วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

'คำนูณ-กษิต' 2 สปท. เสียงแตกเห็นแย้ง กก.ยุทธศาตร์ชาติ (ไม่)มีอำนาจเหนือรัฐบาล


สปท. ลงมติ 164 เสียง เห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอทำยุทธศาสตร์ชาติ สร้างองค์กรกำกับทิศทางการพัฒนา ‘คำนูณ-กษิต’ เสียงแตกเห็นคนละทาง
16 ก.พ. 2559 เว็บข่าวรัฐสภา รายงานว่า ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน สปท. เรื่อง การจัดทำ การกำหนด และการขับเคลื่อนกฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... ด้วยคะแนนเสียง 164 เสียง ไม่เห็นด้วย 6 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุม 174 คน
โดยพันตำรวจตรี ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานกรรมาธิการฯ ได้กล่าวว่า การพัฒนาของประเทศไทยที่ผ่านมายังขาดความต่อเนื่อง ยึดโยงเพียงเฉพาะกับนโยบายรัฐบาลในแต่ละช่วง ทำให้ไม่สามารถผนึกพลังการพัฒนาจากภาคส่วนต่างๆ ให้มีทิศทางการพัฒนาไปในทางเดียวกันและต่อเนื่อง ดังนั้นไทยจึงจำเป็นต้องปฏิรูปกระบวนการพัฒนาประเทศและการบริหารราชการแผ่น ดิน โดยผลักดันให้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญให้มีความสำคัญ ควบคู่กับนโยบายแห่งรัฐ และมีการตรากฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ เป็นกรอบการพัฒนาประเทศ กำหนดวิสัยทัศน์ระยะยาวอย่างน้อย 20 ปี โดยคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติรองรับให้มีสภาพบังคับใช้ และความเข้าใจร่วมกันของทุกภาคส่วน และกำหนดเป็นแผนพัฒนากลุ่มภารกิจแต่ละช่วงเป็นแผนประเทศระยะกลาง 5 ปี โดยมีการบูรณาการแผนพัฒนากลุ่มภารกิจต่างๆ พร้อมมีกลไกติดตามประเมินผลและปรับแก้ตามความจำเป็น ตามที่กำหนดในร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติฯ อาทิ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ  เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและมีการใช้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบการขับเคลื่อนการพัฒนาร่วมกัน นำประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ด้านเดลินิวส์ออนไลน์ รายงานด้วยว่า จากนั้นได้มีการเปิดให้สมาชิก สปท. อภิปรายแสดงความเห็น โดย คำนูณ สิทธิสมาน สปท. กล่าวว่า ตนเห็นด้วยในหลักการ ซึ่งในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญยืนยันได้ว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่อำนาจอธิปไตยใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงหน่วยงานของรัฐหน่วยงานหนึ่ง เพราะไม่ได้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต้องผ่านสภาฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย ยืนยันว่าคณะกรรมการยุทศาสตร์ชาติไม่ได้แฝงอำนาจของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดอง (คปป.)
ขณะที่ นิกร จำนง สปท. กล่าวว่า เห็นด้วยยุทธศาสตร์ควรจะต้องมี แต่กรอบนั้นต้องไม่เป็นสิ่งที่กดดันการทำงานของรัฐบาล แต่จะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน ส่วนอำนาจของคณะกรรมการยุทธศาสตร์มีอำนาจมหาศาล เช่นการเสนอให้วุฒิสภาลงโทษ ครม. หรือบุคคลหากไม่ปฏิบัติตามได้ ซึ่งคิดว่าส่วนนี้ทาง กมธ.ควรจะมีการปรับปรุงอยู่บ้าง
กษิต ภิรมย์ สปท. กล่าวว่า เมื่อพิจารณาแผนยุทธศาสตร์ชาติแล้ว พบว่าอำนาจของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายบริหาร ที่จะมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นการบอกว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่ใช่ คปป. ซ่อนรูปนั้น เป็นการหลอกตัวเองหรือเปล่า อีกทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติไม่มีอะไรที่เป็นส่วนร่วมของประชาชนเลย หากแต่เป็นการเสริมอาณาจักรของข้าราชการเท่านั้น ในเมื่อ ครม.จะทำแผนยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว ตนไม่เห็นว่าการออก พ.ร.บ.นี้จะเป็นหน้าที่ใด ๆ ของ สปท. หรือของ กมธ. และตนขอบอกว่าเราควรเอาเรื่องนี้ออกไปจากสภา ในขณะเดียวกันขอเตือนสติเพื่อนสมาชิกว่าเรามาเพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้เป็น ของประชาชน ไม่ใช่เสแสร้งว่าปฏิรูป แล้วเสริมอำนาจของข้าราชการ กระจุกอยู่ในส่วนกลาง หรือแค่ใน กทม.เท่านั้น และเราไม่ได้มาเพื่อปรับปรุงให้ขยายอาณาจักรของข้าราชการ“

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น