วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ยันสมาคมนักข่าวฯไม่สยบยอมต่อประยุทธ์ ชี้ตำหนิมากกว่านายกฯคนอื่นๆ


เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา Thaisvoicemedia ได้เผยแพร่สัมภาษณ์ นายมาณพ ทิพย์โอสถ โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเท­ศไทย ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีออกกติกาใหม่ให้สื่อมวลชนประจ­ำทำเนียบรัฐบาลถามได้เพียง 4 คำถามต่อวันและก่อนถามนักข่าวจะต้องแจ้งชื­่อนามสกุลและสังกัดก่อน
โดยโฆษกสมาคมนักข่าวฯ ระบุว่า สมาคมนักข่าวฯเห็นว่าเป็นการริดรอนสิทธิเส­รีภาพของสื่อมากเกินไป เพราะการบริหารราชการแผ่นดินในแต่ละวันย่อ­มมีประเด็น มีข้อสงสัย และมีปัญหาที่ประชาชนต้องการฟังคำตอบจากผู­้นำประเทศมากกว่า 4 คำถาม อย่างไรก็ตามนักข่าวประจำทำเนียบเองบางคนก­็ยอมรับได้เพื่อให้เกิดระเบียบ ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าอาชีพสื่อมวลช­น หรือแม้แต่สมาคมนักข่าวฯในยุคปัจจุบันเป็น­ยุคที่ตกต่ำที่สุดหรือไม่เป็นเรื่องที่สัง­คมตัดสินว่าเป็นอย่างไรในฐานะที่อยู่ในองค­์กรคงพูดไม่ได้ว่าสมาคมที่ตัวเองสังกัดตกต­่ำที่สุดหรือไม่ หรือจะมองว่าสมาคมนักข่าวฯสยบยอม หรือเห็นดีเห็นงามกับอำนาจเผด็จการไปด้วยห­รือไม่ก็เป็นเรื่องที่สังคมเป็นคนมอง
กรณีสำนักงานโฆษกรัฐบาล จัดระเบียบการให้สัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีต่อน­ักข่าวสายทำเนียบรัฐบาลนั้น นายมาณพ มองว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการไม่ให้เกียรติ การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน กับการที่ให้นักข่าวนั่งพับเพียบกับพื้น สะท้อนภาพการกดขี่ที่ผู้นำประเทศมีต่อประช­าชน เพราะสถานะของนายกรัฐมนตรี กับ สถานะของผู้สื่อข่าวในการทำงานให้กับประชา­ชนนั้น ไม่แตกต่างกัน จึงอยากเรียกร้องให้สำนักโฆษกจัดการที่ทางในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ให้มันเหมาะสมมากกว่านี้
โฆษกสมาคมนักข่าวฯ ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนที่ถูกสมาคมนักข่าวฯ ตำหนิมากที่สุด เพียงต่างสิ่งที่ท่านแสดงออก ปรากฏการณ์คำพูดหรือกิริยาของท่านมันถี่มากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้สมาคมนักข่าวฯ ออกทุกครั้งนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน 
 
"สิ่งที่สมาคมนักข่าวฯ แสดงออกกับท่านประยุทธ์นี่ ผมว่าตำหนิมากกว่านายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ท่านแสดงออกมานั้นมันมากกว่าคนอื่นเป็นจำนวนมากเท่านั้นเอง" นายมาณพ กล่าว พร้อมยืนยันว่าสมาคมนักข่าวฯ ไม่สยบยอม
 
ส่วนข้อเสนอที่จะให้ สมาคมนักข่าว หรือ ทำความเข้าใจหรือปรับทัศนคติ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของนักข่าว แตกต่างจากการเป็น พลทหาร หรือเป็นข้าราชการในสังกัดของรัฐบาลนั้น นายมาณพ มองว่า เป็นเรื่องที่ต้องให้สังคมร่วมกดดันด้วย และคงเป็นการยากที่จะเปลี่ยนความคิด ความเชื่อของผู้นำที่มาจากทหาร และมีอายุมากแล้วแบบ พล.อ.ประยุทธ์  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น