วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จับตาพิพากษา 10 จำเลยคดี ‘เครือข่ายบรรพต’พรุ่งนี้ อีกส่วนแยกฟ้อง 29 กรรม


 วันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.2557) เวลา 8.30 น.จะมีการพิพากษาคดีใหญ่ในศาลทหาร นั่นคือ คดีเครือข่ายบรรพต
จำเลยในคดีนี้มี 14 คนรับสารภาพและจะฟังคำพิพากษาพรุ่งนี้ 10 คน ส่วนอีก 2 คนขอต่อสู้คดี นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ถูกแยกฟ้องต่างหากอีก 2 คน คือ ธารา อาชีพขายสมนุไพร โดนฟ้อง 6 กรรม และอัญชัญ ข้าราชการซี 8 โดนฟ้อง 29 กรรม
ในวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลนัดสอบคำให้การคดีนี้ จำเลยทั้ง 12 คนถูกนำตัวจากเรือนจำมายังศาล ในจำนวนนี้รวมถึงบรรพตและภรรยาด้วย ญาติมิตรของทั้ง 12 คนทำให้ห้องพิจารณาคดีในศาลทหารที่เล็กอยู่แล้วยิ่งคับแคบไปถนัดตา ลูกเล็กเด็กแดงได้เข้าไปเจอพ่อและแม่ของเขาซึ่งมาศาลในชุดผู้ต้องขังด้วย
อัยการยื่นขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับ แต่ทนายคัดค้านว่าเป็นเพียงนัดสอบคำให้การและโดยหลักการแล้วการพิจารณาคดีควรเป็นไปอย่างเปิดเผย ท้ายที่สุดศาลอนุญาตให้ญาติและทนายสามารถเข้าฟังได้
คำแถลงประกอบการรับสารภาพของจำเลยทั้งสิบระบุว่าพวกเขายอมรับว่ากระทำผิดจริงแต่ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อัยการค้านว่า การระบุว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์นับเป็นการต่อสู้คดี ไม่ใช่การรับสารภาพ อย่างไรก็ตามศาลเห็นว่าการแถลงเช่นนั้นเป็นการรับสารภาพแต่เพียงจำเลยหยิบยกเหตุผลขอให้ศาลบรรเทาโทษ
จำเลย 10 คน รับสารภาพในคดีนี้ แต่อีก 2 คน คือ เงินคูณ จำเลยที่ 3 และ ศิวาพร จำเลยที่ 4 ขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในส่วนของ 10 คนในวันที่ 14  ก.ค.นี้  ขณะที่ให้เวลา 15 วันเพื่อให้อัยการจำหน่วยคดีเก่าและยื่นคำฟ้องใหม่สำหรับอีก 2 คนที่ต่อสู้คดี

ความเป็นมาก่อนพิพากษา

จำเลยทั้ง 14 คน ถูกจับกุมไล่เลี่ยกันในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2558 ทั้งหมดถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร 3-5 วันโดยไม่ได้ติดต่อญาติและทนาย (มีบางรายระบุว่าถูกปิดตา คุลมหัวระหว่างสอบสวน) ก่อนจะถูกส่งตัวให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งหมดอยู่ในเรือนจำมาจนปัจจุบันกว่าครึ่งปี หลายรายพยายามยื่นประกันตัวหลายครั้งแต่ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรงและเกรงจะหลบหนี
จากการรวบรวมข้อมูลของทีมข่าวยุติธรรม ผ่านการพูดคุยกับทนาย ตัวจำเลย และญาติจำเลย สรุปได้ดังนี้
บรรพตผลิตคลิปราว 400 คลิปมาตั้งแต่ราวปี 2552 มีแฟนคลับชื่นชอบจำนวนไม่น้อย ภายหลังโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมก็มีการรวมกลุ่มกันตั้งเพจ ‘ความจริงเข้าใจง่ายเมื่อค้นพบ’ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารการเมืองรวมถึงคลิปเสียงรายการของบรรพต ซึ่งมีเนื้อหาหลักสองส่วนคือ การวิเคราะห์การเมืองและเรื่องอายุรเวชศาสตร์
คลิปเสียงบรรพตถูกเผยแพร่ในเว็บฝากไฟล์อย่าง mediafire , Youtube และในเพจเฟซบุ๊ก และสมาชิกก็จะทำการแชร์ไปยังบัญชีของตนเอง
ก่อนบรรพตจะโดนจับเหล่าแฟนคลับโดนจับก่อนหลายคน มีหลากหลายอาชีพ วัย และเพศ ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์รับจ้างจนถึงที่ปรึกษาบริษัทต่างชาติที่มีเงินเดือนหลายแสนบาท พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้จักบรรพตตัวจริง หากแต่ชอบฟังรายการและจัดตั้งกลุ่มกันเองตามธรรมชาติ พวกเขาไม่รู้จักกันเองทั้งหมด รู้จักเพียงบางคนและนัดกันกินข้าวเพียงไม่กี่ครั้ง นอกเหนือจากบรรพต ภรรยาคนปัจจุบันของเขาก็ถูกจับกุมและฟ้องในคดีนี้ด้วย
พฤติการณ์ของบรรดาแฟนคลับไม่ได้เขียนข้อความใดนอกจากนำคลิปเสียงบรรพตไปแชร์ในเฟซบุ๊ก หรืออัพโหลดขึ้นยูทูป ยกเว้น อัญชัน ข้าราชการซี 8 ที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้จัดการด้านการเงินในการขายเสื้อ รับเงินบริจาคระดมทุนให้กับเครือข่าย ทนายความของเธอระบุว่า เธอถูกฟ้องจากการแชร์ลิงก์ไฟล์เสียงบรรพตทั้งสิ้น 29 กรรม ขณะที่ธาราอายุ 57 ปี มีอาชีพเป็นแพทย์แผนโบราณ ถูกกล่าวหาว่าตั้งเว็บไซต์ OKTHAI.com เป็นเว็บข้อมูลการท่องเที่ยวในไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษ  แต่มุมเล็กๆ ด้านบนของเว็บมีการวางลิงก์รายการบรรพตตอนล่าสุด จึงถูกฟ้อง 6 กรรม เขาถูกล่อซื้อให้นำสินค้าสุขภาพมาส่งให้ที่อนุเสาวรีย์ชัยแล้วจึงถูกจับกุม
ต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า ทั้งสองคนนี้ถูกฟ้องหลายกรรมมากกว่าบรรพตผู้ผลิตคลิปเองเสียอีก และทั้งสองคดีนี้ทำคดีโดยดีเอสไอ ต่างจากคดีของกองปราบฯ ซึ่งรวบทั้งหมดเป็น 1 คดีและฟ้องเพียง 1 กรรม  
รายละเอียดของจำเลยคนอื่นๆ ก็น่าสนใจมาก และสามารถอ่านได้ใน  รายงาน: แฉ 16 ราย ‘เครือข่ายบรรพต’ จากกดแชร์คลิปสู่เรือนจำและศาลทหาร

รายละเอียดคดี

จำเลยทั้ง 10 คน  ประกอบด้วย
  • ดำรงค์ จำเลยที่ 1  อายุ 65 ปี ถูกกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเพจ Banpodj Thailand Clips
  • ไพศิษฐ์ จำเลยที่ 2  อายุ 46 ปี ตาเสียข้างหนึ่ง อาชีพเปิดร้านขายสี
  • เงินคูณ จำเลยที่ 3 (สู้คดี)  อายุ 43 ปี อาชีพทำธุรกิจขายสแตนเลส และหมอดู
  • ศิวาพร จำเลยที่ 4  (สู้คดี)  อายุ 41 ปี อาชีพแม่บ้าน
  • นที จำเลยที่ 5  อายุ 48 ปี อาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
  • สายฝน จำเลยที่ 6  อายุประมาณ 50 ปี ภรรยาบรรพต อาชีพนักงานธนาคาร
  • หัสดิน (หรือบรรพต) จำเลยที่ 7   อายุ 64 ปี เคยทำธุรกิจ แต่ขณะถูกจับไม่ได้ประกอบอาชีพ
  • กรณ์รัฏฐ์ จำเลยที่ 8  อายุประมาณ 50 ปี ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างชาติ เป็นสมาชิกเพจ ความจริงเข้าใจง่ายเมื่อคนพบ
  • ทิพย์รชยา จำเลยที่ 9 อายุ 44 ปี อาชีพฝ่ายบัญชีของบริษัทเอกชน
  • นงนุช จำเลยที่ 10 อายุประมาณ 40 ปี อาชีพพนักงานขายของห้างสรรพสินค้า
  • วิทยา จำเลยที่ 11 อายุ 35 ปี ลูกจ้างของสถานีขนส่งจังหวัดลำพูน
  • กรวรรณ จำเลยที่ 12 อายุ 46 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว


(ข้อมูลอายุและอาชีพจำเลย มาจากเว็บไซต์ไอลอว์ http://freedom.ilaw.or.th/case/670#circumstance_of_arrest)
คดีนี้เป็นคดีดำที่ 125 ก./2558   ศาลทหารกรุงเทพ รับฟ้องเป็นคดีเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2558  ข้อกล่าวหา คือ  ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และร่วมกันเยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
สนับสนุนผู้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
คำฟ้องระบุว่า ระหว่างปี 2553  ถึง 28 ม.ค.2558 จำเลยที่ 1 - 4 และจำเลยที่ 7 - 12 กับพวกอีกสองคนที่ยังหลบหนีไปได้กระทำความผิดตามฟ้อง โดยจำเลยที่ 7 จัดทำคลิปข้อความเสียงของตนโดยใช้นามแฝงว่า “บรรพต” ซึ่งในมีข้อความหมิ่น อัพโหลดเข้าสู่ mediafire.com จากนั้นจำเลยที่ 1-4 และจำเลยที่ 8-12 ดาวน์โหลดคลิปนั้นเข้าสู่ mediafire.com นำมาเผยแพร่ใน facebook.com.banpodjthailandclips.simplesite.com และ OKTHAI.com ซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ โดยจำเลยที่ 1-4 และ 8-12 กับพวกรู้อยู่แล้วว่าคลิปดังกล่าวเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวยังปรากฏอยู่ในเว็บ OKTHAI.com ตลอดมาจนวันที่ 28 ม.ค.2558 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบคลิปและอยู่ในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก
ส่วนจำเลยที่ 5 และ 6 สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 7 โดยจำเลยที่ 5 มีหน้าที่นำแผ่นบันทึกคลิปข้อความเสียงที่จำเลยที่ 7 จัดทำขึ้น ไปให้แก่ นางอัญชัญ ซึ่งถูกดำนินคดีเป็นอีกคดีหนึ่ง เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ โดยจำเลยที่ 5 รู้อยู่แล้วว่าคลิปข้อความเสียงดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง สำหรับจำเลยที่ 6 (ภรรยาบรรพต) เป็นผู้ช่วยเหลือโดยให้หลานสาวของจำเลยที่ 6 เปิดบัญชีธนาคาร รับเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนและเบิกจ่ายเงินจากบัญชีดังกล่าวเพื่อนำมาเป็นทุนในการจัดทำและเผยแพร่คลิปของจำเลยที่ 7

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น