ท่าที่ 2 ค่ายการเมืองใหญ่ เพื่อไทยไม่ส่งคนร่วม ใครร่วมแนะควรลาจากพรรค จตุพรประกาศนปช. พร้อมแยกทางพท.หากร่วม ด้านอภิสิทธิ์ไฟเขียวสมาชิกฯเข้า มูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ พร้อมเดินหน้าร่วมปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เปิดเผยว่ากลุ่มคนที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) ส่วนหนึ่งจะประกอบด้วยตัวแทนพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองด้วยนั้น 2 กลุ่มพรรคและขั้วการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย นปช. พรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. ออกมา แสดงทั้งตอบรับและปฏิเสธการเข้าร่วมดังนี้
เพื่อไทยไม่ส่งคนร่วมถ้าใครร่วมแนะควรลาจากสมาชิกพรรค
19 ก.ย.2558 พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความเห็นถึงกรณีที่มีข่าวปรากฏว่าจะมีการเชิญพรรคเพื่อไทยส่งตัวแทนเข้าร่วมในสปท. นั้น ว่า ตมขอเรียนชี้แจงว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถส่งบุคคลากรหรือนักการเมืองของพรรคเข้าร่วมได้ด้วยเหตุที่มีความยากลำบากที่เราในฐานะพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นและเติบโตมาตามกระบวนการประชาธิปไตยจะเข้าไปดำเนินการร่วมกับกลุ่มใดๆ ในทางการเมืองในสถานการณ์ขณะนี้และที่สำคัญเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคซึ่งไม่สามารถจัดการประชุมขึ้นได้ตามคำสั่งห้ามของคสช.และข้อบังคับของกกต.
“สำหรับสมาชิกท่านใดจะเข้าร่วมถือเป็นดุลยพินิจส่วนตัวแต่เมื่อเป็นไปโดยขัดเจตนารมณ์ของพรรคจึงสมควรลาออกจากสมาชิกภาพของพรรคด้วย” รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
สุดารัตน์ ยันไม่ร่วม ขออยู่ซีกประชาธิปไตย
20 ก.ย. 58 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีผู้มีอำนาจฝั่ง คสช. ทาบทามให้เป็น สปท.ว่า ยืนยันว่าไม่ได้รับการติดต่อหรือพูดคุยกับใครทั้งสิ้น หากมีการติดต่อทาบทามยืนยันว่าไม่ขอเข้าร่วม เพราะเป็นสภาที่ คสช.แต่งตั้งขึ้น คนที่อยู่ในซีกประชาธิปไตยไม่น่าจะเข้าร่วม และคงไม่ส่งใครในสาย กทม.เข้าร่วมสภาดังกล่าว เพราะไม่มีอำนาจถึงเพียงนั้น
สุดารัตน์กล่าวว่า ส่วน สปท.ที่เกิดขึ้นจะทำงานได้เป็นรูปธรรมหรือไม่นั้น ยังไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ คงต้องรอดูผลงานและดูว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้หรือไม่ หากทำได้จะเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง สำหรับโรดแมป คสช.ที่มีอยู่เชื่อว่าทุกฝ่ายคงเห็นตรงกันว่าเลือกตั้งเร็วที่สุดเท่าใดจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากเท่านั้นและขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาการเดินตามโรดแมปให้เหมาะสมด้วย
อภิสิทธิ์ไฟเขียวสมาชิกพรรคเข้าร่วม
ขณะที่ทางฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบคำถามถึงกรณีพรรคจะส่งคนเข้าไปร่วมใน สปท. หรือไม่ ว่า ไม่ทราบว่ามีระบบการสรรหาอย่างไร แต่ไม่มีปัญหา หากใครที่มีแนวคิดในการปฏิรูปจะเข้าไปร่วมทำงาน รวมถึงคนในพรรคเพราะไม่มีอำนาจอื่นใด นอกจากการผลักดันให้เกิดการปฏิรูป และเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่จะไม่ตั้งบุคคลที่ไปวิ่งเต้น
ต่อมา 17 ก.ย.58 เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จุติ ไกรฤกษ์ กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคได้บอกแล้วว่ายินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งขณะนี้มีหลายคนที่สนใจ และแสดงความจำนง จะไปทำหน้าที่นี้ แต่เมื่อทราบว่าหากเข้าไปเป็น สปท. แล้ว จะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้าไม่ได้ทำให้ถอนตัว ดังนั้นผู้ที่จะเข้าไปเป็น สปท. ต้องเป็นคนที่ไม่คิดจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกแล้ว โดยหลังจากการรัฐประหารมีอดีต ส.ส. ของพรรคหลายคน ที่มีความอาวุโสแสดงความจำนงไม่ลงเลือกตั้งประมาณ 11 คน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ไม่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค อยู่เป็นหนึ่งในนั้น
มูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ พร้อมเดินหน้าร่วมปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรี เชิญร่วมเป็น สปท. ว่า ยังไม่ทราบท่าทีของ คสช. แต่หากเป็นจริงตามข่าว คงเป็นความหวังดีนายกรัฐมนตรี ที่จะให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างมีความรับผิดชอบ โดยมูลนิธิฯ สนับสนุนแนวทางนี้ และเห็นว่าทุกฝ่ายควรให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ ซึ่งเป็นตัวแทน กปปส. จะพิจารณาหากมีการติดต่อมา พร้อมยืนยันว่า มูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ จะเดินหน้าสานต่อการปฏิรูปและให้ความร่วมมือรัฐบาล องค์กรต่างๆ รวมถึงประชาชนคนไทย ผลักดันการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้ก็ทำหน้าที่ในฐานะองค์กรที่เป็นตัวแทนประชาชนนำเสนอแนวทางการปฏิรูป การดำเนินการจัดโครงการที่เป็นรูปธรรมตัวอย่างของการปฏิรูปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนอยู่แล้ว
จตุพรยันไม่เข้าร่วมปพร้อมประกาศแยกทางพรรคเพื่อไทยหากเข้าร่วม
จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.58 และ 19 ก.ย.58 ซึ่งเรียบเรียงจากการกล่าวในรายการมองไกล ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับนักการเมืองหรือกลุ่มการเมืองเข้าร่วมเป็นสมาชิก สปท. เพราะเชื่อว่า ผู้มีอำนาจกำลังใช้วิธีการแบ่งแยก แล้วปกครอง เพราะต้องการสร้างภาพว่า มีคนเสื้อแดง มี นปช. เข้ามาร่วมด้วย
จตุพร กล่าวด้วยว่า ถ้าใครก็ตามเข้าไปแล้ว อ้างความเป็นเสื้อแดง หรือ นปช.จะไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย รวมทั้งพรรคเพื่อไทยต้องเอาคนที่เข้าร่วมออกจากสมาชิกพรรค และไม่ให้ญาติ พี่น้อง หรือลูก เมียลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคด้วย เพราะไม่ต้องการคนเห็นแก่ได้ ไม่เห็นแก่พรรคต้องพอกันที
“ผมประกาศชัด ไม่หน้าไหว้หลังหลอกด้วย ใครก็ตามเข้าไปโดยอ้างความเป็นคนเสื้อแดง หรือ นปช. ก็ตาม องค์กร นปช. ภายใต้ผมเป็นประธานจะไม่ร่วมสังฆกรรม ต่างคนต่างอยู่ ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกัน และพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมีตัวแทนคนผู้นี้เข้าไปในสภาขับเคลื่อน ญาติ พี่น้อง ลูกเมีย พรรคเพื่อไทยต้องยืนยันว่า จะไม่ส่งลงเลือกตั้งโดยเด็ดขาด ถ้าพรรคเพื่อไทยส่งผมในฐานะประธาน นปช. ขอแยกทางเดินกันชัดเจน ไม่อ้อมค้อม" จตุพร กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น