ยิ่งลักษณ์แถลงขอให้ประชาชน ต่างประเทศเชื่อมั่นรัฐบาลคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีทางใช้ความรุนแรง วอนม็อบยุติการชุมนุมพร้อมเปิดเวทีหารือร่วม ส่วนข้อเสนอ ‘สภาประชาชน’ทำไม่ได้ ขัดรัฐธรรมนูญ
28 พ.ย.2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า ขอให้ประชาชนและมิตรประเทศทั้งหลายคลายความเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลภายใต้การนำของดิฉันที่มาจากการเลือกตั้ง ได้ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม ไม่ให้สถานการณ์เลวร้าย ไม่ให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บล้มตายเหมือนในอดีต การใช้แนวทางสันติไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศหรือไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ทุกวันนี้รัฐบาลยังพยายามหาทางออกอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประชาชน แม้การให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนจะไม่สะดวกบ้าง แต่รัฐบาลก็มีแผนรองรับเพื่อให้บริการประชาชนอย่างเพียงพอและทั่วถึง รัฐบาลเชื่อว่าผู้ที่เป็นข้าราชการส่วนใหญ่ แม้มีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างการอย่างไร แต่ก็ต่างรู้และตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องเพื่อคงไว้ซึ่งความมีประสิทธิภาพและประโยชน์ของประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ต้องการเล่นเกมทางการเรมือง เพราะเกมการเมืองจะทำให้เศรษฐกิจ สังคม ต้องเผชิญปัญหาขาดความน่าเชื่อถือ
ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอ ความคิดเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุม เพียงแต่ข้อเรียกร้องให้จัดตั้งสภาประชาชนนั้นไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ ขอยืนยันว่า รัฐบาลตั้งใจอย่างแท้จริงให้เกิดความร่วมมือหารือหาทางออกให้แก่ประเทศ ขจัดความขัดแย้งเรื้อรังที่มีมาอย่างยาวนาน รัฐบาลขอเสนอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม คืนสถานที่ราชการ แล้วจะเปิดเวทีพูดคุย รัฐบลไม่ต้องการการเผชิญหน้าแต่พร้อมร่วมมือหาแนวทางวางกระบวนการแก้ไขปัญหาให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยว่า ช่วงเวลาต่อไปนี้ ประชาชนทุกคนควรร่วมใจกันเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา โดยการน้อมนำพระราชดำรัส ความรู้รักสามัคคีมาปฏิบัติ เพื่อสักการะแก่ในหลวงที่รักยิ่งของเราทุกคน
ผู้นำฝ่ายค้านแถลงข่าวระบุรัฐบาลหมดความชอบธรรม ไม่มีสิทธิตั้งโต๊ะเจรจาต้องหลบไปก่อน แต่ไม่ระบุชัดเอายุบสภาหรือลาออก ย้ำมีจุดร่วมกับผู้ชุมนุมล้มล้างระบบทักษิณ แต่เป็นพรรคการเมืองจะปฏิเสธระบบไม่ได้ ส.ส.พร้อมลาออกหากถึงจุดที่เหมาะสม ย้ำหากมีการเปลี่ยนแปลงนอกรูปแบบรัฐสภาปกติ ส.ส.ปชป.จะไม่รับตำแหน่งใดๆ
28 พ.ย.2556 อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.พรรค เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองและกำหนดท่าที โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับรัฐบาลซึ่งขาดความชอบธรรม รัฐบาลยังใช้เล่ห์กลต่างๆ สกัดกั้นการแสดงออกของประชาชน หัวหน้ารัฐบาลยังไม่สำนึกต่อการกระทำผิดที่ผ่านมา นายกฯ ไม่มีสิทธิเสนอตัวเป็นเจ้าภาพหาทางออกให้ประเทศ เพราะนายกฯ เป็นศูนกลางของปัญหา ต้องหลบออกไปก่อนแล้วสังคมจะหาคำตอบให้กับประเทศได้
“ยืนยันอีกครั้งว่า การต่อสู้คู่ขนานกันนี้ กระบวนการเปลี่ยแปลงทางการเมืองใดๆ ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบในระบบรัฐสภานั้น ขอยืนยันว่า ปชป. และ ส.ส.จะไม่มีการเข้าไปรับตำแหน่งใดๆ ถ้าเป็นผลพวงจากการต่อสู้นั้น นอกเหนือจากวิธีการทางรัฐสภาปกติ เพื่อให้สบายใจว่าการต่อสู้ไม่ยอมรับรบ.ที่ไม่ชอบธรรมนั้นไม่เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจใดๆ ของพรรคการเมืองและนักการเมือง นี่คือผลสรุปของการประชุมในวันนี้” อภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ของพรรคจะมีการลาออกทั้งหมดเพื่อมาร่วมเคลื่อนไหวหรือไม่ หัวหน้าพรรคปชป.กล่าวว่า ถ้ามีเงื่อนไขหรือจังหวะเวลาที่เหมาะสม เราอาจจะพร้อมลาออก แต่วันนี้ยังเห็นว่าบทบาทของพรรคยังเคลื่อนไหวคู่ขนานได้ โดยการดำรงส.ส. ของพวกเราไม่ได้หมายถึงการยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาล การลงมติไม่ไว้วางใจของพวกเรานั้นชัดเจนอยู่แล้ว แต่สถานะ ส.ส. เป็นสถานะที่มาจากประชาชน แต่เมื่อไรก็ตามที่มีเงื่อนไขที่ทำให้การลาออกนำไปสู่ความสำเร็จของเป้าหมายที่จะล้มล้างระบอบทักษิณ ส.ส.ในพรรคได้ซักซ้อมกันแล้วว่าไม่มีใครลังเลที่จะดำเนินการเช่นนั้น
“วันนี้เราจะระดมสรรพกำลังในสังคมมาช่วยกันบอกว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรม ใครก็ตามที่ยังเชื่อว่ากฎหมายล้างผิดเป็นสิ่งเลวร้าย การปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งเลวร้าย ต้องไม่ร่วมกับรัฐบาลในการพูดคุย” อภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวกล่าวถึงคำตอบของนายกฯ ที่ระบุว่าข้อเรียกร้องเรื่องสภาประชาชนของผู้ชุมนุมนั้นขัดรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข้อเรีกร้องผู้ชุมนุมเป็นสิทธิของผู้ชุมนุมที่จะเสนอ พรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหวล้มล้างระบอบทักษิณ ปฏิเสธรัฐบาลชุดนี้นี้ และสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ จะเห็นว่ามีมีจุดร่วมกับกลุ่มผู้ชุนุมอยู่บ้าง พรรคเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนที่แสดงความกล้าหาญ มุ่งมั่น และพร้อมอำนาวยความสะดวกในการเคลื่อนไหว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากส.ส.ไม่ลาออกก็อาจไม่เป็นเนื้อเดียวกันกับผู้ชุมนุม อภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้มองจุดร่วม และไม่เห็นว่าจุดต่างจะมีปัญหา
“วันนี้ไม่มีข้อห้ามเรื่องลาออก ทุกคนมองตรงกันว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าความสำเร็จในการต่อสู้ .. แต่ หนึ่ง เราไม่ทราบว่าพัฒนาการของการชุมนุมจะเป็นอย่างไร สอง เราไม่อาจคาดเดาพฤติกรรมรัฐบาลที่ปราศจากความละอายได้ เราบอกล่วงหน้าไม่ได้” อภิสิทธิ์กล่าว รวมทั้งตอบคำถามเรื่องการชุนุมของนปช.ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ว่า ทุกคนมีสิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญโดยสันติ รัฐบาลต้องเคารพสิทธิประชาชนไม่ว่ากลุ่มไหน
“วันนี้ได้ข่าวว่ามีการทำร้ายกลุ่มต่อต้านรัฐบาลโดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปทุมธานี รัฐบาลต้องไปจัดการไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรง รัฐบาลนี้สนับสนุนการชุมนุมเสื้อแดงชัดเจน ฉะนั้นเกิดอะไรขึ้นท่านต้องรับผิดชอบ”
อภิสิทธิยังกล่าวด้วยว่า เขาเป็นผู้เสียหายจากระบอบทักษิณและในที่สุดไม่ว่าประเทศจะปฏิรูปไปอย่างไร สุดท้ายประเทศก็ต้องมีนักการเมือง พรรคการเมือง ทั้งนักการเมืองและพรรคการเมืองจะเป็นส่วนหนึ่งของประเทศหลังการปฏิรูป แต่เบื้องต้นต้องให้นายกฯ รับผิดชอบต่อประชาชนตามหลักสากลเสียก่อน
“ยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยคือ ไทยเฉย ประเมินว่าอยู่เฉยๆ พวกเคลื่อนไหวจะอ่อนแรง เกิดแรงกดดันแล้วลดความชอบธรรมไปเอง ผมไม่ทราบว่ายุทธศาสตร์ไทยเฉยจะทำให้รัฐบาลอยู่นานเท่าไร แต่มันไม่อาจลบล้างความรู้สึกของความไม่ถูกต้องได้”
“ผมมั่นใจว่าผู้เป็นแกนนำจะมีวิธีการต่อสู้ของเขา เขาเป็นอิสระจากพวกเรา แต่เป้าหมายตรงกัน .... เดี๋ยวนี้ไม่ต้องนัด เขาเห็นก็มาเดินด้วยกันหมดแล้ว แล้วไทยเฉยจะชนะเป็นไปไม่ได้ นับวันก็บริหารไม่ได้ ปกครองไม่ได้ จะเป็นอุปสรรคต่อประเทศทำไม ทำไมไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณทำผิดแล้วเปิดโอกาสให้ประเทศเดินไปข้างหน้า”
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ชุมนุมประกาศไม่เอาทั้งลาออก ไม่เอาทั้งยุบสภา แล้วพรรคประชาธิปัตย์ต้องการอะไร อภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเองเป็นพรรคกาเรมือง ถึงจะออกจาก ส.ส. ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของพรรค พรรคประชาธิปัตย์ยังดำรงอยู่ และตั้งใจดำรงอยู่เพื่อช่วยสนับสนุนสิ่งดีๆ ให้เกิดในประเทศ
“ขอยืนยันว่าพรรคจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศ ล้มล้างระบอบทักษิณ แม้รายละเอียดไม่ตรงกันทั้งหมดกับผู้ชุมนุม แต่เป้าหมายใหญ่มีร่วมกัน”
“เราก็ต้องเคลื่อนไหวกับประชาชน แต่เพียงแต่ว่าวันนี้พวกผมยังอยู่ในระบบ จุดร่วมที่เรียกร้องได้ คือรัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมแล้ว ต้องแสดงความรับผิดชอบเสียก่อน หลังจากนั้นจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ว่ากันไป”
“ผมเป็นพรรคการเมือง ผมอยู่ในระบบ จะบอกว่าไม่เอาระบบไม่ได้ นอกจากทำให้พรรคหายไป ผมทำไม่ได้ แต่ยืนยันว่าการดำรงอยอยู่ของพรรคไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศและล้มล้างระบอบทักษิณ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เราเคลื่อนไหวมาเกือบเดือนแต่รัฐบาลยังนิ่งเฉยจะทำอย่างไร อภิสิทธิ์ตอบว่า “การนิ่งเฉยของรัฐบาล สังคมก็ต้องออกมาช่วยกัน ให้รู้ไปว่าคนหน้าด้านจะเอาชนะสำนึกของสังคมได้”
“ผมอยากบอกกับประชาชนทั่วไปว่า เรื่องของบ้านเมืองมีความสลับซับซ้อน ความคิดในอุดมคติของแต่ละคนย่อมแตกต่าง แต่สิ่งที่ไม่ควรต่างคือความสำนึกความผิดชอบชั่วดี ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมแล้ว ต้องแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งชั่วร้ายที่เกิดขึ้นก่อน แล้วต่อไปค่อยสังคมจึงจะมีภูมิปัญญาในการกำหนดร่วมกันว่าจะปฏิรูปประเทศต่อไปอย่างไร”
“รัฐบาลไม่มีสิทธิเป็นเจ้าภาพเรียกร้องใคร เอาตัวปัญหาคือตัวเองออกไปก่อน ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร สื่อมวลชนเป็นเจ้าภาพเลย เอาผม เอานายกฯ เอาคุณสุเทพมา พดคุยกันในฐานะที่เท่ากัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเอานายกฯ ออก หมายถึงออกจากตำแหน่งหรือออกจากประเทศไปเลย อภิสิทธิ์กล่าวว่า ท่านมีเสรีภาพในการเดินทาง
ผู้สื่อข่าวถามว่าคนระแวงนักการเมืองมาก ประชาธิปัตย์จะพิสูจน์ตัวเองอย่างไร อภิสิทธิ์ตอบว่า เราปฏิรูปโครงสร้างพรรค เชิญชวนคนมีแนวคิดปฏิรูปมาร่วม เพื่อผูกมัดพรรคให้เดินไปสู่การปฏิรูปประทศ แต่กระแสการปฏิรูปประเทศจะสำเร็จได้ ยิ่งมีภาคส่วนร่วมมากเท่าไรยิ่งดี พรรคการเมืองเป็นภาคส่วนหนึ่ง มีพรรคอย่างน้อยหนึ่งพรรคที่สนับสนุนกระบวนการปฏิรูป โดยจะไม่ครอบงำ แทรกแซง ขบวนการประชาชนแต่สนับนสนุนให้เป็นวาระแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประเมินว่าแม้มีการยุบสภา ปชป.ก็แพ้การเลือกตั้ง ไม่อาจนำสู่การปฏิรูปได้ อภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีใครบอกได้ว่ายุบสภาเมื่อไร การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่ผมเป็นพรรคต้องเคารพกระบวนการที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง ถ้าปชป.ชนะก็จะเป็นรัฐบาลที่มีวาระการปฏิรูปประเทศ หากแพ้การเลือกตั้งก็เป็นฝ่ายค้าน แต่คนชนะก็ไม่มีสิทธิทำชั่ว ทำเลวอย่างที่ผ่านมา เพราะจะเจอปัญหานี้อีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าระยะเวลาที่ยิ่งนานผู้ชุมนุมจะยิ่งถูกทำลายความชอบธรรมหรือไม่ อภิสิทธิกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าเวลาอยู่ข้างคนดี ไม่ใช่คนเลว”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น