.ย.2556 - ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยรายงานจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าข่ายกระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ จากกรณีจัดตั้งศาลประชาชนและจะใช้อำนาจศาลประชาชน ไปพิพากษาคดีบุคคลอื่นตามอำเภอใจและขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินไปยังนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ให้หยุดการกระทำดังกล่าว รวมถึงสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามรัฐธรรมนูญ วรรคสาม และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสี่
ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การชุมนุมของนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เป็นการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ...และเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จึงยังไม่มีมูลกรณีที่เป็นการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ส่วนประเด็นคำขออื่นไม่จำเป็นต้องพิจาณา
เครือข่ายราษฎรอาสาฯ ร้องเพิกถอนร่างแก้ไข รธน.ม.190
วันเดียวกัน นายบวร ยสินทร ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้อง 3 สถาบัน ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา190 ที่จำกัดอำนาจรัฐสภาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบการทำหนังสือสัญญาของฝ่ายบริหาร ซึ่งนายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดังกล่าว นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมดำเนินการแก้ไข เข้าข่ายกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการที่ไม่ได้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
คำร้องของนายบวรระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ดังกล่าว นอกจากสมาชิกรัฐสภาจะยกอำนาจที่เป็นของรัฐสภาไปให้ฝ่ายบริหารแล้ว ยังเป็นการตัดสิทธิรับรู้ของประชาชนผ่านการประชุมของรัฐสภา ถือว่าการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในกรณีนี้ไม่เป็นไปโดยสุจริต เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 122 และแม้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จะเริ่มโดยสมาชิกรัฐสภา แต่ก็ทำเพื่อประโยชน์ฝ่ายบริหารโดยตรง นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร จึงไม่อาจปฏิเสธถึงการมีส่วนเกี่ยวข้องผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 190 นี้ จึงขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และสั่งให้บุคคลทั้งหมดยกเลิกการกระทำดังกล่าวและสั่งเพิกถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาในวาระ 3 เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนใดทันที
แดง กวป.ร้องศาล รธน.สั่งให้ม็อบยุติการชุมนุม-ยุบ ปชป.
วันเดียวกัน นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษกกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป. และนายหนึ่งดิน วิมุตตินนท์ ทนายความชมรมผู้รักความเป็นธรรม ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยการกระทำของ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมพวก ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. รวม 9 ราย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่ากระทำการเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองหรือกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิถีทางที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่
นายศรรักษ์กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท. มีลักษณะคู่ขนานแบ่งงานกันทำร่วมกับนายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นผู้นำการชุมนุมกลุ่มประชาชนต่อต้านร่าง พ.ร.บนิรโทษกรรม เข้าข่ายกระทำความผิดฐานเป็นกบฏตามมาตรา 113 มาตรา 116 มาตรา 83 มาตรา 86 ของประมวลกฎหมายอาญา เมื่อวันที่ 12 พ.ย. กปท. ได้ออกประกาศปฏิวัติยึดอำนาจรัฐโดยประชาชนนั้นถือว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะติชมโดยสุจริต แต่มุ่งหมายที่จะล้มล้างรัฐบาล เพราะมีการข่มขู่ว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่หยุดงาน รวมทั้ง ผบ.ทุกเหล่าทัพและปลัดกระทรวงทุกกระทรวงไม่มาเข้าพบคณะเสนาธิการร่วม กปท. ภายใน 4 ชม. จะเคลื่อนพลประชาชนไปในแต่ละกระทรวง ยึดอำนาจรัฐโดยเร่งด่วนเพื่อรักษาอธิปไตย
นายศรรักษ์กล่าวอีกว่า การชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีนายสุเทพเป็นแกนนำ ได้ประกาศบนเวทีเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ให้หน่วยราชการ เอกชน หยุดงานทั่วประเทศระหว่างวันที่ 13-15 เพื่อมาร่วมชุมนุม รวมทั้งให้นักธุรกิจ ห้างร้าน เอกชน ชะลอการชำระภาษีกลางปี ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งหมดยุติการชุมนุม พร้อมมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวฉุกเฉินสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งหมดยุติการชุมนุมไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
เรียบเรียงจาก : สำนักข่าวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น