กกต. แจงงบจัดเลือกตั้งก.พ.57 เหลือพันล้านจริง แต่ไม่ส่งคืนคลัง ถือเป็นเงินสะสม ด้าน ‘เรืองไกร’ สวนใช้เงินไม่ตรงวัตถุประสงค์ ชี้ต้องคืน ยันร้องเรียนตามขั้นตอนของกฎหมาย
31 มี.ค.2559 จากกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้พิจารณาเรียกค่าเสียหายจากการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 จำนวนกว่า 2,037 ล้านบาท จาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กปปส. อีกทั้งเรียกเงินงบประมาณที่คงเหลือจากการไม่ได้ใช้ไปในการเลือกตั้ง ส.ส. คืนจาก กกต.จำนวนกว่า 1,126 ล้านบาทโดยเร็ว (อ่านรายละเอียด) นั้น
จนต่อมา 29 มี.ค.59 นายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงาน กกต. แถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ยอมรับว่ามีเงินเหลือจริง แต่ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 39 และมาตรา 40 กำหนดชัดเจนว่างบประมาณที่เหลือจ่ายจากการเลือกตั้ง กกต.สามารถเก็บไว้เป็นเงินสะสมได้โดยไม่ต้องส่งคืนคลัง โดยเงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ซึ่ง กกต.จะต้องสามารถชี้แจงได้ ทั้งนี้ กกต.ก็ได้ประสานกับสำนักงบประมาณอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ในเรื่องการใช้จ่ายงบเหลือจ่าย และเงินเหลือเงินขาด
นายธนิศร์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนที่จะมีการออกเสียงประชามติในขณะนี้ กกต.ได้ส่งเอกสารการของบประมาณให้สำนักงบประมาณแล้ว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวงเงินค่าใช้จ่าย 2,991 ล้านบาทเศษ แยกเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของสำนักงาน กกต. 2,575 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในเรื่องของการจัดพิมพ์และส่งร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการจัดการออกเสียงประชามติ ค่าตอบแทนกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง 97,000 หน่วย และการจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ นอกจากนั้นเป็นของหน่วยงานสนับสนุน 11 หน่วยงาน ประมาณ 416 ล้านบาท ซึ่งหลังการออกเสียงหากมีงบประมาณเหลือจ่าย กกต.ก็ไม่ต้องส่งคืนคลังเช่นกัน (อ่านรายละเอียด)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา มติชนออนไลน์ รายงานว่า นายเรืองไกร กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ระบุไม่คืนเงินจัดการเลือกตั้งที่เหลือโดยอ้างว่าไม่มีระเบียบที่ต้องคืนว่า หากเป็นการเลือกตั้ง ส.ว.ตนก็ไม่ติดใจ เพราะการเลือกตั้งสำเร็จเรียบร้อยดี แต่หากเป็นการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะ เพราะการเลือกตั้งไม่ได้เป็นวันเดียวกัน แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯยังระบุว่าหากพบว่าใครมีส่วนผิดก็ต้องชดใช้ ดังนั้น กกต.ก็ต้องนำเงินส่วนที่เหลือคืนให้กับหลวง เพราะไม่ได้ใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ และ กกต.เองก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ หาก กกต.ให้เหตุผลแบบนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องรอดูว่านายกฯจะว่าอย่างไร ซึ่งตนพร้อมไปชี้แจงเรื่องดังกล่าวหากมีการเรียก กกต.ไปด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเป็นการร้องเรียนตามขั้นตอนของกฎหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น