วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ฎีกายืนสนธิปราศรัยปี 49 หมิ่นตระกูลดามาพงศ์-จำคุก 6 เดือน รอลงอาญา


ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา คดีที่ พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ฟ้องว่าสนธิ ลิ้มทองกุลปราศรัยหมิ่นประมาทตระกูลดามาพงศ์เมื่อปี 49 - ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์-วงศ์สวัสดิ์โกง ไม่ใช่การใส่ความทักษิณ ชินวัตรตามที่อ้าง ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนจำคุก 6 เดือน รอลงอาญา พร้อมปรับ 5 หมื่น และให้ยกฟ้องผู้ทำเว็บเมเนเจอร์
24 ก.ย. 2558 - คดีที่ พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ ที่ปรึกษากองทัพเรือในขณะนั้น ญาติของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และพวกเป็นจำเลยรวม 10 คน ในความผิดร่วมกันดูหมิ่นและหมิ่นประมาท ใส่ร้ายตระกูลดามาพงศ์ และบุคคลในตระกูลดามาพงศ์ของโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ด้วยการโฆษณากล่าวหาบุคคลในตระกูลดามาพงศ์เรื่องการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ป และถ่ายทอดสดผ่านช่องเอเอสทีวี โดยกล่าวหาว่า "ชินวัตร-ดามาพงศ์ โกงทั้งโคตร ขายชาติเลี่ยงภาษี" โดยฟ้องตั้งแต่ปี 2549 ช่วงการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ส่วนจำเลยอีก 9 รายเป็นจำเลยที่ 2-10 ได้แก่ จำเลยที่ 2 น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, จำเลยที่ 3 บริษัท แมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน, จำเลยที่ 4 น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบ.แมเนเจอร์ฯ, จำเลยที่ 5 นายขุนทอง ลอเสรีวานิช เจ้าของและผู้จัดทำเว็บไซต์ ww.manager.co.th, จำเลยที่ 6 บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด ผู้ผลิตรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, จำเลยที่ 7 นายศุภชัย วงศ์วรเศรษฐ์ (โจทก์ถอนฟ้อง), จำเลยที่ 8-10 นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายพชร สมุทรวณิช ซึ่งเป็นกรรมการบริหาร บ.ไทยเดย์ฯ และนายปัญจภัทร์ อังคสุวรรณ ผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์ www.manager.co.th เป็นจำเลยที่ 1-10
โดยโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่น และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 393 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.- 4 ก.พ.49 ซึ่งคดีนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกตั้งแต่ 10 เม.ย. 2549 นั้น
ล่าสุด ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดย มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.550/2549 หมายเลขแดง 2381/2550 โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.50 ว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากคำเบิกความพยานโจทก์ยังคลาดเคลื่อนในทางนำสืบโจทก์จึงมีน้ำหนักไม่มั่นคงให้รับฟังได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยจึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 10
ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าเมื่อพิจารณาจากข้อความตามฟ้องโจทก์เช่น “ชินวัตร...ดามาพงศ์ โกงทั้งโคตร ขายชาติเลี่ยงภาษี” แม้ไม่มีชื่อโจทก์แต่การที่ลงชื่อตระกูลทำให้ผู้อ่านย่อมเข้าใจไปได้ว่าหมายถึงทั้งตระกูลโจทก์ จึงเป็นผู้เสียหายอีกทั้งข้อความดังกล่าว ยังเป็นความหมายในทางลบทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกว่า การกระทำของตระกูลโจทก์กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะดำเนินการไม่ใช่หน้าที่จำเลยมาตัดสินข้อความตามฟ้องของจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่การเสนอข้อเท็จจริงโดยสุจริต
ส่วนจำเลยที่ 2, 3, 5, 6 และ 10 มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วม ขณะที่จำเลยที่ 4 เป็นเพียงผู้บริหารแผนของจำเลยที่ 3 ย่อมไม่มีส่วนกระทำผิด ส่วนจำเลยที่ 8 และ 9 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 5 โจทก์ไม่มีได้นำสืบให้เห็นว่ามีส่วนร่วมกระทำผิดอย่างไร
โดยศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้อง ด้วยพิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1, 2, 3, 5, 6 และ 10 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 1, 2, 5 และ 10 คนละ 6 เดือน ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี
ให้ปรับจำเลยที่ 3 และ 6 ซึ่งเป็นนิติบุคคล คนละ 5 หมื่นบาท และให้ร่วมกันลงตีพิมพ์คำพิพากษาลงใน นสพ.ผู้จัดการรายวัน และเว็บไซต์ www.manager.co.th เป็นเวลา 7 วันต่อเนื่องกัน
ทั้งนี้ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยพิจารณาจากข้อความปราศรัยของนายสนธิ แล้วย่อมทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่า ตระกูลชินวัตร, ดามาพงศ์ และวงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นญาติกันมีพฤติกรรมโกง ไม่ใช่การใส่ความการทำงานของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนจำคุก 6 เดือน นายสนธิ จำเลยที่ 1 นางสาวสโรชา จำเลยที่ 2 และนายปัญจภัทร์ จำเลยที่ 10 พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี ส่วนบริษัทไทยเดย์ จำเลยที่ 6 คงโทษปรับ 5 หมื่นบาท และพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องบริษัทแมเนเจอร์ จำเลยที่ 3 และ นายขุนทอง จำเลยที่ 5
มติชนรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษานายสนธิได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น