29 ก.ค.2559 รายงานข่าวจาก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานีได้ไต่สวนพยาน ปากฝ่ายพนักงานอัยการ ผู้ร้อง ในคดีหมายเลขดำที่ ช.6 /2559 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ผู้ร้อง และ อับดุลลายิบ ดอเลาะ ผู้ตาย กูรอสเมาะ ตูแวบือซา ภรรยาผู้ตาย ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ร้ องซักถาม โดยศาลได้นัดไต่สวนพยานฝ่ายผู้ ร้องหนึ่งปาก คือ นพ.กิตติศักดิ์ ศรีพงษ์ หัวหน้าคณะกรรมการชันสูตรศพ และเป็นอาจารย์แพทย์จากนิติ เวชศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.หาดใหญ่) ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ทำการชันสู ตรพลิกศพผู้ตายที่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องจากญาติมีความประสงค์ให้ ส่งศพไปชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ งหลังจากมีชันสูตรในพื้นที่เกิ ดเหตุไปแล้ว
การไต่สวนแพทย์ดังกล่าวใช้ ระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยเชื่อมโยงสัญญาณระหว่างศาลจั งหวัดสงขลากับศาลจังหวัดปัตตานี นพ.กิตติศักดิ์ ให้ การความว่า การชันสูตรพลิกศพอับดุลลายิ บที่ขนย้ายจากจังหวัดปัตตานีไป เห็นว่าศพน่าจะมีปั ญหาอะไรบางอย่างแน่นอน สำหรับสาเหตุการเสียชีวิต จึงได้ประชุมแพทย์หลายคนตั้งเป็ นคณะแพทย์จำนวน 3 คนร่วมกันชันสูตรศพ อับดุ ลลายิบ ซึ่งปกติการชันสูตรจะใช้แพทย์ คนเดียวเท่านั้นในการชันสู ตรศพหนึ่งศพ โดยตนเองถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้ าทีมแพทย์ในการชันสูตรพลิ กศพของผู้ตาย ซึ่งศพผู้ตายมาถึงโรงพยาบาล เวลา 14.30 น. ของวันที่ 4 ธ.ค. 2558 เนื่องจากสภาพภายนอกของศพไม่ ปรากฏร่องรอยบาดแผลที่ชัดเจนใด ๆ ทีมแพทย์จึงแจ้งต่อภรรยาผู้ ตายว่าหากจะทราบสาเหตุการตายได้ อย่างชัดเจนแพทย์จะต้องทำการผ่ าศพ แต่ภรรยาผู้ตายไม่ประสงค์ให้มี การผ่าศพ (เพราะภรรยาของผู้ตายยังมี ความเชื่อของตนที่นับถือศาสนาอิ สลามอยู่ว่าไม่สมควรผ่าศพ) แพทย์จึงไม่ได้ทำการผ่าศพ แต่ได้ขออนุญาตภรรยาผู้ตาย ทำการเจาะเอาเลือดและน้ำเหลื องของผู้ตายไปตรวจด้วย ภรรยาของผู้ตายไม่ขัดข้อง
ในการชันสูตรพลิกศพ แพทย์ไม่อาจระบุสาเหตุ การตายของอับดุลลายิบที่แน่ นอนได้ เพราะเมื่อไม่ได้ทำการผ่าศพ จึงไม่ทราบว่ามีบาดแผลหรือร่ องรอยความผิดปกติที่อวั ยวะภายในอื่นใดอีกบ้างหรือไม่ที่ จะใช้ประกอบการวินิจฉัยสาเหตุ การตายได้อย่างชัดเจน สิ่งที่แพทย์ มอ.หาดใหญ่ให้ความเห็นต่ างจากแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพในพื้ นที่ คือ จุดเลือดที่เกิดขึ้นในดวงตาทั้ งสองข้างของผู้ตาย แพทย์ในพื้นที่บอกว่าจุดเลื อดในดวงตาดังกล่าวสามารถเกิดขึ้ นหลังจากอับดุลลายิบถึงแก่ ความตายแล้วก็ได้ แต่แพทย์ มอ.หาดใหญ่ยืนยันว่าจุดเลื อดในดวงตาดังกล่าวเป็นภาวะเยื่ อบุตาคั่งเลือดนั้นต้องเกิดขึ้ นตอนผู้ตายมีชีวิตอยู่ หรือ หัวใจยังเต้นอยู่ และจะไม่เกิดหลังเสียชีวิต เพราะคนที่ตายแล้ว หัวใจหยุดสูบฉีดเลือด เลือดหยุดไหลเวียนในร่างกาย จึงไม่อาจเกิดภาวะเลือดออกมาคั่ งที่เยื่อบุตาได้ ฉะนั้นจุดเลือดในตาที่พบดังกล่ าวจึงต้องเกิดขึ้นก่อนที่อั บดุลลายิบจะถึงแก่ความตาย และจุดเลือดคั่งในตาทั้งสองข้ างดังกล่าวก็เป็นผลอย่างหนึ่งที่ เกิดจากการขาดอากาศหายใจก่อนเสี ยชีวิต สำหรับการขาดอากาศหายใจนั้นเกิ ดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ กรณีอับดุลลายิบเมื่อไม่ได้ ผ่าศพพิสูจน์เพื่อดูร่ องรอยบาดแผลหรือความผิดปกติ ของอวัยวะภายใน แพทย์จึงวินิจฉัยสาเหตุไม่ได้ว่ าการขาดอากาศหายใจเกิดจากอะไร อีกอาการที่ตรวจพบคือ ริมฝีปากผู้ตายมีสีเขียวคล้ำ แต่เนื่องจากญาติไม่อนุญาตให้มี การผ่าศพ ทางทีมแพทย์ก็เคารพในความเชื่ อทางศาสนาของญาติ ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุสาเหตุ การตายที่ชัดเจนได้ เพราะไม่ได้ผ่าพิสูจน์หาร่ องรอยบาดแผลใต้ชั้นผิวหนัง กล้ามเนื้อ ภายในหลอดลม กระเพาะ ลำไส้ และหัวใจ ด้วยว่ามีความผิดปกติอย่างไรหรื อไม่ การตายของนายอับดุลลายิบจะเกิ ดจากการถูกทำร้ายด้วยวิธีการที่ ทำให้ไม่พบบาดแผลภายนอกแต่มี ปรากฏบาดแผลที่อวัยวะภายในหรื อไม่นั้น จึงไม่อาจระบุได้ ดังนั้นแพทย์จึงทำความเห็นได้ แต่เพียงว่าไม่อาจระบุสาเหตุ การตายที่แน่ชัดได้
หลังจากทีมแพทย์ที่ มอ.หาดใหญ่ ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ อับดุ ลลายิบ เสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2558 เวลาประมาณ 18.00 น. ภรรยาอับดุลลายิบและญาติ ๆ จึงได้นำศพของผู้ตายกลับไปภูมิ ลำเนาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอิ สลามทันทีในเวลากลางคืนวันดั งกล่าว
ศาลจังหวัดปัตตานีกำหนดนัดไต่ สวนพยานที่พนักงานอัยการ ผู้ร้อง แถลงว่าเหลืออีกเพียง 2 ปาก ได้แก่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลั กฐานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และพนักงานสอบสวน ในวันที่ 10 ส.ค. 2559 เวลา 09.00 - 16.30 น.
สำหรับการเสียชีวิตของอับดุลลายิบ นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2558 โดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดปัตตานี และ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 เข้าติดตามจับกุม บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี อับดุลลายิบ ดอเลาะ หรือ เปาะซู โดยระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ระดับหัวหน้า kompi และผลการซักถามขั้นต้น อับดุลลายิบ ได้ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง เคยผ่านการซูมเปาะ ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำไปลงบันทึกประจำวัน ณ สถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองจิก และทำการส่งตัว อับดุลลายิบฯ ดำเนินกรรมวิธีซักถาม ณ หน่วยข่าวกรองทางทหาร ส่วนหน้า จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกระทั่งเสียชีวิตในระหว่างถูกควบคุมตัว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น