วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เผยภาพสเก็ตซ์ผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิดศาลพระพรหม-รางวัลนำจับ 1 ล้านบาท

ที่มาของภาพ: ทวิตเตอร์ ‏@Dr_Prawut 

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยแพร่รูปสเก็ตซ์ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ และเตรียมขออนุมัติหมายจับข้อหาทำให้เกิดระเบิด-ฆ่าคนตายโดยเจตนา ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ ตั้งรางวัลผู้ชี้เบาะแส 1 ล้านบาท และยังไม่เชื่อว่าเป็นชาวต่างชาติ เพราะเชื่อว่าทำเป็นขบวนการ-แถมรู้ช่องทางหลบหนี
19 ส.ค. 2558 - เมื่อเวลา 15.11 น. วันนี้ ทวิตเตอร์ ‏@Dr_Prawut ของ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผยแพร่รูปสเก็ตซ์ผู้ต้องสงสัยคดีวางระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งเป็นชายสวมเสื้อสีเหลือง จากบันทึกภาพในกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมชุดสืบสวนคดีระเบิดระบุว่าเตรียมยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขออนุมัติหมายจับใน 2 ข้อหาหนัก คือ ทำให้เกิดการระเบิด และฆ่าคนตายโดยเจตนา
ทั้งนี้จากข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ระบุว่า ส่วนราชการเจ้าของเรื่องคือ สน.ลุมพินี ประเภทคดี ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ระดับความใกล้เคียงของภาพสเก็ตซ์ อยู่ในระดับ ใกล้เคียง
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดศาลพระพรหมว่า ยังไม่แน่ชัดว่า ชายใส่เสื้อสีเหลืองคือชาวต่างชาติหรือไม่ เนื่องจากเชื่อว่ามีการอำพรางใบหน้า และทำเป็นขบวนการมากกว่า 1 คน ชายคนดังกล่าวรู้ช่องทางหลบหนีเป็นอย่างดี โดยได้กำชับตำรวจตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุทุกคน และยังไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุระเบิดครั้งนี้มือระเบิดมีเป้าหมายสังหารนักท่องเที่ยวชาวจีน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า เหตุระเบิดศาลพระพรหม อาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดหน้าศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมตั้งรางวัลนำจับผู้ชี้เบาะแสมือระเบิด 1 ล้านบาทด้วย


ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 14.26 น. จากทวิตเตอร์ @js100radio เกิดเหตุพบวัตถุต้องสงสัยในถุงสีดำ พันด้วยเทปกาว วางทิ้งบนทางเท้า ถ.สุขุมวิท ขาออก ปากซอยสุขุมวิท 7 ใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS นานา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ขณะที่สถานี BTS นานายังขึ้น-ลงได้ตามปกติ แต่เจ้าหน้าที่ปิดกั้นเฉพาะฝั่งทางออกมุ่งหน้าไปสถานีเพลินจิต อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเวลา 14.50 น. เปิดการจราจรเป็นปกติแล้ว เจ้าหน้าที่พบว่าวัตถุต้องสงสัยภายในเป็นกล่องเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น