ปภ.เตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนลำปาวเตรียมรับสถานการณ์น้ำ ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 5 อำเภอใน จ.นครพนม 'เดลินิวส์-ฐปณีย์' เปิดภาพถ่ายทางอากาศ อ่างเก็บน้ำแตกจริงยาว 20 เมตร น้ำไหลลงท่วมสกลนครจนไม่เหลือน้ำ ศรีสุวรรณติง รัฐบาลมีงบกลาง 1.9 แสนล้านงบฉุกเฉินผู้ว่าจังหวัดละ 70 ล้าน
31 ก.ค. 2560 ประมวลสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภคอีสาน วันนี้ (31 ก.ค.60) สำนักข่าวไทยรายงานว่า ฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะผู้อำนวยการกลางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งโทรสารในราชการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ด่วนที่สุด วันที่ 31 ก.ค.60 ถึงผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 6 และ 13 โดยมีเนื้อหาสาระส่วนหนึ่งว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ร่วมกับกรมชลประทาน วิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลำปาวจำนวนมาก ทำให้เขื่อนลำปาว มีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำขึ้นอีก โดยได้เริ่มระบาย ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. 60 ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนลำปาวในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์โดยให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตดำเนินการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และจัดเตรียมความพร้อมทรัพยากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้สามารถเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันที พร้อมให้รายงานผลการเตรียมความพร้อมมายังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ภายใน 24 ชั่วโมง ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ Centraleoc.office@gmail.com และหากมีสถานการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ให้รายงานสถานการณ์และการดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด
ปภ.ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 5 อำเภอใน จ.นครพนม
กอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดี ปภ. สรุปสถานการณ์น้ำ ว่า ล่าสุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม 5 อำเภอ 5 ตำบล 5 หมู่บ้านของจังหวัดนครพนม ประกอบด้วย อำเภอนาแก ,นาหว้า ,วังยาง ,เรณูนคร และศรีสงคราม โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
กอบชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปภ.ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมให้เตรียมรองรับสถานการณ์น้ำที่สูงขึ้น พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ นาแก และธาตุพนม เนื่องจากเป็นจุดที่ต้องรองรับการระบายน้ำที่ท่วมขังจากจังหวัดสกลนคร ก่อนลงสู่แม่น้ำโขง
เดลินิวส์ เปิดภาพถ่ายทางอากาศชี้อ่างเก็บน้ำแตกจริงยาว 20 เมตร
ก่อนหน้านั้นมีการแชร์ภาพของผู้ที่อ้างว่าอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นแตก เป็นต้นเหตุทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมสูง จ.สกลนคร แต่ทางกรมชลประทานออกมายืนยันแล้วว่า อ่างเก็บน้ำไม่ได้แตก แต่เพราะมีฝนตกลงมามากทำให้น้ำล้นสปิลเวย์ไหลทะลักออกมาดังกล่าว (อ่านรายละเอียด)
ภาพจาก เดลินิวส์
เดลินิวส์ รายงาน ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศจากดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศที่ถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์ ทำให้พบว่าอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นได้แตกจริง แตกเป็นทางยาว 20 เมตร หลังถูกน้ำกัดเซาะคันดินลึก 6 เมตร จากความลึกของคันดินเดิม 8 เมตร ทำให้มวลน้ำปริมาณ 175 ล้าน ลบ.ม. ไหลเข้าสู่อำเภอเมืองสกลนครทันทีในช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ค. ส่งผลให้ตอนนี้มียอดผู้เสียชีวิตแล้ว 4 รายอยู่ที่ อ.พรรณนานิคม 2 ราย อ.สว่างแดนดิน 1 ราย และอ.เมืองสกลนคร 1 ราย นอกจากนี้ยังสูญหายอีก 1 ราย เป็นชาว ต.ขมิ้น อ.เมืองสกลนคร
ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มิติ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ภาพถ่ายทางอากาศผ่านทางฟซบุ๊กที่แสดงให้เห็นสภาพอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น ที่คันดินแตก น้ำในอ่างทั้งหมดไหลลงท่วมอ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อ 28 ก.ค.จนไม่เหลือน้ำอยู่เลย
ศรีสุวรรณ ติง รบ.มีงบกลาง 1.9 แสนล้านงบฉุกเฉินผู้ว่าจังหวัดละ 70 ล้าน
ขณะที่ ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้ อนได้เปิดเผยกรณีสำนักนายกรั ฐมนตรีได้เชิญชวนประชาชนให้ร่ วมบริจาคเงินช่วยเหลือประชาชนผู้ ประสบภัยน้ำท่วมภาคอีสานว่า เหตุใดรัฐบาลต้องมัวมาเสี ยเวลาและบุคลากรของรัฐในการรอรั บเงินบริจาคของประชาชน เพราะรัฐบาลได้มีงบประมาณแผ่นดิ นปี 2560 ซึ่งเป็นงบกลางอยู่แล้วมากกว่า 1.9 แสนล้านบาท นายกรัฐมนตรีสามารถอนุมัติเงิ นสั่งจ่ายให้นำไปช่วยเหลื อประชาชนได้ในทันที ขณะเดียวกันเงินทดรองราชการที่ กระทรวงการคลังได้มอบอำนาจให้ผู้ ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในพื้ นที่ประสบภัย สามารถเบิกจ่ายนำไปใช้ได้ทันที ได้อยู่แล้วจังหวัดละ 70 ล้านบาทโดยกรมบัญชีกลางได้ยกเว้ นระเบียบการจัดซื้อ-จัดจ้าง ให้อำนาจผู้ว่าฯเบิกเงินไปซื้ อวัสดุ อุปกรณ์ หรือยานพาหนะพิเศษ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการช่วยเหลื อด้านต่าง ๆ รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคให้กั บประชาชนในพื้นที่ ที่น้ำท่วมสูงอย่างรุนแรงในพื้ นที่ เพื่อความรวดเร็วในการช่วยเหลื อประชาชน
การที่รัฐบาลโดยสำนักนายกรั ฐมนตรีมาดำเนินการเชิ ญชวนประชาชนให้ร่วมบริจาคเงินช่ วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่ วมจึงสงสัยว่า จะเก็บเงินงบกลาง 1.9 แสนล้านบาทไปไว้ใช้อะไร หรือจะรอนำไปจ่ายในการซื้ออาวุ ธ-ยุทธโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้กองทัพเพื่อความมั่นคงกระนั้ นหรือ นอกจากนั้น การทำหน้าที่ของศูนย์เตือนภัยพิ บัติแห่งชาติยังเป็นที่น่าสงสั ยอยู่ว่ายังคงมีอยู่ในสารบบหน่ วยงานราชการไทยอีกหรือไม่ เพราะกรณีเขื่อนห้วยทรายขมิ้นที่ จังหวัดสกลนครแตก ศูนย์ฯดังกล่าวได้ทำหน้าที่เตื อนภัยชาวบ้านในพื้นที่ใต้เขื่ อนและในพื้นที่อำเภอเมื องสกลนครให้เตรียมตัวฉุกเฉินเพื่ ออพยพหรือป้องกันทรัพย์สินมีค่ าของตนหรือไม่ อย่างไรก่อนที่เขื่อนจะแตก หรือรอฟั งรายงานจากกรมชลประทานว่าเป็ นแค่น้ำกัดเซาะเขื่อนไม่ใช่เขื่ อนแตกจึงไม่ส่งสัญญาณใด ๆ ต่อชาวบ้าน ซึ่งถ้าทำงานเพียงเช่นนั้นก็ สมควรยุบเลิกศูนย์ฯดังกล่ าวไปเสีย เพื่อนำงบประมาณของศูนย์ฯดังกล่ าวไปช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำ ท่วมยังจะมีประโยชน์เสียกว่า
ติดตามเข้ามาดูข่าวค่ะ
ตอบลบติดตามเข้ามาดูข่าวค่ะ
ตอบลบ