วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลดแลกแจกแถม สมคิด เผย 'โครงการบ้านประชารัฐ' ได้ข้อสรุปแล้ว 99%


ชงเข้า ครม. สัปดาห์หน้า คนซื้อบ้านหลังแรกคิดอัตราดอกเบี้ยในช่วงแรกต่ำสุดที่ 0%  เอกชนร่วมจ่ายค่าโอน-ค่าจดจำนอง-ค่านิติบุคคลปีแรก-ดอกเบี้ยอีก 2%
เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บ้านประชารัฐ ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้ว 99% โดยอยู่ระหว่างต่อรอง ว่าให้เอกชนช่วยเรื่องค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง และอื่น ๆ เพื่อช่วยประชาชนที่ซื้อบ้าน
"เอกชนเขารับปากแล้ว จะมีค่าโอน ค่าจดจำนอง และค่าอะไรอีกอย่าง รวม ๆแล้วกว่า 3% ก็จะให้เอกชนรับภาระไป แล้วก็ให้เขาลดราคาให้ด้วย ไหนๆ ก็รวยแล้ว ช่วยประชาชนบ้าง ส่วนแบงก์ก็กำลังคุยกันว่าจะทำไงให้ดอกเบี้ยถูกลง เพื่อให้คนมีรายได้น้อยมีบ้านของตัวเองได้" นายสมคิดกล่าว
 
นายสมคิด กล่าวว่า การสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านของตัวเอง คงไม่ต้องไปกังวลเรื่องหนี้ เพราะคนเราต้องมีบ้านอยู่ เป็นเรื่องความมั่นคงของชีวิต
 
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมโครงการบ้านประชารัฐ ร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ว่า มีข้อยุติชัดเจนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาสัปดาห์หน้า เพื่อให้โครงการนี้มีผลในเดือน มี.ค.นี้ “จะยกเลิกเพดานที่กำหนดให้ประชาชนที่จะซื้อบ้านประชารัฐได้ ต้องมีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน แต่จะกำหนดเงื่อนไขที่ราคาบ้านแทนคือ ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และต้องเป็นบ้านหลังแรก โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยในช่วงแรกต่ำสุดที่ 0% เพื่อให้ผู้กู้มีภาระผ่อนชำระหนี้ต่องวดน้อยที่สุด และยังขยายออกไปถึงการซ่อมแซมและตกแต่ง รวมถึงการปลูกบ้านบนที่ดินของตนเอง ซึ่งจะครอบคลุมประชาชนทุกระดับ ทั้งในเขตเมืองและต่างจังหวัด”
 
สำหรับโครงการบ้านประชารัฐ มีหลักการคือ  1. บ้านเช่าจะชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนหรือรายปีก็ได้ ภายใต้การดูแลของกรมธนารักษ์  2. บ้านเช่าระยะยาว 30 ปี อยู่ภายใต้การดูแลของกรมธนารักษ์ ล่าสุดมีที่ราชพัสดุที่สามารถนำร่องโครงการนี้ได้ 4 แปลง เช่น เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น 3.บ้านซื้อ เป็นการร่วมมือจากภาคเอกชน 4.การซ่อมแซมและตกแต่ง และ 5.การปลูกบ้านในที่ดินของตนเอง รวมวงปล่อยกู้ 70,000-80,000 บาท
 
ด้าน นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ระบุว่า ภาคเอกชนทั้ง 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ทั้งหมดจะให้ความช่วยเหลือในส่วนของค่าโอน ค่าจด จำนอง และการออกค่านิติบุคคลให้เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมถึงช่วยสนับสนุนดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าในอัตรา 2% เพื่อให้ธนาคารของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่  ธอส. และธนาคารออมสิน มีต้นทุนเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
 
"เอกชนจะรับภาระในส่วนต่างๆ คิดเป็นต้นทุน 4-5% และมองว่าสิ่งที่จะได้กลับมา คือ โอกาสในการขายที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น" นายทองมา กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น