วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ทหารสั่งหยุด ขบวนเดินเพื่อสายน้ำของชาวบ้านลุ่มน้ำชี


ทหารอ้างกฏอัยการศึกสั่งหยุดเดิน เพื่อศึกษาเรียนรู้และศึกษาเส้นทางน้ำ ของขบวนเดินเพื่อสายน้ำของชาวบ้านลุ่มน้ำชี สั่งให้นั่งรถไปแทน และห้ามชูป้ายผ้ากับธงที่เป็นสัญลักษณ์ในการเดินเพื่อสายน้ำระหว่างทาง
 25 ธ.ค. 2557  เมื่อเวลา 08.00 น. ที่วัดธรรมวิเวก (วัดดงหัวชี) ต.ขุมเงิน อ.เมือง จ.ยโสธร ขบวนเดินเพื่อสายน้ำของชาวบ้านลุ่มน้ำชี ตอนล่าง จ.ยโสธร ประมาณ 30 กว่าคน ได้ร่วมกันทำบุญตักรบาตรแก่พระสงฆ์ และร่วมกันรับประทานอาหารเช้า ก่อนออกเดินเพื่อสายน้ำต่อในวันที่สอง เพื่อศึกษาเส้นทางน้ำให้เสร็จตามที่ได้กำหนดเป้าหมายไว้ หลังจากเมื่อวานเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อศึกษาเรียนรู้และศึกษาเส้นทางน้ำกุดนางช่วย ปากร่องบ่อ  ฝายท่ากุ่ม ฯลฯ เพราะทางคณะอยากเห็นปัญหาการจัดการน้ำด้วยตนเองเพื่อจัดทำข้อเสนอทางเลือกในการจัดการระบบน้ำตามวิถีชาวบ้าน
จนกระทั่งเวลา 09.30 น. ได้มีทหารจากกรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา 2 คันรถ ประมาณ  8 นาย ปลัดป้องกันจังหวัดยโสธร และตำรวจ ได้เข้ามาถามหาแกนนำชาวบ้านและได้เกิดการเจรจากันโดยทางทหารเสนอว่าให้หยุดการเดินเพื่อสายน้ำต่อเพราะการกระทำผิดต่อกฎอัยการศึก และทางหน่วยงานราชการจังหวัดก็ขอให้ทางคณะหยุดเดินโดยอ้างว่าบ้านเมืองอยู่ในช่วงเหตุการณ์ไม่ปกติ ซึ่งการเจรจานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่าสามารถให้คณะเดินเพื่อสายน้ำนั่งรถไปสำรวจเส้นทางน้ำต่อ แต่ให้ชาวบ้านใช้รถได้เพียง 1 คัน และทหารห้ามชูป้ายผ้ากับธงที่เป็นสัญลักษณ์ในการเดินเพื่อสายน้ำครั้งนี้ด้วย
นิมิต หาระพันธ์ ผู้ประสานงานขบวนเดินเพื่อสายน้ำ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ขบวนเดินเพื่อสายน้ำต้องหยุดชะงัก และไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบที่วางไว้ ซึ่งตามกำหนดเดิมขบวนชาวบ้านจะเดินลัดเลาะตามเส้นทางน้ำ และทุ่งนา เหมือนเช่นเมื่อวานที่เราเดินมา แต่ในวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาให้หยุดกิจกรรมการเดินเพื่อสายน้ำ ทำให้ชาวบ้านเดินได้วันเดียว ถึงแม้ว่าจะมีการเจรจาต่อรองขอเดินต่อตามกุด ห้วย ตลอดจนการลัดเลาะตามทุ่งนา ซึ่งไม่ใช่เส้นทางหลัก แต่ทางเจ้าหน้าที่ทหารก็ไม่ให้เดิน โดยอ้างว่าช่วงนี้เป็นกฎอัยการศึก และการดำเนินกิจกรรมของชาวบ้านก็ไม่ได้ทำหนังสือขอ หากว่าชาวบ้านขืนจะเดินต่อก็จะขอเชิญตัวแกนนำเข้าไปจังหวัดเพื่อพบผู้ว่าราชการยโสธร  แกนนำจึงได้เจรจาต่อรองอีกเพื่อให้กิจกรรมสามารถดำเนินต่อไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นั้นก็คือถ้าทหารไม่ให้ชาวบ้านเดินก็จะเปลี่ยนรูปแบบจากเดินเป็นนั่งรถแทน ซึ่งทหารเขาก็ตกลง แต่ทหารและหน่วยงานราชการจะไปด้วยพร้อมมีเงื่อนไขว่าให้ชาวบ้านนำรถไป 1 คัน ห้ามชูป้ายผ้าและธงที่เป็นสัญลักษณ์ในการไปเที่ยวนี้ด้วย
"ที่จริงการเดินเพื่อสายน้ำในครั้งนี้พวกเรามีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ระบบนิเวศที่ถูกโครงการพัฒนาแหล่งน้ำกระทำจนทำให้เส้นทางน้ำเปลี่ยนทิศทาง เพราะพวกเราได้ยื่นหนังสือไปในระดับจังหวัดหลายครั้งแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่เห็นจะให้ความสำคัญ หรือจริงใจในการแก้ไขปัญหา การเดินของพวกเราก็ไม่ได้ไปก่อความวุ่นวายให้กับใครเพราะพวกเรามีเจตนาที่จะเรียนรู้และศึกษาเส้นทางน้ำจริงๆ เพื่อจะได้จัดทำข้อเสนอหรือทางเลือกในการจัดการน้ำ"
สิริศักดิ์ สะดวก ผู้ประสานงานศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรชุมชนลุ่มน้ำชี กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเนื่องจากการเดินเพื่อสายน้ำในครั้งนี้แทนที่ทหารหรือหน่วยงานราชการจะให้ความร่วมมือในการเดินด้วยกัน เพื่อให้เห็นระบบนิเวศ ทิศทางการไหลของน้ำที่เปลี่ยนไป และปัญหาการจัดการน้ำที่ผ่านมาของรัฐ ตลอดจนนำข้อมูลการศึกษาไปแก้ไขปัญหาร่วมกัน กลับสั่งให้ชาวบ้านหยุดการเดิน ทั้งๆ ที่ผ่านมาขบวนเดินเท้าเพื่อสายน้ำก็ไม่ได้ใช้เส้นทางหลักในการเดินแต่เป็นเส้นทางเดินตามลำกุด ลำห้วย ป่าทาม ตลอดจนการลัดเลาะตามทุ่งนา การกระทำของเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจควรจะให้ความร่วมมือกับเจตจำนงของชาวบ้าน และสนใจแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของชาวบ้านมากกว่า เพื่อทำให้ชาวบ้านไว้ใจการทำงานของรัฐ เพราะเรื่องการจัดการน้ำเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจะต้องลงพื้นที่ศึกษาจริงและเรียนรู้ระบบน้ำทั้ง 2 ช่วงคือฤดูน้ำหลากกับฤดูน้ำแล้งเป็นการใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก จึงจะทำให้การกำหนดรูปแบบการจัดการน้ำออกมาในทิศทางที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เพื่อไม่ให้บางหน่วยงานนำงบประมาณมาละลายน้ำโดยไม่เกิดประโยชน์และไม่ตอบสนองความต้องการของชาวบ้าน แต่อย่างไรก็ตามวันนี้ขบวนเดินเพื่อสายน้ำก็บรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ถึงแม้รูปแบบจะเปลี่ยนแปลงจากการที่ทหารสั่งห้ามเดิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น