วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

คำสั่งหัวหน้า คสช. 55/2559 ยกเลิกดำเนินคดีพลเรือนที่ศาลทหาร เหตุบ้านเมืองสงบ




คำสั่งหัวหน้า คสช. 55/2559 ระบุ สถานการณ์บ้านเมือง 2 ปีมานี้ สงบเรียบร้อยเป็นลำดับ ประชาชนให้ความร่วมมือ ประชามติผ่าน สมควรผ่อนคลายมาตรการ จึงให้คดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์-ความมั่นคง ม.107 - 118 คดีขัดคำสั่ง คสช. รวมทั้งคดีอาวุธปืน ระเบิด ให้เลิกขึ้นศาลทหาร กลับไปขึ้นศาลยุติธรรม แต่ยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. 3/2558 และ 13/2559 ต่อไป
แฟ้มภาพเจ้าหน้าที่ทหารและสารวัตรทหารปฏิบัติหน้าที่บริเวณ หน้าประตูทางเข้ากองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2.รอ.) สนามเป้า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557
12 ก.ย. 2559 - วันนี้ใน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา มีการเผยแพร่ "คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 55/2559 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร" โดยตั้งแต่วันนี้ไป ให้ยกเลิกการพิจารณาคดีศาลทหารในคดีตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไปนี้
"ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร" ประกาศวันที่ 25 พฤษภาคม 2557
ซึ่งมีผลให้คดีต่อไปนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร 1. ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ได้แก่ (1) ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107 ถึงมาตรา 112 (2) ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา 113 ถึงมาตรา 118 (ยกเว้นความผิดซึ่งการกระทําผิดเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 หรือพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548)
2. ความผิดตามประกาศหรือคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
"ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทําหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอํานาจของศาลทหาร" ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2557
"ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 50/2557" เรื่อง ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม
อย่างไรก็ตามเจ้าพนักงานตาม คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ยังคงมีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าวต่อไป
000
คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 55/2559
เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
ตามที่มีประกาศกองทัพบกและประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และต่อมามีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนดให้การกระทำความผิดบางประเภทที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรและในระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึกดังกล่าว อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร นั้น เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวมาแล้วระยะหนึ่ง ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดีในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการควบคุมสถานการณ์และรักษาความสงบแห่งชาติตามกฎอัยการศึกจึงควรผ่อนคลายลง ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเห็นว่าในช่วงเวลานั้น อยู่ระหว่างการจัดทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งควรส่งเสริมให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพให้กว้างขวาง จึงได้มีประกาศพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2558 ให้เลิกใช้ กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร แต่ไม่กระทบต่อประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่ที่มีผลใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ส่วนการกระทำความผิดบางประเภทตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังคงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหารต่อไป
โดยที่บัดนี้ปรากฏว่าสถานการณ์บ้านเมืองในรอบสองปีที่ผ่านมามีความสงบเรียบร้อยเป็นลำดับ ประชาชนต่างมีเจตนารมณ์และให้ความร่วมมือที่ดีในการนำประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การปฏิรูปประเทศตามขั้นตอน และการสร้างความสามัคคีปรองดองที่ถูกต้องเป็นธรรม ดังเห็นได้จากกระบวนการลงประชามติที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับความเห็นชอบจากประชาชนด้วยมติท่วมท้น จึงสมควรผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ลงอีก เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้ใช้สิทธิ ปฏิบัติหน้าที่ของตนและได้รับความคุ้มครองตามกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งกำลังจะประกาศใช้ในเร็ววัน ตลอดจนตามหลักนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 บรรดาการกระทำความผิดตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 50/2557 เรื่อง ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม  ซึ่งได้กระทำตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ให้อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
บรรดาการกระทำความผิดที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมตามวรรคหนึ่ง ไม่หมายความรวมถึงการกระทำความผิดที่กฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหารบัญญัติให้เป็นอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหาร โดยให้การกระทำความผิดดังกล่าวยังคงอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลทหารต่อไป
ข้อ 2 ให้เจ้าพนักงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ยังคงมีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าวต่อไป
ข้อ 3 ในกรณีเห็นสมควร ให้นายกรัฐมนตรีเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
ข้อ 4 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 12 กันยายน พุทธศักราช 2559
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น