"จาตุรนต์"ขยี้แผล"มาร์ค 2 สัญชาติ"
จาตุรนต์ ฉายแสง
http://www.internetfreedom.us/thread-15298.html
อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
เรื่องนี้เริ่มจากมีคนนำเรื่องการสังหารประชาชนเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ไปฟ้องศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ หลายคนเชื่อว่าศาลคงไม่รับฟ้องเพราะรัฐบาลไทยไม่ได้ลงสัตยาบันรับรองอำนาจของศาล
แต่ต่อมามีการอธิบายว่าสามารถฟ้องนายอภิสิทธิ์ได้ เนื่องจากถือสัญชาติอังกฤษด้วย เมื่อถามนายอภิสิทธิ์ก็ตอบบ่ายเบี่ยงว่าเลือกที่เกิดไม่ได้ ระหว่างอยู่ในประเทศอังกฤษไม่เคยใช้สิทธิพลเมืองอังกฤษ
เช่น เวลาเรียนหนังสือจ่ายค่าเล่าเรียนอย่างชาวต่างประเทศ แต่ไม่บอกว่ายังมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่ แต่ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ยังไม่สละสัญชาติอังกฤษ ถือว่ายังมีสัญชาติอังกฤษ คือมี 2 สัญชาติ
นายอภิสิทธิ์ระบุว่าหากจะให้สละสัญชาติอังกฤษก็สละได้ แต่ถ้าสละตอนนี้อาจถูกกล่าวหาว่ากลัวไปขึ้นศาลโลก
ผมไม่ได้วิเคราะห์เรื่องนายอภิสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีในศาลคดีอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ และไม่ได้สนใจว่านายอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษหรือไม่
แต่สนใจประเด็นที่นายอภิสิทธิ์ยอมรับแล้วว่าถือ 2 สัญชาติ และมีเงื่อนไขต่างๆ หากจะสละสัญชาติ ถามว่านายอภิสิทธิ์ยังควรเป็นนายกฯ ของประเทศไทยอยู่หรือไม่ และควรเป็นนายกฯ มาตั้งแต่ต้นหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ไม่ใช่ประชาชนทั่วไปแต่เป็นนายกฯ จะอ้างว่าคนอื่นถือสัญชาติ 2 สัญชาติได้ ทำไมต้องเรียกร้องให้เขาสละสัญชาติอยู่คนเดียวไม่ได้
ประเด็นอยู่ที่ว่าคนเป็นนายกฯ ของไทย ต้องมีความรับผิดเท่ากับคนไทยทั่วไป ไม่ใช่มีอภิสิทธิ์หรือมีภูมิคุ้มกันมากกว่าคนอื่นๆ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปการถือสองสัญชาติไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะไม่ใช่ผู้นำประเทศ
ที่ผ่านมาไม่ว่านายอภิสิทธิ์จะเคยใช้สิทธิ์ของการมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่ แต่วันข้างหน้าอาจต้องใช้สิทธิ์ของการมีสัญชาติอังกฤษก็ได้ เช่น หากอนาคตจะมีการดำเนินคดีข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับรัฐมนตรีในรัฐบาลของตนทุจริตประพฤติมิชอบ หรือสั่งการสังหารประชาชนจำนวนมาก เป็นต้น
แล้วนายอภิสิทธิ์เดินทางไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยขอใช้สิทธิ์ในฐานะที่มีสัญชาติอังกฤษ ก็ทำได้และได้รับการคุ้มครองในฐานะพลเมืองอังกฤษทันที
ถึงตอนนั้นกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะใช้ได้กับนายอภิสิทธิ์ซึ่งถือสัญชาติอังกฤษอยู่ และรัฐบาลไทยหรือประชาชนไทยจะไปร้องต่อศาลอังกฤษเพื่อให้ส่งตัวคุณอภิสิทธิ์มาขึ้นศาลไทย จะทำได้หรือไม่
แต่ที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วงคือนายอภิสิทธิ์อาจจะไม่ต้องขึ้นศาลไทย หากมีใครไปร้องให้ดำเนินคดีก็เป็นได้
ประเด็นสำคัญก็คือเชื่อได้แน่ว่าตลอดเวลาที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะยังเป็นนายกฯ อยู่หรือไม่ก็ตาม นายอภิสิทธิ์มีภูมิคุ้มกันต่อกฎหมายไทยมากกว่าคนอื่นๆ
แต่อาจมีบางท่านแย้งว่าถึงแม้จะเป็นเหตุเป็นผล แต่คงไม่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติได้ง่ายๆ หรอก ต้องบอกว่ากรณีทำนองนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดมาก่อน
เมื่อไม่นานมานี้มีกรณีของประเทศเปรูเป็นตัวอย่าง ประธานาธิบดีอัลเบอร์โต ฟูจิมูริ ก็เป็นคนสองสัญชาติ คือสัญชาติเปรูและสัญชาติญี่ปุ่น นายฟูจิมูริถูกรัฐบาลเปรูในเวลาต่อมาดำเนินคดีทั้งเรื่องทุจริตและใช้อำนาจโดย มิชอบ เป็นข้อหาร้ายแรง
ช่วงหนึ่งนายฟูจิมูริหนีไปอยู่ญี่ปุ่น ได้รับการคุ้มครองในฐานะเป็นคนญี่ปุ่นจนรัฐบาลเปรูทำอะไรไม่ได้ ต้องรอจนกระทั่งนายฟูจิมูริไปวางแผนยึดอำนาจคืนที่ประเทศชิลี จึงถูกจับและถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในเปรู
นายฟูจิมูริกับรัฐบาลเปรู ใครผิดใครถูกอย่างไร ผมไม่ขอวิจารณ์ แต่เห็นว่ากรณีนี้เป็นตัวอย่างว่าการที่นายกฯ ของไทยมี 2 สัญชาติเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น
มีคนไปถาม กกต.ซึ่งเข้าใจว่ายังไม่ทันหาข้อมูลให้ชัดเจน และยังไม่ได้ประชุมหารือกัน ก็ด่วนออกมาชี้แจงแล้วว่าการที่นายอภิสิทธิ์มี 2 สัญชาติ ไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติเพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ
เรื่องการมี 2 สัญชาตินี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ แต่โดยสามัญสำนึกน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าระบบกฎหมายของไทยไม่น่ายินยอมให้นายกฯ เป็นบุคคล 2 สัญชาติ
เรื่องนี้เป็นปัญหาทางการเมืองของประเทศ เมื่อเป็นเรื่องการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง ฟ้องประชาชนกันดีกว่า
ขอย้ำว่าไม่ได้กำลังบอกว่านายอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษเสีย แต่กำลังบอกว่านายอภิสิทธิ์ ซึ่งรู้อยู่แก่ใจมาตลอดว่าตนเองมี 2 สัญชาติ จะสละสัญชาติก็ได้แต่ไม่สละนั้น
ไม่ควรเป็นนายกฯ มาตั้งแต่ต้น และไม่ควรเป็นนายกฯ ต่อไป
ข่าวสด
http://www.internetfreedom.us/thread-15298.html
อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
เรื่องนี้เริ่มจากมีคนนำเรื่องการสังหารประชาชนเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ไปฟ้องศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ หลายคนเชื่อว่าศาลคงไม่รับฟ้องเพราะรัฐบาลไทยไม่ได้ลงสัตยาบันรับรองอำนาจของศาล
แต่ต่อมามีการอธิบายว่าสามารถฟ้องนายอภิสิทธิ์ได้ เนื่องจากถือสัญชาติอังกฤษด้วย เมื่อถามนายอภิสิทธิ์ก็ตอบบ่ายเบี่ยงว่าเลือกที่เกิดไม่ได้ ระหว่างอยู่ในประเทศอังกฤษไม่เคยใช้สิทธิพลเมืองอังกฤษ
เช่น เวลาเรียนหนังสือจ่ายค่าเล่าเรียนอย่างชาวต่างประเทศ แต่ไม่บอกว่ายังมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่ แต่ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ยังไม่สละสัญชาติอังกฤษ ถือว่ายังมีสัญชาติอังกฤษ คือมี 2 สัญชาติ
นายอภิสิทธิ์ระบุว่าหากจะให้สละสัญชาติอังกฤษก็สละได้ แต่ถ้าสละตอนนี้อาจถูกกล่าวหาว่ากลัวไปขึ้นศาลโลก
ผมไม่ได้วิเคราะห์เรื่องนายอภิสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีในศาลคดีอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ และไม่ได้สนใจว่านายอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษหรือไม่
แต่สนใจประเด็นที่นายอภิสิทธิ์ยอมรับแล้วว่าถือ 2 สัญชาติ และมีเงื่อนไขต่างๆ หากจะสละสัญชาติ ถามว่านายอภิสิทธิ์ยังควรเป็นนายกฯ ของประเทศไทยอยู่หรือไม่ และควรเป็นนายกฯ มาตั้งแต่ต้นหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ไม่ใช่ประชาชนทั่วไปแต่เป็นนายกฯ จะอ้างว่าคนอื่นถือสัญชาติ 2 สัญชาติได้ ทำไมต้องเรียกร้องให้เขาสละสัญชาติอยู่คนเดียวไม่ได้
ประเด็นอยู่ที่ว่าคนเป็นนายกฯ ของไทย ต้องมีความรับผิดเท่ากับคนไทยทั่วไป ไม่ใช่มีอภิสิทธิ์หรือมีภูมิคุ้มกันมากกว่าคนอื่นๆ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปการถือสองสัญชาติไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะไม่ใช่ผู้นำประเทศ
ที่ผ่านมาไม่ว่านายอภิสิทธิ์จะเคยใช้สิทธิ์ของการมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่ แต่วันข้างหน้าอาจต้องใช้สิทธิ์ของการมีสัญชาติอังกฤษก็ได้ เช่น หากอนาคตจะมีการดำเนินคดีข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับรัฐมนตรีในรัฐบาลของตนทุจริตประพฤติมิชอบ หรือสั่งการสังหารประชาชนจำนวนมาก เป็นต้น
แล้วนายอภิสิทธิ์เดินทางไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยขอใช้สิทธิ์ในฐานะที่มีสัญชาติอังกฤษ ก็ทำได้และได้รับการคุ้มครองในฐานะพลเมืองอังกฤษทันที
ถึงตอนนั้นกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะใช้ได้กับนายอภิสิทธิ์ซึ่งถือสัญชาติอังกฤษอยู่ และรัฐบาลไทยหรือประชาชนไทยจะไปร้องต่อศาลอังกฤษเพื่อให้ส่งตัวคุณอภิสิทธิ์มาขึ้นศาลไทย จะทำได้หรือไม่
แต่ที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วงคือนายอภิสิทธิ์อาจจะไม่ต้องขึ้นศาลไทย หากมีใครไปร้องให้ดำเนินคดีก็เป็นได้
ประเด็นสำคัญก็คือเชื่อได้แน่ว่าตลอดเวลาที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะยังเป็นนายกฯ อยู่หรือไม่ก็ตาม นายอภิสิทธิ์มีภูมิคุ้มกันต่อกฎหมายไทยมากกว่าคนอื่นๆ
แต่อาจมีบางท่านแย้งว่าถึงแม้จะเป็นเหตุเป็นผล แต่คงไม่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติได้ง่ายๆ หรอก ต้องบอกว่ากรณีทำนองนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดมาก่อน
เมื่อไม่นานมานี้มีกรณีของประเทศเปรูเป็นตัวอย่าง ประธานาธิบดีอัลเบอร์โต ฟูจิมูริ ก็เป็นคนสองสัญชาติ คือสัญชาติเปรูและสัญชาติญี่ปุ่น นายฟูจิมูริถูกรัฐบาลเปรูในเวลาต่อมาดำเนินคดีทั้งเรื่องทุจริตและใช้อำนาจโดย มิชอบ เป็นข้อหาร้ายแรง
ช่วงหนึ่งนายฟูจิมูริหนีไปอยู่ญี่ปุ่น ได้รับการคุ้มครองในฐานะเป็นคนญี่ปุ่นจนรัฐบาลเปรูทำอะไรไม่ได้ ต้องรอจนกระทั่งนายฟูจิมูริไปวางแผนยึดอำนาจคืนที่ประเทศชิลี จึงถูกจับและถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในเปรู
นายฟูจิมูริกับรัฐบาลเปรู ใครผิดใครถูกอย่างไร ผมไม่ขอวิจารณ์ แต่เห็นว่ากรณีนี้เป็นตัวอย่างว่าการที่นายกฯ ของไทยมี 2 สัญชาติเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น
มีคนไปถาม กกต.ซึ่งเข้าใจว่ายังไม่ทันหาข้อมูลให้ชัดเจน และยังไม่ได้ประชุมหารือกัน ก็ด่วนออกมาชี้แจงแล้วว่าการที่นายอภิสิทธิ์มี 2 สัญชาติ ไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติเพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ
เรื่องการมี 2 สัญชาตินี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ แต่โดยสามัญสำนึกน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าระบบกฎหมายของไทยไม่น่ายินยอมให้นายกฯ เป็นบุคคล 2 สัญชาติ
เรื่องนี้เป็นปัญหาทางการเมืองของประเทศ เมื่อเป็นเรื่องการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง ฟ้องประชาชนกันดีกว่า
ขอย้ำว่าไม่ได้กำลังบอกว่านายอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษเสีย แต่กำลังบอกว่านายอภิสิทธิ์ ซึ่งรู้อยู่แก่ใจมาตลอดว่าตนเองมี 2 สัญชาติ จะสละสัญชาติก็ได้แต่ไม่สละนั้น
ไม่ควรเป็นนายกฯ มาตั้งแต่ต้น และไม่ควรเป็นนายกฯ ต่อไป
ข่าวสด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น