หลังจาก เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณ์สาธารณะ ‘Jessada Denduangboripant’ ระบุเซ็งมาก หลังร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. .... ถูกถอนออกจากการพิจารณาของ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
โดย เจษฎา กล่าวด้วยว่า หลังจากตนกลับมาจากการอบรมดูงานที่อเมริกาเรื่องพืชไร่จีเอ็ม ก็ได้ไปเดินสายอธิบายให้องค์กรต่างๆ เช่น สปช. สนช. มหาวิทยาลัย เกษตรกร ฯลฯ เห็นความสำคัญและจำเป็นของการนำเอาเทคโนโลยีนี้มาช่วยการเกษตรของประเทศไทย ที่ล้าหลังลงไปทุกทีจนเพื่อนบ้านเราจะแซงกันไปหมดแล้ว พร้อมท้า รสนา โตสิตระกูล สปช. มาดีเบตให้ประชาชนฟังกันดีกว่า ว่ารู้เรื่องจีเอ็มโอดีกว่าตนแค่ไหน และใครกันแน่ที่กำลังทำลายโอกาสของเกษตรกรของประเทศไทย (อ่านรายละเอียด)
ด้าน รสนา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะเช่นกันว่า เจษฎา ไม่ทราบถึงเหตุผลในการถอนร่าง พ.ร.บ นี้ออกไป และแสดงความไม่พอใจโดยทึกทักว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการถอนร่างกฎหมายนี้ออกไป จนถึงกับมาท้าดีเบตกับตนนั้น น่าจะเป็นเพราะไม่ได้ตรวจสอบเหตุและผลของเรื่องให้ดีเสียก่อน ซึ่งอาจทำให้คนมองไปได้ว่า เป็นอาการร้อนวิชาของคนที่ฝันกลางวันจะเป็นรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ก็ได้
รสนา อธิบายถึงเหตุผลที่คณะกรรมาธิการตัดสินใจขอถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออก เพราะ
1) เพราะร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว นั้นน่าจะเป็นเป็นการสอดไส้เข้ามาโดยผู้รับผิดชอบมิได้มีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ดังปรากฏในเอกสารใบนำส่งเอกสารถึงประธานสปช. เพื่อนำเข้าสู่วาระการพิจารณาในสภาปฏิรูปแห่งชาตินั้น ไม่มีรายการที่ระบุว่าจะมีร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณา ซึ่งมี สารี อ๋องสมหวัง ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอภิปรายทักท้วงและขอให้มีการชี้แจงอีกประการหนึ่ง การรายงานวาระปฏิรูปครั้งนี้เป็นการรายงานรอบ 2 ซึ่งในรอบแรก ไม่มีประเด็นจีเอ็มโออยู่ในรายงานครั้งแรกการทักท้วงในประเด็นนี้ จึงเป็นการทักท้วงในเรื่องของนิติกระบวนการที่ถูกต้อง (Due Process of Law) ในการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ2) ในร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้มีจุดอ่อนหลายประเด็น ที่ร้ายแรงที่สุดคือในมาตรา 52 ที่ระบุว่า "ผู้ประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมไม่ต้องรับผิดในกรณีที่การปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมสู่สิ่งแวดล้อมและก่อความเสียหายต่อสุขภาพของมนุษย์หรือสัตว์ หรือเกิดความเสียหายแก่ความหลากหลายทางชีวภาพ ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย หรือเกิดจากการกระทำของผู้เสียหายเอง"ข้อกำหนดดังกล่าวไม่สอดคล้องกับหลักสากลในพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ และพิธีสารเสริมนาโงย่า-กัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการรับผิดและชดใช้ความเสียหาย ซึ่งพิธีสารดังกล่าวครอบคลุมถึงการคุ้มครองผลกระทบทางสังคมเศรษฐกิจ ดังนั้นมาตรา52 จึงขัดต่อวัตถุประสงค์ของพิธีสารดังกล่าว และเป็นการไม่คุ้มครองผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากพืชจีเอ็มโอมาตราที่52 นี้ และอันตรายของพืชจีเอ็มโอ มีสปช. หลายท่านอภิปรายและบางท่านขอให้ตัดมาตรานี้ หรือเห็นควรให้ถอนร่างออกไปก่อน เช่น ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อาจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ุ ดร.วินัย ดะห์ลัน รวมตนด้วยคณะกรรมาธิการจึงตัดสินใจขอถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาในที่ประชุม
นอกจากนี้ รสนา ยังได้ระบุรายชื่อ ผู้เชี่ยวชาญในประเด็นความปลอดภัยของพืชจีเอ็มโอต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ เพื่อให้ เจษฏา ร่วมดีเบต เช่น รศ.ดร.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ คณะเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการปรับปรุงพันธุ์พืช, ดร.ทวีศักดิ์ ภู่หลำ นักปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพด และอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานของประเทศไทย, ผศ.ดร.สมชาย รัตนชื่อสกุล คณะนิติศาสตร์ ม.หอการค้าไทย ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง, รศ.ดร.วินัย ดะลันห์ อดีตคณบดีสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร และคุณวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ( Biothai) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายสิทธิบัตรทรัพยากรชีวภาพ
เจษฏา รับคุยรายคน ขอเลี่ยงการใช้ความรู้สึก
อย่างไรก็ตาม เจษฏา ได้เข้าไปแสดงความเห็นท้ายโพสต์ของรสนา ด้วยว่า “ผมเชิญมาคุยทีละท่านก็ได้ครับ เพื่อที่ท่านจะได้มีข้อมูลมากขึ้นในการพิจารณาเรื่องนี้ โดยเริ่มจากท่านรสนาก็ได้ครับ อนาคตของชาติและเกษตรกรไทยจะได้ถูกตัดสินบนพื้นฐานของข้อมูล ไม่ใช่จากอคติเขิงลบที่องค์กรต่างชาตินำเข้ามาเท่านั้น โปรดหลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึก อย่างเช่น การบอกว่าผมร้อนวิชา ครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น