วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557

สุเทพสุดเหิมเกริม! ประกาศจะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทูลเกล้าชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นทูลเกล้า และลงนามรับสนองพระบรมราชโองการด้วยตนเอง


สุเทพสุดเหิมเกริม! ประกาศจะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทูลเกล้าชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นทูลเกล้า และลงนามรับสนองพระบรมราชโองการด้วยตนเอง


5 เม.ย. 57 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวสรุปผลการประชุมแกนนำ กปปส. ทั่วประเทศครั้งแรก ว่า การประชุมครั้งนี้พบว่ามีเครือข่ายประมาณ 1,800 กลุ่ม มาร่วม ดังนั้นหลังจากนี้ขอให้แกนนำเครือข่าย ไปทำทะเบียนสมาชิกให้พร้อม หากตนเป่านกหวีด เรียกระดมพลเมื่อใดขอให้เข้ามาร่วมการเคลื่อนไหว ทั้งนี้ขอให้เลือก สมาชิกเครือข่ายที่มีสุขภาพดีมาร่วม ส่วนมวลชน กปปส.ที่ไม่สามารถร่วมเคลื่อนไหวใน กทม.ได้ขอให้ส่งเสบียงมาให้แทน การเรียกระดมพลที่กำลังจะมาถึง ขอให้เตรียมความพร้อมให้ดี เพราะจะต่อสู้ยืดยาวประมาณ 15 วัน เพื่อมายึดอำนาจให้เป็นของประชาชน ขอให้ทุกเครือข่ายเตรียมความพร้อม รอฟังตนประกาศวันเผด็จศึกที่จะต่อสู้ให้หนักกว่าเดิม และให้รู้แพ้ รู้ชนะกันไปเลย เบื้องต้นเชื่อว่าจะมีกลุ่มคนที่ไม่ยอมรับ นับจากวันที่ 5 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ให้ถือว่าการออกมาต่อสู้รอบต่อไป คือการต่อสู้ยกสุดท้าย


ส่วนวันเผด็จศึก จะขึ้นอยู่กับ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้น เมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลเรื่องดังกล่าววันใดจะถือเป็นวันนัดหมาย แต่จะถือเป็นวันเผด็จศึก หรือไม่ต้องรอการตัดสินใจของตนอีกครั้ง เพราะตามกฎหมาย หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกชี้มูลความผิด ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่และเข้าสู่กระบวนการถอดถอนโดยที่ประชุมวุฒิสภา และกรณีที่ 2 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นสถานะภาพความเป็นนายกฯ เพราะใช้อำนาจโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. มิชอบ ตามที่กลุ่ม สว.ยื่นเรื่องให้วินิจฉัย ขอให้มวลชน กปปส. เคลื่อนออกมาจากบ้าน มายังจุดหมายที่ตนเตรียมประกาศให้ทราบ เพื่อไม่ให้มีกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลออกมาชุมนุมปกป้องรัฐบาล และไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ


"มาคราวนี้จะมายึดอำนาจประเทศไทยเลย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เพราะรัฐบาลได้ประกาศระเบิดตัวเองทิ้งไปตั้งแต่การประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 แล้ว ดังนั้นเรามีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของประชาชน เหมือนกับสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ปฏิวัติแล้วจะมีการออกคำสั่ง รอบนั้นได้ออกคำสั่งเอาคนไปยิงเป้า หากเราใจร้ายสั่งยิงเป้าไอ้คางคกสักตัวก็ได้ แต่เราจะไม่ทำ แต่จะจับใส่คุก ทั้งนี้ยืนยันว่าเมื่อประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว คนที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์มีคำสั่งที่ถือว่าเป็นกฎหมาย เราจะสั่งยึดทรัพย์ตระกูลชินวัตรทั้งหมด แล้วให้ไปพิสูจน์เอาเองว่าทรัยพ์ส่วนใดที่ที่หามาได้ด้วยความสุจริต ส่วนเหตุผลที่เราต้องเร่งยึดทรัพย์เพราะต้องเอาเงินมาช่วยชาวนา จำนวน 1.2 แสนล้านนบาท จากนั้นจะออกคำสั่งห้ามคนตระกูลชินวัตร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง , นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ห้ามออกนอกประเทศ และให้มารายงานตัว"
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า จากนั้นจะออกคำสั่งแต่งตั้ง นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของประชาชน และตนจะนำรายชื่อนายกฯ และ ครม. กราบบังคมทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ โดยตนจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ฐานะเป็นร่างทรงของประชาชน จากนั้นจะตั้งสภานิติบัญญัติของประชาชน และรีบปฏิรูปประเทศตามพิมพ์เขียวที่ได้มีการระดมความคิดไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อดำเนินการปฏิรูป แก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามกระบวนการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบที่แท้จริง


"เมื่อทำเสร็จผม และเครือข่าย กปปส.จะกลับบ้าน ไปใช้ชีวิตแบบสามัญชน แต่จะเก็บนกหวีดไว้ หากวันใดที่รัฐบาลหรือสภาฯ ที่เราแต่งตั้งไม่ทำตามที่ประชาชนกำหนด หรือไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็ตามทรยศกับประชาชน เราจะออกมาใหม่ ทั้งนี้ยืนยันว่า กปปส.ไม่ตั้งพรรคการเมือง แต่หากเครือจ่ายจะไปเป็นนักการเมืองสามารถทำได้ แต่อย่านำชื่อ กปปส.ไปอ้าง เพราะพวกเราเป็นสมาคมนกหวีด ไม่ใช่พรรคการเมือง ทั้งนี้เราเป็นผู้เฝ้าระวังรักษาผลประโยชน์ชาติและแผ่นดินเท่านั้น"


นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การต่อสู้รอบที่จะถึงนี้ ขอให้มวลชนออกมาร่วมกันในหลักล้านคน และจะเอาจริง หากแพ้พวกเราก็เข้าคุกกันทั้งหมด แต่เชื่อว่าไม่มีคุกไหน ขังพวกเราได้ทั้งหมด ทั้งนี้ตนขอยืมคำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มาใช้ คือ ออกมาคราวนี้จะไม่กลับ ดังนั้นการเป่านกหวีดรอบนี้เป็นการเป่ารอบสุดท้าย และออกมาแบบสู้ไม่หยุดตลอด 15 วัน เราจะไม่กลับบ้านมือเปล่า ตนเรียกร้องให้ข้าราชการตัดสินใจออกมาต่อสู้กับ กปปส. ถ้าข้าราชการไม่เอาด้วยกับประชาชน ตนจะเดินไปมอบตัว ทั้งนี้ตนขอมติให้ที่ประชุมเปิดสถานที่ราชการทุกกระทรวง และทบวงกรม ยกเว้นทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.นี้ ให้กลับไปทำงานและใช้ชีวิตตามปกติ แต่มีเงื่อนไขว่า จะไม่รับคำสั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยกเว้นงานบริการประชาชนและร่วมปฏิรูปประเทศไทยกับกปปส. ด้วยการแสดงสัญลักษณ์ คือติดป้ายเป็นแนวร่วมกปปส.



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสุเทพ กล่าวปราศรัยตอนที่เรียกร้องให้ข้าราชการออกมาร่วมต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้น ดวงตานายสุเทพมีน้ำตาไหลเอ่อ และหลั่งออกมาในที่สุด นอกจากนั้นผลการประชุมและข้อสรุปตามที่นายสุเทพ ระบุได้รับการตอบรับจากแกนนำกปปส. ที่ร่วมประชุมด้วยการเป่านกหวีดและร้องไชโย จำนวน 3 ครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น