วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จำเลยคดี 112 ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ขอกลับคำให้การ ศาลทหารนัดพิพากษา 6 ส.ค.


คดี 112 ชาวนาทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ จำเลยขอกลับคำให้การ รับสารภาพตามข้อกล่าวหา เหตุไม่สามารถทนรอสืบพยานขณะถูกคุมขังได้ ศาลทหารเชียงรายนัดพิพากษา 6 ส.ค.58
10 ก.ค. 2558 ศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย นัดสืบพยานโจทก์คดีนายสมัคร (ขอสงวนนามสกุล) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดฐานพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะหรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร จากกรณีการทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ที่จัดสร้างไว้บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน ที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
ในนัดนี้จำเลยได้แจ้งทนายความว่าจะตัดสินใจกลับคำให้การ โดยยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา เหตุเพราะไม่สามารถทนรอสืบพยานอีกต่อไปได้ ต้องการให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว และเมื่อได้สอบถามทางอัยการทหาร ทราบว่ายังเหลือพยานโจทก์ที่จะนำมาเบิกความอีก 7 ปาก ทำให้คดีจะใช้ระยะเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเสร็จสิ้น ทางฝ่ายจำเลยจึงได้แถลงขอกลับคำให้การต่อศาล ศาลจึงให้งดการสืบพยานในนัดนี้ และนัดหมายฟังคำพิพากษาในวันที่ 6 สิงหาคม 58 เวลา 8.30 น.
สำหรับนายสมัคร อายุ 49 ปี ประกอบอาชีพทำนา ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 ก.ค.57 โดยตำรวจสายตรวจพร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้ร่วมกันเข้าจับกุม หลังได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ที่ได้จัดสร้างไว้บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน โดยสมัครถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมานับแต่นั้น เพราะไม่มีเงินในการยื่นขอประกันตัว
พนักงานอัยการได้ส่งฟ้องคดีต่อศาลทหารตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ก.ย.57 ก่อนจะมีการนัดสืบคำให้การเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.57 โดยจำเลยให้การยอมรับสารภาพ แต่ได้ยื่นคำร้องประกอบ พร้อมเอกสารความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ว่ากระทำผิดไปโดยเหตุที่อยู่ในภาวะเป็นจิตเภท ขอให้ศาลยกฟ้องหรือรอการลงโทษ
แต่อัยการทหารได้คัดค้านคำร้องดังกล่าว ด้วยเห็นว่าจำเลยไม่ได้รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ทั้งหมด และแถลงจะขอนำพยานหลักฐานมาสืบ ศาลยังชี้แจงด้วยว่าในศาลทหารไม่ได้มีขั้นตอนการสืบเสาะคดีเหมือนกับศาลพลเรือน เพราะไม่มีหน่วยงานทำหน้าที่นี้ จึงต้องนำพยานมาเบิกความให้ศาลพิจารณา (ดูรายงานข่าวก่อนหน้านี้)
หลังจากนั้น ศาลทหารได้มีการนัดหมายสืบพยานทุกๆ เดือน รวมแล้ว 6 นัด แต่ได้มีการเลื่อนสืบพยานไปถึง 3 นัดติดต่อกันในช่วงระหว่างเดือนมี.ค.-พ.ค.58 เนื่องจากพยานโจทก์ไม่มาศาล ทั้งจากการติดธุระ และจากปัญหาการไม่ได้ส่งหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้พยานไม่ทราบหมาย กระบวนการพิจารณาคดีนี้จึงล่าช้าออกไป รวมแล้วมีการสืบพยานโจทก์ไปได้ทั้งหมด 4 ปาก ก่อนที่จำเลยจะขอกลับคำให้การในวันนี้
นายสมัครมีประวัติการรักษาพยาบาลอาการป่วยทางจิตมานานหลายปี และยังต้องกินยาควบคุมอาการมาจนถึงปัจจุบัน เอกสารประวัติผู้ป่วยของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ระบุข้อวินิจฉัยของแพทย์ว่านายสมัครมีอาการป่วยเป็นโรคจิตเภท มีลักษณะอาการหูแว่ว ประสาทหลอน และหวาดระแวง โดยขณะอยู่ในเรือนจำได้พักอยู่ในแดนพยาบาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น