วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ตั๊น จิตภัสร์ขอถอนตัวจากการสมัครเป็นรองสารวัตรตำรวจ 191

แฟ้มภาพจิตภัสร์ กฤดากร ลงพื้นที่โรงเรียนในสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งโพสต์ในเพจเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

จิตภัสร์ กฤดากร แถลงข่าวที่ดุสิตธานี ขอถอนตัวไม่สมัครรับราชการตำรวจ ตำแหน่งรองสารวัตร 191 บช.น. แล้ว เพราะไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งในวงการตำรวจ และสร้างความแตกแยกในสังคม ยืนยันเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง
กรณีมีข่าว จิตภัสร์ กฤดากร หรือ ตั๊น ทายาทนักธุรกิจซึ่งมีชื่อเสียง และอดีตแกนนำ กปปส. สมัครเพื่อเข้ารับการบรรจุเป็นข้าราชการเป็นตำรวจตำแหน่ง รองสารวัตร ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และตามมาด้วยการวิจารณ์หลายแง่มุม รวมทั้งข่าวตำรวจผูกริบบิ้นดำเพื่อคัดค้านนั้น (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. จิตภัสร์ ได้แถลงข่าวที่โรงแรมดุสิตธานี โดยมีผู้สื่อข่าวมาติดตามทำข่าวจำนวนมาก รวมทั้งมีการรายงานสดทางโทรทัศน์ โดย น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า สาเหตุที่สมัครเนื่องจากทราบว่าขาดกำลังพล และพร้อมจะเข้าไปเรียนรู้และศึกษาการทำงานของตำรวจ หากคราวหน้ามีการประกาศรับสมัครจะไม่พลาดการสมัครอย่างแน่นอน
ส่วนการการสมัครเพื่อรับการบรรจุตำแหน่งรองสารวัตร สายตรวจ 191 สังกัด บช.น. นั้น ได้ดำเนินการตามปกติทุกขั้นตอนตามกฎหมาย และยังไม่ได้รับการบรรจุเพื่อรับราชการ ทั้งนี้หากทำให้เกิดความขัดแย้งในวงการตำรวจและสร้างความแตกแยกทางสังคม ก็ขอตัดสินใจไม่รับราชการตำรวจ โดยยืนยันว่าเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ จิตภัสร์ แถลงว่าหวังให้คนไทยรักกัน และงานที่ทำอยู่ในเวลานี้คือเป็นกรรมการในมูลนิธิมวลมหาประชาชน พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่หญิงในภาพที่ไปทำลายป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วงการชุมนุมปี 2556 โดยรายละเอียดการแถลงข่าว ตามที่เผยแพร่ในเพจ ตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร มีดังนี้
000
"สวัสดี พ่อ แม่ พี่ น้อง ประชาชน และสื่อมวลชนทุกท่านค่ะ
วันนี้ตั๊นขอถือโอกาสในการชี้แจงและทำความเข้าใจข้อเท็จจริง จากกรณีที่หลายภาคส่วนในสังคม ตั้งข้อสงสัย ในการสมัครเข้ารับราชการตำรวจของตั๊น ซึ่งตั้งแต่ต้น ตัวตั๊นเองมีเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะเข้ามาทำงานเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคม และประเทศชาติ โดยภาระหน้าที่ดังกล่าว เป็นสิ่งที่ตั๊นได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551 จวบจนทุกวันนี้ อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ไม่ว่าจะเป็นการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เข้ามาทำงานการเมือง เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนที่ผ่านมา ถึงแม้ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ตั๊นก็ยังคงทำงานในลักษณะจิตอาสามาตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งใดๆ ก็ตาม
จากกรณีการเข้าสมัครรับราชการตำรวจของตั๊น จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความบริสุทธิ์ใจของตั๊นเอง ที่ต้องการอยากจะเข้ามา มีส่วนร่วมทำงานในบทบาทหน้าที่ของข้าราชตำรวจ หรือที่เรียกว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุข รับใช้ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนอีกทางหนึ่ง ซึ่งอาชีพตำรวจนั้นถือเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ และเป็นกลไกสำคัญที่จะคงความยุติธรรมให้กับประชาชน และตั๊นก็คิดอยู่เสมอว่า ตำรวจเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละทำงานหนัก เสี่ยงภัยอันตรายนานัปการ อีกทั้งเป็นผู้รักษากฎหมาย เพื่อผดุงความยุติธรรม ในฐานะเป็นที่พึ่งพาของประชาชน
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ตั๊นได้มีโอกาสทำงานร่วมกับพี่น้องตำรวจบางส่วนมาบ้าง ในบางสถานการณ์ ได้มีเวลาพูดคุยรับรู้ถึงความทุกข์ยาก และอุปสรรคปัญหาของการดำรงชีพของพี่น้องตำรวจ โดยเฉพาะชั้นประทวน ตั๊นเองมีความปรารถนาดีที่จะเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งในการศึกษา และทำงาน เรียนรู้กระบวนการทำงานผ่านชีวิตการเป็นตำรวจ เพื่อที่จะเข้าใจและเข้าถึงความยากลำบากในการเป็นตำรวจ ซึ่งในเบื้องต้นปัญหาของตำรวจนั้นคือการขาดแคลนทั้งกำลังพลและงบประมาณ ซึ่งในภายหน้า ถ้ามีโอกาสตั๊นจะไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการขับเคลื่อนพัฒนาและแก้ปัญหาขององค์กรตำรวจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับการเปิดรับสมัครเข้ารับราชการตำรวจดังกล่าว จะมีเป็นประจำทุกปี มีการเปิดรับสมัครบุคคลภายนอก โดยจะมีขั้นตอนกระบวนการในการสรรหา ซึ่งจะต้องผ่านการคัดเลือก การตรวจสอบ ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตัวตั๊นเองก็ได้ดำเนินการไปตามปกติทุกขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบที่ เกี่ยวข้องทุกประการ และในกรณีของตั๊นนั้น ยังไม่ได้มีการบรรจุเป็นร.ต.ต.ตามที่มีข่าวปรากฎตามสื่อต่างๆแต่อย่างใด ซึ่งจนถึงตอนนี้ตั๊นเองยังไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าจะผ่านการสอบคัดเลือกหรือไม่ ก็ไม่รู้
ทึ่สำคัญจากการเชื่อมโยง กรณีของการเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองของตั๊นที่ผ่านมา ตั๊นขอเรียนว่าบทบาทความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมานั้น เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมาจากหลากหลายกลุ่ม ซึ่งอาจมีแนวความคิดที่แตกต่างกันได้ แต่ตั๊นไม่มีเจตนาหรือพฤติกรรมใดที่จะไปดูถูก เหยียบย้ำศักดิ์ศรีของพี่น้องตำรวจ เพียงแต่แสดงออกโดยการเรียกร้องอยากเห็นตำรวจเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของ ประชาชน แม้ในสถานการณ์การชุมนุม ที่ต้องได้เจอกับพี่น้องตำรวจ เราต่างมีน้ำจิตน้ำใจไมตรีที่ดี ซึ่งกันและกันเสมอ เพราะเข้าใจว่าต่างคนต่างดำเนินการไปตามหน้าที่ ส่วนกรณีภาพผู้หญิงท่านหนึ่งที่ไปทำลายป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต่อมามีการนำมาตัดต่อภาพว่าเป็นตัวตั๊น ตั๊นขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงค่ะ และคำให้สัมภาษณ์ในช่วงการชุมนุมที่เป็นภาษาอังกฤษที่มีการนำไปบิดเบือนนั้น ตั๊นได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่เป็นความจริงเช่นเดียวกัน
ทุกวันนี้น่าเป็นห่วงมาก ที่ยังคงมีการทำสงครามข้อมูลข่าวสารกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงของแต่ละเหตุการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยปัจจุบัน ยังคงจมอยู่กับความขัดแย้งและความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้กรณีของตั๊น ต้องเป็นชนวนเหตุที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องในสังคม เกิดความไม่สบายใจ เป็นประเด็นที่ต้องมาถกเถียงกัน โดยเฉพาะในแวดวงพี่น้องข้าราชการตำรวจ ทุกระดับชั้น อันจะนำมาซึ่งความไม่สงบสุขในองค์กรตำรวจ หรืออาจขยายผลกลายเป็นไปเพิ่มความขัดแย้งในสังคม “ตั๊นจึงตัดสินใจที่จะไม่เดินหน้าดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนของกระบวนการคัดเลือกเป็นข้าราชการตำรวจดังกล่าว” ค่ะ
ท้ายที่สุดนี้ ตั๊นขอกราบขอบพระคุณทุกๆกำลังใจ และคงต้องแสดงความเสียดายอย่างสุดซึ้ง ที่คงไม่มีวาสนาพอที่จะได้เข้าไปทำงานในองค์กรตำรวจ สวมเครื่องแบบตำรวจ ในฐานะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่ตั๊นจะขอนำคำติชมของทุกท่าน นำมาปรับปรุง และพัฒนาตัวเอง เพื่อสานต่อในการทำงานรับใช้พ่อแม่พี่น้อง ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานเพื่อทำประโยชน์ให้กับประชาชนทุกคนต่อไป อย่างไม่ย่อท้อ ตั้นยังคงมุ่งหวังอยากจะเห็นคนไทยด้วยกัน หันมามอบความรักให้แก่กันและกัน แทนความเกลียดชังบนความขัดแย้งแตกแยก เพื่อสร้างโอกาสที่จะจับมือเดินหน้าประเทศไทยไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น