วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

นักโบราณคดีอัฟกานิสถาน รณรงค์ป้อง 'เมสไอนัค' พุทธโบราณสถานจากบรรษัทเหมืองแร่จีน


'เมสไอนัค' (Mek Aynak) โบราณสถานสำคัญที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่ในอัฟกานิสถานกำลังอาจจะถูกทำลายโดยบรรษัทเหมืองแร่จากจีนที่ต้องการขุดเหมืองทองแดงในพื้นที่ ทำให้กลุ่มนักโบราณคดีอัฟกานิสถานชื่อ Saving Mek Aynak พยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้โบราณสถานนี้ถูกทำลาย

4 พ.ค. 2558 เว็บไซต์ 'เอนเชียนออริจิน' (Ancient Origins) ซึ่งเป็นเว็บนำเสนอเรื่องราวโบราณคดีระบุว่า 'เมสไอนัค' (Mek Aynak) โบราณสถานซึ่งเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญชิ้นหนึ่งของโลกที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่ในประเทศอัฟกานิสถานกำลังจะถูกบริษัทเหมืองแร่ของจีนรื้อทำลายเพื่อทำเหมืองแร่ทองแดงซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ก็มีกลุ่มนักโบราณคดีในอัฟกานิสถานพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องโบราณสถานแห่งนี้
'เมสไอนัค' ตั้งอยู่ในจังหวัดโลการ์ ท่ามกลางเทือกเขาฮินดูกูชซึ่งเป็นเส้นทางสายไหมเชื่อมต่อระหว่างจีนกับแถบเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวันออก เอนเชียนออริจินระบุว่าพื้นที่นี้เคยเป็นแหล่งที่ตั้งของคนหลายเชื้อชาติศาสนาทั้งฮินดู มุสลิม ยิว ผู้นับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์รวมถึงชาวพุทธ ทั้งนี้ยังมีพุทธศาสนสถานโบราณจำนวนมากจนถือเป็นแหล่งเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมระหว่างเอเชียกับเมดิเตอร์เรเนียน
แม้จะมีการประเมินตัวเลขโบราณวัตถุที่สำคัญทางศาสนาจำนวนมาก แต่นักโบราณคดีก็ยังขุดค้นได้ไม่มากนักโดยพวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่ค้นพบในปัจจุบันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของเมืองโบราณ กลุ่มนักโบราณคดีผู้ต้องการรักษาเมสไอนัค (Saving Mes Aynak) ระบุว่าในอนาคตพื้นที่นี้อาจจะมีส่วนสำคัญในการตีความประวัติศาสตร์ใหม่ในแง่ของทั้งประวัติศาสตร์ประเทศอัฟกานิสถานและประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาเอง
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญแห่งนี้แม้จะถูกพบตั้งแต่ปี 2507 แต่เหตุการณ์แย่งชิงอำนาจทางการเมืองหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถานทำให้ไม่มีโครงการขุดค้นจนกระทั่งถึงปี 2547 มีนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสไปเยือนแล้วพบว่าแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ถูกปล้นชิงไปเยอะมาก โดยพื้นที่แห่งนี้ยังอยู่ในเมืองที่มีชายแดนติดกับเมืองในปากีสถานที่ถูกครอบครองโดยกลุ่มตอลีบันและมักจะถูกใช้เป็นทางผ่านของกลุ่มติดอาวุธ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ได้มาจากกลุ่มติดอาวุธแต่มาจากบรรษัทกลุ่มโลหการจีน (China Metallurgical Group Corporation) ที่ต้องการขุดหาแร่โดยต้องทำลายแหล่งโบราณสถานและหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง 6 หมู่บ้านถึงจะปฏิบัติการได้ นอกจากนี้บรรษัทจีนยังมีแผนการขุดแร่ด้วยวิธีการถูกๆ อย่างการทำเหมืองแบบขุดหลุมเปิด (Open-Pit mining) ซึ่งจะเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย
ทั้งนี้ยังมีเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นในการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลอัฟกานิสถานกับบรรษัทเหมืองแร่ซึ่งรัฐมนตรีอัฟกานิสถานคนหนึ่งรับเงินสินบน 30 ล้านดอลลาร์จากบรรษัทเหมืองแร่จีน ซึ่งหลังจากถูกเปิดโปงรัฐมนตรีรายดังกล่าวนี้ก็ลาออกภายในเวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตามมีกลุ่มนักโบราณคดีอัฟกานิสถานและผู้สร้างภาพยนตร์ชาวสหรัฐฯ ร่วมมือกันเคลื่อนไหวให้เกิดแรงกดดันจากนานาชาติเพื่อให้มีการเลื่อนเวลาขุดเหมืองแร่ออกไปโดยให้มีการเก็บอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่ไว้เสียก่อน
ทีมรักษาเมสไอนัคยังจัดโครงการระดมทุนจากมวลชน (crownfunding) ผ่านเว็บไซต์ Indiegogo อีกทั้งยังมีการล่ารายชื่อจากเว็บไซต์ change.org เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโมฮัมหมัด อัสซราฟ กานี คุ้มครองพื้นที่จากการถูกทำลายโดยการเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
ทีมรักษาเมสไอนัคระบุว่า เหล่านักโบราณคดีในอัฟกานิสถานต้องต่อสู้กับทั้งกลุ่มตอลีบาน การเมืองภายใน และบรรษัทจีนเพื่อช่วยเหลือไม่ให้มรดกทางวัฒนธรรมถูกลบเลือน และยังไม่สายเกินไปที่จะร่วมกันรักษามรดกอย่างเมสไอนัคไว้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น