วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ศอ.รส.เล็งขอหมายจับผู้บริหารบลูสกาย ข้อหาสนับสนุนกบฏ

ศอ.รส.เล็งขอหมายจับผู้บริหารบลูสกาย ข้อหาสนับสนุนกบฏ
              ศอ.รส. เล็งขอหมายจับผู้บริหารบลูสกาย ข้อหาสนับสนุนการก่อกบฏ ยันไม่ปิดกั้นการออกอากาศ ด้าน กทม.-ผู้ว่าฯ อาจโดนด้วย ผอ.บลูสกาย ยันทำหน้าที่สื่อ รายงานความเคลื่อนไหวประชาชน พร้อมต่อสู้ตามกฎหมาย
              5 ธ.ค.2556 ที่ ศอ.รส. สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ กำกับดูแล ศอ.รส. แถลงว่า นัดประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ หลังจากนายกฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์จัดทำแผนและประสานงาน มีตนเองเป็นประธาน มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ และ จารุพงศ์ เรืองสุวรณ รมว.มหาดไทย เป็นรองประธาน นอกจากนี้จะมีคณะกรรมการด้านกฎหมาย มี รมว.ยุติธรรมเป็นประธาน คณะกรรมการดูแลประชาชน มี รมว.มหาดไทยเป็นประธาน และคณะกรรมการด้านข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศ มี  รมว.ไอซีทีเป็นประธาน
              สุรพงษ์กล่าวอีกว่า การประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ มีข้อสรุปหลายประเด็น การดำเนินการของคณะทำงานที่ปฏิบัติงานตั้งแต่ในตอนนี้ ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก อย่างกรณี สุเทพเป็นผู้ต้องหากบฏ ดังนั้นผู้สนับสนุนสุเทพ จะถือว่าเป็นผู้ที่สนับสนุนผู้ที่เป็นกบฏ ต้องมีความผิดแน่นอนตาม ม.114 ต้องใช้ข้อกฎมายให้ชัดเจน ซึ่งได้กำชับ ผบ.ตร.ออกหมายจับผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งทางดีเอสไอและ ผบ.ตร.คงทยอยออกหมายจับต่อไป
             ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมผู้สนับสนุนรายใดบ้าง สุรพงษ์กล่าวว่า จากการหารือรายแรก คือ สถานีบลูสกาย แต่ไม่ใช่เป็นการปิดสถานี เพียงแต่ผู้บริหารบลูสกายนั้นชัดเจนว่าให้ความสนับสนุนนายสุเทพ ผิด ม.114 ดังนั้นบลูสกายจะต้องเจอหมายศาลอย่างแน่นอน ส่วนจะมีรายอื่นเข้ามาด้วยหรือไม่ คงต้องรอ จะมีการออกหมายจับเป็นระยะๆ โดยจะเน้นที่แกนนำก่อน สำหรับผู้ชุมนุมจะยังไม่พิจารณาว่าผิดหรือไม่ผิด แต่จะเริ่มทยอยออกหมายจับ และเมื่อเราออกหมายศาลแล้วมามอบตัวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มามอบตัวเมื่อทุกอย่างจบก็คงต้องติดคุกหัวโต เพราะคดีดังกล่าวมีโทษจำคุก 3-15 ปี ต่างกรรมต่างวาระกันไป
               ต่อข้อถามว่านอกจากบลูสกาย ยังมีหน่วยงานอื่นที่จะออกหมายจับอีกหรือไม่ สุรพงษ์ กล่าวว่า มีแน่นอน เพราะกำชับดีเอสไอไปแล้ว จะออกหมายจับทั้งบริษัทและห้างร้านที่ให้การสนับสนุน เพียงแต่วันนี้เน้นบลูสกายเพราะชัดเจน
           “นอกจากนี้ในส่วนของ กทม.ที่ให้การสนับสนุนกบฏ ถือว่าผิด ม.114 เช่นกัน อย่างเช่นนำส้วมไปให้ใช้ หรือรถน้ำไปให้ก็มีความผิด กทม.ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย วันนี้ได้กำชับกระทรวงมหาดไทยแล้ว ให้ดำเนินการแจ้งเตือนไปก่อน เพราะหลักฐานที่มีอยู่ชัดเจนว่าให้ความช่วยเหลือกบฏ ต้องถูกจับกุมทั้งหมด ซึ่งไม่คิดว่าจะเพิ่มความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะเราว่ากันตามกฎหมาย แม้แต่ตัวผู้ว่าฯ กทม.ถ้ามีความผิดชัดเจนก็ต้องถูกดำเนินการเช่นกัน” รองนายกฯกล่าว
           เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะออกหมายศาลเพื่อจับกุมผู้ว่าฯ หากมีหลักฐานชัดเจนอย่างนั้นหรือ สุรพงษ์กล่าวว่า แน่นอน เพราะเรารู้ว่ามีการสนับสนุนก็ต้องโดนแน่ๆ ใครทำผิดก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจะทำในทุกๆ แนวทาง โดยเราจะไม่ปล่อยคนทำผิดกฎหมาย ซึ่ง รมว.ยุติธรรมจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
 ผอ.บลูสกายลั่นทำหน้าที่สื่อตาม กม.
             ขณะ เถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์บลูสกาย ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ต่อกรณีดังกล่าวว่า การทำหน้าที่ของบลูสกายเป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยรายงานเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม หาก ศอ.รส.จะดำเนินการเอาผิด ก็ขอให้ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมตามกรอบกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลต้องใช้อำนาจไต่สวนข้อกล่าวหา โดยทางสถานีก็พร้อมให้ความร่วมมือชี้แจงต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
            ทั้งนี้ เถกิงระบุด้วยว่า แทนการตรวจสอบในประเด็นนี้ ควรตรวจสอบประเด็นที่สถานีบลูสกายถูกรบกวนสัญญาณมากกว่าว่าเป็นการดำเนินการจากฝ่ายใด พร้อมเตือนว่า ที่ผ่านมา มีความพยายามปิดสถานีบลูสกาย ซึ่งหากวันใดสถานีเกิดจอดำขึ้นมา มวลชนที่เคยติดตามสถานการณ์ผ่านโทรทัศน์จะออกมาร่วมชุมนุมเพื่อดูเหตุการณ์ด้วยตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น