วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ฎีกาลดโทษจากจำคุก ‘33ปี12เดือน’ เหลือ ‘2ปี16เดือน’ พันธมิตรฯ ขับกระบะชนตร.


20 พ.ค.2558 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ คุมตัวนายปรีชา ตรีจรูญ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มายังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ กลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภา และทำเนียบเพื่อสลายการชุมนุม

โดยนายปรีชา ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวจึงทำให้สูญเสียลูกตาด้านขวาด้วยบันดานโทสะจึงได้ขับรถยนต์กระบะพุ่งชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายซึ่งปฏิบัติหน้าที่บริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลย มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่จำเลย กระทำไปโดยมีเหตุบันดาลโทสะ ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำเลยก็ได้รับอันตรายสาหัสตาบอด โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้ สั่งจำคุกตลอดชีวิต รวมทั้งความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง สั่งจำคุก 1 ปี แต่การนำสืบของจำเลย มีประโยชน์ต่อรูปคดี มีเหตุบรรเทาโทษคงจำคุกเหลือ 33 ปี 12 เดือน (อ่านรายละเอียด)
ล่าสุดในวันนี้(20 พ.ค.58) ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพฤติกรรมแสดงออกยั่วยุกลุ่มผู้ชุมนุมถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบลุแก้อำนาจ ซึ่งนายปรีชา ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสสูญเสียลูกตาข้างขวา และถูกข่มเหงร้ายแรงย่อมเป็นเหตุให้เกิดบันดาลโทสะกระทำผิดต่อผู้เสียหายที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 นาย โดยศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยบางประเด็นจึงพิพากษาแก้ให้จำคุกนายปรีชา 4 ปี ฐานพยายามฆ่าเจ้าหนักงานแต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน และให้จำคุกในความผิดฐานมั่วสุ่ม อีก 8 เดือน รวมเป็น 2 ปี 16 เดือน
เดลินิวส์ รายานด้วยว่าภายหลังคำพิพากษา รัศมี ไวยเนตร ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้จำเลยติดคุกมาแล้ว 2 ปี 5 เดือน ตั้งแต่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำคุก 33 ปีโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งตนเห็นว่า จำเลยได้รับโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่า 2 ใน 3 จึงจะขอพักโทษตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ต่อไป ทั้งนี้ยอมรับคำพิพากษาของศาลและยืนยันว่า เป็นการชุมนุมของประชาชนเป็นไปตามกฎหมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น